![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ลานีญา ช่วงนี้ประเทศไทยต้องเผชิญกับฝนตกหนักและอากาศหนาวเย็นผิดธรรมชาติทั้งๆ ที่เป็นฤดูร้อน นักวิชาการหลายฝ่ายจึงวิเคราะห์ว่าเกิดจากปรากฏการณ์ลานิญ่า ซึ่งทำให้สภาพอากาศของไทยแปรปรวนมาตั้งแต่เดือนก.ค. 2553 และจะสิ้นสุดลงในเดือนพ.ค. 2554 "ลานิญ่า" เป็นคำดั้งเดิมจากภาษาสเปน มีความหมายว่า "เด็กผู้หญิง" จัดเป็นปรากฏการณ์ตรงกันข้ามกับ"เอลนิโญ่" เกิดจากความผกผันของกระแสอากาศโลกบริเวณเส้นศูนย์สูตร เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อเกิดลานิญ่า อุณหภูมิบนผิวน้ำทะเลมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกจะต่ำลงอย่างผิดปกติราว 3-5 องศาเซลเซียล ทำให้ความดันฝั่งตะวันตกต่ำกว่าความดันฝั่งตะวันออก เกิดลมพายุพัดเสริมลมสินค้าทิศตะวันออกพัดพาน้ำและอากาศที่หนาวเย็นไปยังทิศตะวันตก ด้วยระดับน้ำทะเลซีกตะวันตกที่เพิ่มสูงกว่าสภาวะปกติ ประกอบกับลมสินค้าตะวันออกเฉียงใต้ที่หอบน้ำฝนพัดผ่านมา ทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเผชิญกับฝนตกหนัก น้ำท่วมและหน้าดินพังทลายอยู่บ่อยครั้ง แต่ข้อดีของลานิญ่า คือ น้ำเย็นใต้มหาสมุทรจะยกตัวขึ้นแทนที่กระแสน้ำอุ่นบนพื้นผิวน้ำ ทำให้เกิดธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ ฝูงปลาชุกชุม ปรากฏการณ์ลานิญ่า เกิดขึ้นได้ทุก 2-3 ปี และปกติจะเกิดขึ้นนานประมาณ 9-12 เดือน แต่บางครั้งอาจปรากฏอยู่ได้นานถึง 2 ปี ซึ่งทำให้ประเทศ อินโดนีเซีย ออสเตรเลียตอนเหนือ ฟิลิปปินส์ อินเดียตอนเหนือ ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา และด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้ มีแนวโน้มที่จะมีฝนมากและมีน้ำท่วม ขณะที่บริเวณตะวันออกของแอฟริกาและตอนใต้ของอเมริกาใต้มีฝนน้อยและเสี่ยงต่อการเกิดความแห้งแล้ง กล่าวง่ายๆ เอลนิโญ่ ทำให้เกิดฝนตกหนักในตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ และเกิดความแห้งแล้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ ลานิญ่า ทำให้เกิดความแห้งแล้งทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ และเกิดฝนตกหนักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นปรากฏการณ์คู่ขนานที่ต้องเกิดสลับกันไปเพื่อปรับสมดุลของโลก ผลกระทบต่อประเทศไทย จากข้อมูลปริมาณฝนและอุณหภูมิรายเดือนตั้งแต่ปี 2494-2543 ของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ลานิญ่า ทำให้ปริมาณฝนของประเทศไทยส่วนใหญ่สูงกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนและต้นฤดูฝนเป็นระยะที่ส่งผลกระทบอย่างชัดเจนที่สุด และทำให้อุณหภูมิต่ำกว่าปกติทุกฤดู ส่งผลให้เกิดความเหน็บหนาวไปทุกภูมิภาค สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เป็นห่วงคือตั้งแต่ปี 2513 อัตราการเกิดปรากฏการณ์ เอลนิโญ่ และ ลานิญ่า เกิดความผันผวนอย่างรุนแรง จากปกติที่จะเกิดสลับกันในจำนวนครั้งที่ใกล้เคียงกัน ระยะหลัง เอลนีโญ่ เกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีแอมพลิจูดที่สูงขึ้นกว่าปกติ เช่น ในช่วงเวลาหนึ่ง เอลนิโญ่ เกิดขึ้นถึง 9 ครั้งในรอบ 2.2 ปี ซึ่งในอดีตปกติจะเกิดขึ้น 1.5 ครั้งต่อปี ขณะที่ ลานิญ่า เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หมายความว่าคลื่นแห่งความผันผวนของความดันบรรยากาศในซีกโลกภาคใต้ซึ่งก่อให้เกิดความชุ่มชื้นและลานิญ่า กำลังหายไป โลกจึงมีแต่ความร้อนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏการณ์ที่แปรปรวนนี้มีความรุนแรงมากขึ้นตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งอาจมีผลมาจากสภาวะโลกร้อนเป็นตัวเร่งด้วยก็ได้ จาก ................... ข่าวสด คอลัมน์ คอลัมน์ที่13 วันที่ 2 เมษายน 2544
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
|||
|
|||
|
สวัสดีครับพี่ พอได้ยินข่าวทางวิทยุว่าจะเกิดปรากฎการณ์เอลนิลโญ่อีกในปีหน้า เลยลองหาข้อมูลจาก google ดู ปรากฎว่า ได้ลิงค์เข้ามาใน sos ของพวกพี่ๆ
เลยขออนุญาติเอาข้อมูล update มาแชร์เท่าที่หาได้ มาเพิ่มเติมนะครับ จากข้อมูลคือจะเกิดปรากฎการณ์เอลนิลโญ ระหว่างปี 2015-2016 และจากการคาดการณ์ เอลนิลโญ่ครั้งนี้อาจเป็นเอลนิลโญที่รุนแรงมากที่สุดครั้งนึงในประวัติศาสตร์ จากข้อมูลอุณหภูมิในบางพื้นที่ ระหว่างสิงหาถึงตุลา แสดงให้เห็นว่าอุณหภูมิเฉลี่ย 3 เดือนสูงมากเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่มีการบันทึกมา ผมพยายามหาข้อมูลอุณหภูมิน้ำทะเลไทย เจอแต่ที่ Grisda ซึ่งต้อง regis ก็เลยยังไม่ได้ข้อมูลมาครับ แค่แอบห่วงทะเลไทย กลัวจะเจอปรากฎการณ์ปะการังฟอกขาวอีก ผมแนบรูปข้อมูลภาษาอังกฤษที่หาเจอมานะครับ เผื่อผมแปลไม่ถูกปะการใด ฝากพี่ๆ Correct ให้ด้วยครับ |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|