![]() |
|
#6
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
ผู้ว่าฯสงขลา ชี้แจง ถูกแจ้ง ม.157 ปล่อยให้กลุ่มประมงโพงพาง ทำผิดกฎหมาย ผู้ว่าฯสงขลา แจงกรณีถูกแจ้งความมาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้ "กลุ่มประมงโพงพาง" ทำผิดกฎหมาย ยันไม่มีใครอนุญาตให้ทำผิดกฎหมายได้ ส่วนข้อเสนอขอทะเลสาบสงขลาเป็น "เขตประมงพิเศษ" ไม่ใช่อำนาจจังหวัด เป็นเรื่องเชิงนโยบาย ![]() วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 กรณีที่นายสมโภช โชติชูช่วง อายุ 65 ปี อดีตรองผู้ว่าราชการ จ.กระบี่ ได้เข้าแจ้งความกับที่สถานีตำรวจภูฦธรเมืองสงขลา เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประมงจังหวัด ผอ.เจ้าท่าจังหวัดสงขลา และผู้กำกับการกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ (จังหวัดสงขลา) ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนจังหวัดสงขลา จากการที่ปล่อยให้ชาวประมงโพงพางใช้เครื่องมือทำประมงผิดกฎหมายกีดขวางในพื้นที่ทะเลสาบสงขลา และการปล่อยปละละเลยให้กลุ่มผู้ทำโพงพางมีการชุมนุมปิดท่าแพขนานยนต์เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 67 รวมถึงรับข้อเสนอที่จะทะเลสาบสงขลาเป็นเขตประมงพิเศษนั้น นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า รับทราบเรื่องที่ถูกแจ้งความกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อยากจะชี้แจงข้อมูลความเป็นมาว่า ตนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีใครอนุญาตให้กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายได้ วิธีการทำงานของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน แต่ยังมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการรื้อโพงพาง การจัดระเบียบทะเลสาบสงขลา แต่กว่าจะสำเร็จอาจต้องใช้เวลา จะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ กรณีที่ทางกลุ่มผู้ประท้วงเสนอว่า เมื่อจัดระเบียบทะเลสาบสงขลา จะขอทำ "เขตประมงพิเศษ" นั้น เรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของจังหวัด ทางจังหวัดจะนำเสนอไปเชิงนโยบาย นายสมนึกกล่าวต่อไปว่า ขอเล่าย้อนกลับไปกรณีปัญหาโพงพางที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้มีข้อร้องเรียนมาจากหลายภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากชาวประมงโพงพางที่ทำผิดกฎหมาย หลังจากนั้นประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ได้มีการเชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดูแลเรื่องความมั่นคง อัยการจังหวัด ตำรวจภูธร ซึ่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาติดภารกิจ มอบให้ รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา มา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประมงจังหวัดฯ เจ้าท่าภูมิภาคฯ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) พูดคุยกันหลายประเด็นว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรให้ยั่งยืน และดูแลเรื่องผลกระทบต่าง ๆ ในอดีตเคยมีการรื้อโพงพางไป 2 ครั้ง สุดท้ายกลับมาเหมือนเดิม และมีการกระทบกระทั่งกับกลุ่มโพงพางที่ทำผิดกฎหมาย อัยการจังหวัดเคยแนะนำว่า ในการแก้ไขปัญหาให้ยั่งยืน และลดผลกระทบในเรื่องการปะทะกัน ให้ใช้กฎหมายทั่วไป ให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตามกฎหมายประมง เจ้าท่าไปดำเนินการในเรื่องของการแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อจะรวบรวมพยานหลักฐานนำเข้าสู่ศาล เพื่อใช้กระบวนการยุติธรรมปกติ ให้ศาลได้มีคำสั่งในการรื้อถอน หรือมีประเด็นอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นดุลยพินิจของทางศาล หลังจากนั้นประมงได้มีการประกาศให้รื้อถอนโพงพาง ซึ่งในข้อเท็จจริงทราบกันอยู่แล้วว่า กลุ่มที่ทำโพงพางผิดกฎหมายคงไม่รื้อ เพื่อนำไปสู่กระบวนว่า เมื่อประมงออกคำสั่งให้รื้อถอน ซึ่งถือเป็นคำสั่งทางการปกครองจะได้ใช้คำสั่งตัวนี้นำไปประกอบในเรื่องของการแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ปรากฏว่า