เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #2  
เก่า 27-04-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


'ปะการังฟอกขาว' ครั้งใหญ่ ลามทั่วโลก ต้นตอจากภาวะ 'โลกเดือด'

หลายพื้นที่ทั่วโลก ประสบสภาวะ "ปะการังฟอกขาว" ครั้งใหญ่ เหตุจากภาวะโลกร้อน-กระทบต่อระบบนิเวศ



เป็นข้อมูลที่น่าสนใจจาก SDG Move TH ระบุว่า แนวชายฝั่งตั้งแต่ออสเตรเลีย เคนยา จนไปถึงเม็กซิโก พบแนวปะการังที่มีสีสันสดใสหลายแห่งทั่วโลกกำลังกลายเป็นสีขาวอย่างน่ากลัว โดยองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐ (NOAA) และโครงการริเริ่มแนวปะการังนานาชาติ (ICRI) ประกาศว่า โลกกำลังประสบสภาวะปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ (Mass Bleaching) เป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่มีการจดบันทึกมา ซึ่งตั้งแต่เดือน ก.พ. ปี 66 พบว่า อย่างน้อย 54 ประเทศและดินแดนกำลังประสบปัญหาสภาวะปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้นํ้าในพื้นผิวมหาสมุทรอุ่นขึ้น โดยก่อนหน้านี้ทั้ง 3 ครั้งเกิดขึ้นเมื่อปี 41 ปี 53 และระหว่างปี 57 ? 60 ล้วนเกิดขึ้นในช่วงของปรากฏการณ์เอลนีโญ

"ปะการังฟอกขาว" เกิดจากการที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี ซึ่งเกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย เช่น อุณหภูมินํ้าทะเลสูงเกินไป และเมื่อเกิดแล้วอาจก่อให้เกิดโรค หรือกระทั่งตายได้ หากภาวะนั้นยังไม่ได้รับการเยียวยา

นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า พื้นที่แนวปะการังมากกว่า 54% ในมหาสมุทรทั่วโลกกำลังเผชิญกับการที่ปะการังจะเกิดความเครียดจากความร้อน ทำให้ปะการังมีสีจางลงจนเปลี่ยนเป็นสีขาว ขณะที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟ ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแนวปะการังกว้างใหญ่ที่สุดของโลกและสามารถมองเห็นได้จากอวกาศก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่นเดียวกับแนวปะการังที่กว้างใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ ทะเลแดง (Red Sea) ที่ตั้งอยู่ระหว่างทวีปแอฟริกา และทวีปเอเชีย รวมถึงอ่าวเปอร์เซีย

นอกจากนี้ เมื่อเดือนส.ค. ปี 66 พบว่า แนวปะการังในทะเลแคริบเบียนประสบปัญหาการฟอกขาว เนื่องจากอุณหภูมิผิวนํ้าทะเลอยู่ที่ประมาณ 1-3 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิปกติ อย่างไรก็ดี เหตุการณ์การฟอกขาวนั้นยังเกิดขึ้นซํ้า ๆ ในหลายพื้นที่ทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์จึงคาดการณ์ว่าหากโลกมีอุณหภูมิสูงถึง 1.5 องศาเซลเซียส แนวปะการังทั่วโลกอาจสูญหายไป 70-90% โดยปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกร้อนขึ้นประมาณ 1.2 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขนี้ก็เพียงพอที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อแนวปะการัง

จากเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นกำลังกัดกินพื้นที่ครอบคลุมไปทั่วโลก ดังนั้น ทั่วโลกต้องร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อช่วยปรับปรุงสภาพการอยู่รอดของแนวปะการัง เนื่องจากยังมีคนหลายล้านคนที่ต้องพึ่งพาปะการังในฐานะแหล่งสารอาหาร รวมถึงเป็นแหล่งพักอาศัยสำคัญ และแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเลมากมาย นอกจากนี้ แนวปะการังยังมีความสำคัญต่อระบบนิเวศด้านต่าง ๆ เช่น การชะลอคลื่น และการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งจากคลื่นลมในมหาสมุทรอีกด้วย

สอดคล้องกับที่ "ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์" รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า NOAA ประกาศ "ปะการังฟอกขาวระดับหายนะ" อย่างเป็นทางการ ถือเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ สองครั้งหลังเกิดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แสดงถึงความรุนแรงของโลกร้อนทะเลเดือด ปัจจุบันมี 53 ประเทศใน 3 มหาสมุทร เกิดปะการังฟอกขาวแล้ว คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก ในทะเลไทย อุณหภูมินํ้าทะเลสูงขึ้นในช่วงปลาย มี.ค. ต้น เม.ย. แต่คงที่ ลดเล็กน้อยในช่วงสงกรานต์ ยังไม่พบปะการังฟอกขาวอย่างชัดเจนในขณะนี้ ต้องเฝ้าระวังปะการังฟอกขาวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงสิ้น เม.ย. ตลอดเดือน พ.ค. อันเป็นช่วงวิกฤติ

การลดผลกระทบด้านอื่น ๆ ในแนวปะการัง เช่น ตะกอน นํ้าทิ้ง การท่องเที่ยว แพลงก์ตอนบลูม เป็นเรื่องสำคัญในการเพิ่มความทนทานของระบบนิเวศ การย้ายปะการัง เก็บสะสมพ่อแม่พันธุ์ อาจจำเป็นหากเกิดฟอกขาวรุนแรง แต่ต้องทำอย่างรอบคอบ ภายใต้การดูแลของกรมทะเล ผู้เชี่ยวชาญ การลดจำนวนนักท่องเที่ยว ปิดบางพื้นที่ อาจจำเป็นแต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวควบคู่กันไป การสร้างแหล่งดำนํ้าอื่น ๆ เพื่อดึงคนออกจากแนวปะการัง มีส่วนช่วยได้ เช่น เรือปราบ

ทางศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ระบุถึงปะการังฟอกขาว เป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี เกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย เช่นอุณหภูมินํ้าทะเลสูงเกินไป มีนํ้าจืดไหลลงมาทำให้ความเค็มลดลง ตะกอนที่ถูกนํ้าจืดไหลพัดพามาจากชายฝั่ง หรือแม้แต่มลพิษที่เกิดจากการใช้ประโยชน์ทางทะเลของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยนํ้าเสีย การใช้ครีมกันแดด การทิ้งขยะตามแนวชายหาดก็ล้วนมีผลให้สาหร่ายซูแซนเทลลีออกมาจากเนื้อเยื่อของปะการังเพื่อความอยู่รอดแนะนำถึงการดูแลรักษา และอนุรักษ์แนวปะการังได้ เริ่มจากการลดการสร้างมลพิษที่สามารถทำได้ดังต่อไปนี้ ลดการใช้รถโดยไม่จำเป็น ลดการเผาสิ่งปฏิกูล หลีกเลี่ยงการกระทำที่จะเป็นการทำลายแนวปะการัง ด้วยการทำระบบบำบัดนํ้าเสีย ระมัดระวังการใช้ปุ๋ยในการเกษตร เพราะเมื่อถูกชะล้างลงสู่ทะเลจะส่งผลกระทบต่อสาหร่ายในแนวปะการัง ไม่ทิ้งขยะตามชายฝั่งทะเล


https://www.dailynews.co.th/news/3374024/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:39


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger