![]() |
|
#7
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
สำรวจโกดังลับ กรุสมบัติจากเรือไททานิค ......... โดยรีเบคกา มอร์เรล บรรณาธิการข่าววิทยาศาสตร์ และ อลิสัน ฟรานซิส ,บีบีซีนิวส์ ![]() กระเป๋าถือหนังจระเข้ และขวดน้ำหอมขนาดเล็กที่ยังคงปล่อยกลิ่นหอมไม่จางหาย เป็นเพียงสิ่งของล้ำค่าบางส่วนที่กู้คืนได้จากเรือไททานิค ตำแหน่งที่ตั้งของโกดังซึ่งเก็บของที่กู้มาได้เหล่านี้เป็นความลับ ท่ามกลางการปกป้องอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันเหล่าขโมย เราบอกได้เพียงว่ามันอยู่ที่ไหนสักแห่งในนครแอตแลนตา มลรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ภายในชั้นวางเต็มไปด้วยข้าวของหลายพันชิ้น ตั้งแต่อ่างอาบน้ำที่ถูกวางคว่ำหน้าลง ช่องหน้าต่างที่บุบเบี้ยว ไปจนถึงเครื่องแก้วแกะสลักอย่างประณีต และกระดุมเม็ดเล็ก ๆ บีบีซีได้รับโอกาสที่หายากเช่นนี้ ให้เข้าไปสำรวจว่าโกดังแห่งนี้เก็บรักษาของอะไรจากเรือไททานิคไว้บ้าง และสิ่งของต่าง ๆ มีเรื่องราวเบื้องหลังเช่นไร กระเป๋าหนังจระเข้ที่ซ่อนเรื่องราวอันน่าเศร้า "มันเป็นกระเป๋าใบเล็กที่สวยงามและทันสมัยจริง ๆ" โทมาซีนา เรย์ ผอ.ฝ่ายของสะสมของอาร์เอ็มเอส ไททานิค อิงค์ (RMS Titanic Inc) ซึ่งเป็นบริษัทกู้คืนสิ่งของเหล่านี้ กล่าว บริษัทกู้เรือสัญชาติอเมริกันแห่งนี้เป็นผู้ได้รับสิทธิกู้ซากเรือไททานิค และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาสามารถเก็บกู้สิ่งของต่าง ๆ ได้กว่า 5,500 ชิ้น จากสถานที่ซึ่งเรืออับปาง โดยบางส่วนได้รับการคัดเลือกไว้เพื่อจัดแสดงตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก กระเป๋าที่ทำจากหนังจระเข้ใบนี้ รวมถึงสิ่งของกระจุกกระจิกอันละเอียดอ่อนที่อยู่ในกระเป๋า สามารถคงสภาพอยู่ได้มานานหลายศตวรรษจากส่วนลึกของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ และยังอยู่ในสภาพดี โดยมันเผยให้เห็นชีวิตของ มาเรียน มีนเวลล์ ผู้เป็นเจ้าของซึ่งเป็นผู้โดยสารชั้นสามของเรือไททานิค "เธอเป็นช่างทำหมวกอายุ 63 ปี" โทมาซีนา กล่าว "และเธอกำลังเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อไปเจอกับลูกสาวของเธอที่เพิ่งเป็นหม้าย" ในบรรดาสิ่งของที่เต็มไปด้วยความทรงจำซึ่งบรรจุอยู่ภายในกระเป๋าใบนี้คือรูปถ่ายซีดจาง ซึ่งคาดว่าเป็นรูปแม่ของมีนเวลล์ นอกจากนี้ยังมีเอกสารที่เธอต้องใช้สำหรับการเริ่มชีวิตใหม่ในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงจดหมายอ้างอิงที่เขียนด้วยลายมืออดีตเจ้าของบ้านของเธอในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ซึ่งระบุว่า "เราพบว่านางสาวมีนเวลล์เป็นผู้เช่าที่ดี และจ่ายค่าเช่าตรงเวลาเสมอ" บัตรตรวจสุขภาพของเธอก็อยู่ในกระเป๋าใบนี้ด้วย โดยผู้โดยสารชั้น 3 ทุกคนต้องพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ได้นำโรคเข้ามาในสหรัฐอเมริกา แต่เอกสารที่เปื้อนน้ำแผ่นนี้ก็ได้เผยให้เห็นโชคชะตาอันน่าเศร้าด้วย เดิมที มาเรียน มีนเวลล์ จองการเดินทางบนเรือ มาเจสติค (Majestic) ซึ่งเป็นเรือเดินสมุทรอีกลำของบริษัท ไวท์ สตาร์ ไลน์ (White Star Line) เช่นกัน แต่สุดท้ายเรือลำดังกล่าวไม่ได้ออกทะเล ดังนั้นบนบัตรของมาเรียนจึงปรากฏชื่อเรือมาเจสติคที่ถูกขีดฆ่าออก และเผยให้เห็นว่าเธอถูกส่งขึ้นเรือไททานิคแทน ก่อนจะกลายเป็น 1 ใน 1,500 ผู้โดยสารที่เสียชีวิตลง "การที่สามารถบอกเรื่องราวของเธอได้ผ่านสิ่งของต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญมาก" โทมาซีนา บอก "ไม่อย่างนั้นแล้ว เธอก็เป็นเพียงชื่อ ๆ หนึ่งในรายชื่อผู้โดยสารเท่านั้น" น้ำหอมที่ยังคงส่งกลิ่นอบอวล สิ่งของที่เป็นของผู้รอดชีวิต ก็ถูกกู้คืนมาจากห้วงลึกของมหาสมุทรเช่นกัน โทมาซีนาเปิดภาชนะพลาสติกอันหนึ่ง จากนั้นกลิ่นหอมหวานชวนคลื่นเหียนก็ลอยฟุ้งขึ้นในอากาศ "มันฉุนมาก" เธอยอมรับกลาย ๆ ข้างในมีขวดน้ำหอมขนาดเล็กที่ถูกปิดผนึกอยู่ แต่กลิ่นหอมอันรุนแรงของพวกมันก็ยังเล็ดลอดออกมาได้ แม้มันอยู่บนพื้นทะเลมานานหลายทศวรรษก็ตาม "มีพนักงานขายน้ำหอมอยู่บนเรือด้วย และเขาก็มีขวดน้ำหอมขนาดเล็กเหล่านี้มากกว่า 90 ขวด" เธออธิบาย พนักงานคนนั้นชื่อว่า อดอล์ฟ ซัลเฟลด์ ซึ่งเดินทางในฐานะผู้โดยสารชั้น 2 ของเรือไททานิค ซัลเฟลด์เป็น 1 ใน 700 คนที่รอดชีวิต แต่การให้ความสำคัญกับผู้หญิงและเด็กระหว่างการอพยพผู้ประสบภัยในครั้งนั้น ทำให้พวกผู้ชายที่หนีออกมาจากตัวเรือได้ต้องเอาชีวิตรอดอย่างยากลำบาก "เขาเสียชีวิตไปแล้วตอนที่เราพบสิ่งนี้" โทมาซีนา กล่าว "แต่ตามความเข้าใจของฉันคือ เขาใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกผิดที่ตนเองเป็นผู้รอดชีวิต" ส่องวิถีชีวิตฟู่ฟ่าผ่านขวดแชมเปญ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีขวดแชมเปญถูกเก็บรักษาไว้ในกรุของสะสมจากเรือไททานิคด้วย ซึ่งมันยังมีของเหลวเป็นไวน์อยู่ภายใน พร้อมด้วยจุกก๊อกไม้ปิดไว้ด้านบน "อาจมีน้ำทะเลเล็กน้อยที่เข้าไปทางจุกไม้ก๊อก