พอประมงจังหวัดออกคำสั่ง นายเดชอิศม์ ขาวทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอตัวเข้ามาเพื่อเป็นแกนกลางในการไกล่เกลี่ยกับชาวประมงในเรื่องการรื้อถอนโพงพาง ขอเวลา 90 วัน การไกล่เกลี่ยไม่สามารถตกลงกันได้ ประมงจังหวัดกับเจ้าท่าได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อที่จะให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามที่ได้มีการวางแผนไว้แต่แรก เพราะฉะนั้น การแก้ไขปัญหา เป้าหมายเดียวกันคือ การรื้อถอนโพงพางที่ผิดกฎหมายออก แต่ใช้วิธีการแตกต่างกัน ดำเนินการตามกฎหมายในการแก้ไขปัญหา ในขณะเดียวกัน ไม่ได้มีความประสงค์จะให้กำลังของเจ้าหน้าที่ไปปะทะกับชาวบ้าน จึงใช้ช่องทางของกระบวนการยุติธรรม และส่วนหนึ่งเพื่อที่จะให้ในระดับนโยบายได้พิจารณาดูแลในเรื่องผลกระทบ ได้ทำหนังสือในนามของจังหวัดสงขลา ถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงทั้ง 2 กระทรวง อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมเจ้าท่า ใจความโดยสรุป 1.ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด 2.การดูแลผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นทั่วกัน เป้าหมายคือ แก้ไขปัญหาแล้วให้จบจริง ๆ และยั่งยืน หลังจากนั้น วันเสาร์ที่ 25 พ.ค. 67 ตำรวจน้ำไปพบผู้ที่ทำการประมงโดยผิดกฎหมาย 2 รายซึ่งหน้า จึงได้ดำเนินการจับกุมนำเข้าสู่กระบวนการ พอเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 พ.ค. 67 ได้มีชาวประมงโพงพางออกมาปิดท่าแพขนานยนต์ และก็เรียกร้องให้ผู้ว่าฯลงไปพบ ผมบอกผมไม่ลงไปพบคนกลุ่มใหญ่ 100 คน คุย 100 เรื่องไม่จบ เลยมอบหมายให้นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ตำรวจภูธรจังหวัด ประมงจังหวัด ฯลฯ และบอกถ้าต้องการคุยกับผู้ว่าฯให้ส่งตัวแทนมา พอพูดคุยตกลง เงื่อนไข 2 ข้อ 1.ขอประกันตัวบุคคล 2.ประกันเรือ เร่งรัดให้ทำประกันไป ส่วนเรื่องการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่มีใครไปบอกให้ทำได้ ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง "ในตอนเย็นผู้ประท้วงยังปิดแพขนาดยนต์ ทางตำรวจได้ออกประกาศห้ามการชุมนุม และให้เลิกชุมนุมในตอนเย็นวันนั้น แต่ผู้ชุมนุมก็ยังไม่เลิก ถึงตอนกลางคืนทางฝ่ายผู้ชุมนุมก็ยังตกลงกันได้ไม่เบ็ดเสร็จ ส่วนหนึ่งก็อยากส่งตัวแทนมาพบผู้ว่าฯ อีกส่วนหนึ่งก็อยากให้ผู้ว่าฯ ลงไปพบ ผมก็ยืนยันเหมือนเดิมถ้าอยากคุยก็จัดส่งตัวแทนมา สุดท้ายผมบอกกับทางผู้ที่ประสานงานไปว่า พรุ่งนี้ผมให้เวลาแค่ 09.00 น. ถ้าไม่มาก็ไม่คุยด้วยแล้ว ผมก็กลับไปพักผ่อน เช้ามา ผบก.ภ.จว.สงขลา นายเศวต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ฝ่ายประชาสัมพันธ์มานั่งกันที่ห้องทำงาน ก็หารือกัน ถ้าผู้ประท้วงไม่เลิกชุมชนจะให้ศาลสั่งสลายการชุมนุม แต่ปรากฏว่าใกล้ 08.00 น. นายอำเภอ โทร.มาหาว่าผู้ชุมนุมยอมเปิดทางให้รถลงแพขนานยนต์แล้ว และขอพบผู้ว่าฯ ก็เลยมานั่งคุยกัน เรื่องประกันคน และประกันเรือก็ได้ไปแล้ว ส่วนเรื่องการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่มีใครไปบอกให้กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายได้ ใครก็อนุญาตไม่ได้ ทั้งนี้ ทางกลุ่มผู้ประท้วงมีประเด็นเพิ่มเติมที่ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ทั้งให้เจ้าท่าภูมิภาค กำหนดร่องน้ำให้ชัดเจน รวมถึงเมื่อจัดระเบียบทะเลสาบสงขลา แล้วผู้ประท้วงจะขอทำ "เขตประมงพิเศษ" นั้น "ผมก็บอกเรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของจังหวัด ทางจังหวัดจะนำเสนอไปเชิงนโยบาย รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ หลังจากนั้นกลุ่มชาวประมงก็กลับไป แต่สุดท้ายวานนี้ (30 พ.ค. 67) ก็มีคนส่งข่าวว่า มีการแจ้งความผม ทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงในการดำเนินการเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน" https://www.prachachat.net/local-economy/news-1576617
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|