ในขณะที่เกิดแรงบีบอัดเพื่อให้แรงดันด้านในและนอกขวดเท่ากัน ก่อนที่ขวดจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทร" เธอกล่าว เมื่อเรือไททานิคอับปางลงในปี 1912 หลังจากเข้าชนภูเขาน้ำแข็ง เรือก็แยกออกจากกันและสิ่งของในเรือก็ทะลักออกมา กลายเป็นทุ่งเศษซากขนาดใหญ่ "มีขวดจำนวนมากบนพื้นมหาสมุทร รวมถึงหม้อต้มน้ำและหม้อในครัวจำนวนมากด้วย เนื่องจากเรือไททานิคหักครึ่งลำบริเวณห้องครัวห้องหนึ่งของเรือ" โทมาซีนา กล่าว มีแชมเปญหลายพันขวดอยู่บนเรือ เจ้าของเรือต้องการให้ผู้โดยสารชั้นหนึ่งได้สัมผัสกับความรุ่มรวยเหนือระดับ ภายใต้บรรยากาศหรูหรา พร้อมด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่ดีที่สุด "มันเหมือนกับพระราชวังลอยน้ำ และไททานิคควรเป็นเรือที่หรูหรามากที่สุด" โทมาซีนา บอก "ดังนั้นการดื่มแชมเปญ การมีโรงยิม และสิ่งอำนวยความสะดวกดี ๆ เหล่านี้สำหรับผู้โดยสาร มันจึงเป็นเรื่องสำคัญมากจริง ๆ" เผยให้เห็นหมุดย้ำ เรือไททานิคเดินทางครั้งแรกจากเซาท์แธมป์ตันไปยังสหรัฐอเมริกา และชนกับภูเขาน้ำแข็งระหว่างการเดินทางครั้งนั้น เรือลำนี้มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยขั้นสูงในช่วงเวลานั้น และได้รับการกล่าวขานว่ามันไม่มีวันจม โทมาซีนานำหมุดย้ำของเรือมาให้บีบีซีดู มันเป็นหมุดโลหะหนาที่ยึดแผ่นเหล็กหนาเข้าด้วยกัน โดยทั่วทั้งเรือมีหมุดแบบนี้มากกว่าสามล้านอัน "เมื่อไททานิคอับปาง มีทฤษฎีว่าพวกเขาอาจใช้วัสดุสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน และมันทำให้เรือจมลงไวมากขึ้น" เธออธิบาย หมุดย้ำบางส่วนเหล่านี้ได้รับการทดสอบว่ามันมีสิ่งเจือปนหรือไม่ "มีตะกรันที่มีความเข้มข้นสูงอยู่ในหมุดเหล่านี้ ซึ่งเป็นวัสดุคล้ายแก้ว ทำให้พวกมันเปราะบางมากขึ้นเล็กน้อยเมื่ออยู่ในที่เย็น" เธอบอก "หากหมุดเหล่านี้เปราะ และหัวหมุดย้ำตัวใดตัวหนึ่งหลุดออกมาง่ายขึ้น มันก็อาจทำให้ช่วงรอยต่อของเรือถูกเปิดออกเมื่อชนกับภูเขาน้ำแข็ง และทำให้ช่องที่ถูกเจาะมีขนาดใหญ่กว่าที่ควรจะเป็น" โทมาซีนาบอกด้วยว่า ยังมีข้อมูลอีกมากที่ต้องศึกษาต่อว่าเรืออับปางลงได้อย่างไร "เราสามารถช่วยตรวจสอบทฤษฎีต่าง ๆ ได้ โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์เข้ามาวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรายินดีมากที่จะทำ" การแบ่งชนชั้นภายในเรือ ชีวิตบนเรือนั้นมีความแตกต่างกันไปตามชั้นโดยสาร แม้กระทั่งถ้วยและจานที่พวกเขาใช้ดื่มกิน ผู้โดยสารชั้น 3 จะได้รับแก้วสีขาวเรียบง่ายที่มีเพียงโลโก้ไวท์ สตาร์ สีแดงสด ส่วนผู้โดยสารชั้น 2 จะได้รับการบริการด้วยจานที่ตกแต่งด้วยลวดลายดอกไม้สีน้ำเงินสวยงามและดูดีกว่าเล็กน้อย แต่จานอาหารสำหรับผู้โดยสารชั้น 1 นั้น จะได้จานกระเบื้องเคลือบที่มีความละเอียดอ่อนกว่า และมีขอบสีทอง โดยเราสามารถเห็นลวดลายเป็นพวงดอกไม้อันประณีตซับซ้อนได้หากมันอยู่ใต้แสงไฟ "ลวดลายเหล่านั้นน่าจะมีสีสัน แต่เพราะมันถูกเคลือเงาอีกชั้นหนึ่ง ทำให้สีบางส่วนถูกชะล้างออกไป" โทมาซีนา บอก ผู้โดยสารชั้น 1 ที่ร่ำรวยจะได้รับบริการอาหารระดับดีเลิศ แต่ในชั้น 3 เรื่องราวกลับแตกต่างออกไป "ผู้โดยสารชั้น 3 อาจจะต้องจัดการกับจานชามด้วยตัวเอง เพราะจานชามได้รับการออกแบบมาให้มั่นคงและคงทนกว่าจานชามที่ใช้ในชั้นอื่น ๆ" โทมาซีนาอธิบาย อาร์เอ็มเอส ไททานิค อิงค์ เป็นเพียงบริษัทเดียวที่ศาลของสหรัฐฯ อนุญาตให้กู้คืนสิ่งของจากพื้นที่อับปางได้ในปี 1994 ภายใต้เงื่อนไขเข้มงวดที่ระบุว่าสิ่งของเหล่านี้จะต้องอยู่ด้วยกันเสมอ ไม่สามารถขายแยกได้ และพวกมันต้องได้รับการอนุรักษ์อย่างเหมาะสม จนถึงตอนนี้ สิ่งของทั้งหมดถูกรวบรวมจากทุ่งเศษซากของเรือที่อับปางลง แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของบริษัทขึ้น เมื่อพวกเขาต้องการดึงอุปกรณ์วิทยุมาร์โคนี (Marconi radio) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากไททานิคในคืนที่สิ้นหวัง ออกจากตัวเรือดังกล่าว "ไททานิคควรเป็นสิ่งที่เราให้ความเคารพ" โทมาซีนา กล่าวถึงประเด็นดังกล่าว "เราต้องการทำให้แน่ใจว่า พวกเรากำลังเก็บรักษาความทรงจำไว้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถลงไปยังไททานิคได้ และเราต้องการนำสิ่งนั้นขึ้นมาให้สาธารณชนได้เห็น" ในอีกไม่ช้าโกดังลับแห่งนี้จะต้องการชั้นวางเพิ่มขึ้นจากเดิม การเดินทางครั้งล่าสุดของบริษัทไปยังสถานที่เรืออับปาง ก็เพื่อทำการแสกน 3 มิติตัวเรืออย่างละเอียด ซึ่งต้องอาศัยภาพถ่ายหลายล้านภาพเพื่องานนี้ โดยได้สำรวจสภาพห้องวิทยุมาร์โคนีในปัจจุบันด้วย นอกจากนี้ทีมงานยังระบุวัตถุในทุ่งเศษซากซึ่งพวกเขาต้องการกู้คืนขึ้นมาในอนาคตด้วย แต่ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะเจอกับอะไรอีกบ้าง และมีเรื่องราวเกี่ยวกับโชคชะตาอันโหดร้ายของไททานิคและผู้โดยสารของเรือเรื่องใดอีกบ้างที่ยังรอการเปิดเผยอยู่ https://www.bbc.com/thai/articles/c204xzp9yjgo
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|