เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > เรื่องเล่าชาวทะเล

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 16-06-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



สายชลนั่งมองน้องตึกที่นั่งอยู่หัวเรือ แล้วก็ได้แต่นึกชื่นชม ในความน่ารักและความเก่งของดอกเตอร์สาวจาก มหาวิทยาลัยริวกิว ประเทศญี่ปุ่น ผู้ชำนาญการด้านสัตว์ทะเลหายาก ทั้งพะยูน โลมา และ วาฬ


เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551...น้องตึก ซึ่งขณะนั้นกำลังศึกษาระดับปริญญาเอกอยู่ที่ญี่ปุ่น ได้ส่งเรื่อง "การพบวาฬกลุ่มบรูด้า (Bryde’s whale) ในน่านน้ำไทย" และ "การล่าหัวกะโหลกวาฬบรูด้า ตอนที่ 1 และ 2" มาให้คุณสายน้ำนำลงใน "ห้องสรรพชีวิตในท้องทะเล" ของ SOS ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีมาก มีผู้เข้าคลิ๊กอ่านมากมาย นับเป็นคุณูปการที่เป็นประโยขน์ต่อผู้อ่านมาก


ในเรื่องเกี่ยวกับวาฬบรูด้า ที่น้องตึกได้เขียนขึ้นนั้น ทำให้เราได้ทราบว่า...


"วาฬบรูด้าเป็นสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม จัดอยู่ในวงศ์บาลีนน็อบเทอริดี (Balaenopteridae) เป็นวาฬไม่มีฟันขนาดกลาง โดยมีซี่กรองที่เรียกว่าบาลีน (baleen plate) สำหรับกรองอาหารจำพวกลูกปลา หรือกุ้ง





วาฬบรูด้าพบแพร่กระจายทั่วโลกในน่านน้ำเขตอบอุ่น เขตกึ่งร้อนและเขตร้อน เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการศึกษาการแพร่กระจายประชากรของวาฬกลุ่มบรูด้านี้ ได้พบว่ามีความแตกต่างกันในด้านของพันธุกรรมและสัณฐานวิทยาของรูปร่างภายนอกและลักษณะของหัวกะโหลก


ปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิดด้วยกันคือ วาฬอิดิไน (Balaenoptera edeni) ซึ่งเป็นชนิดที่เรารู้จักกันดีอยู่ก่อนแล้ว, วาฬบรูดิไอ (Balaenoptera brydei) และวาฬโอมูไล (Balaenoptera omurai)


อิดิไน


มีขนาดยาวลำตัวสูงสุด 13.7 เมตร อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่งทางตะวันออกของมหาสมุทรอินเดียและตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนบรูดิไอ มีขนาดใหญ่กว่ามีความยาวสูงสุด 14.6 เมตร พบแพร่กระจายทั่วโลก




โอมูไล B. omurai


มีขนาดเล็กที่สุดมีขนาดความยาวสูงสุด 12 เมตร (ในเรื่องของความยาวนี้ เอกสารแต่ละเล่มอาจให้ข้อมูลแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็จะอยู่ในระหว่างประมาณ 11-15 เมตร) ซึ่งตัวอย่างส่วนใหญ่ที่ใช้ในการศึกษาได้มาจากด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกและตะวันออกของมหาสมุทรอินเดีย วาฬกลุ่มนี้มีน้ำหนักตัวสูงสุด 20-25 ตัน ตั้งท้องนานประมาณ 1 ปี ลูกแรกเกิดมีความยาวประมาณ 4 เมตร




แม่หมูน้ำยังไม่มีรูปของ วาฬบรูดิไอ แต่โดยทั่วไปส่วนหัวจะมีสันตรงกลางเพียงสันเดียวเช่นเดียวกันกับวาฬโอมูไล


วาฬบรูด้าในประเทศไทย เคยถูกแยกไว้เพียงชนิดเดียว คือ อิดีไน (B. edeni) แต่พวกเรานักวิจัยต่างก็มีข้อสงสัยตลอดเวลาว่าลักษณะของซี่โครงคู่แรกนั้นแตกต่างกันเป็น 2 แบบ คือ หัวเป็น 2 แฉก หรือเรียกว่า bifurcate rib ซึ่งนับว่าโชคดีมากที่ซี่โครงคู่แรกที่อยู่ชิดกับกระดูกคอและส่วนหัวที่แม้ว่าตัวอย่างจะเน่าหรือขาดหายไปบางท่อน แต่กระดูกซี่โครงคู่แรกนี้มักจะยังติดอยู่กับซากเสมอๆ ทำให้เราระบุได้ง่ายในเบื้องต้นว่าเป็นวาฬชนิดอิดิไน และอีกส่วนที่เราตั้งข้อสังเกตคือจำนวนสันที่หัว เราจึงคาดว่ามันอาจเป็นข้อแตกต่างที่อาจเกิดขึ้นได้ในสัตว์ชนิดเดียวกัน แต่ในส่วนของหัวกะโหลกนั้น เรายังไม่มีความรู้ละเอียด และยังไม่ได้มีการศึกษาเรื่อง DNA ในวาฬกลุ่มนี้ในเมืองไทย"



"เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2550 นักวิจัยชาวญี่ปุ่น คือ Dr.Tadasu K. Yamada จาก National Museum of Science and Nature ได้นำทีมงานเข้ามาศึกษาวิจัยชนิดของวาฬบรูด้า จากลักษณะของหัวกะโหลกโครงกระดูกในประเทศไทย และ DNA ร่วมกับสถาบันฯ ภูเก็ต (ที่เราต้องออกตามล่าหัวกะโหลก ในเรื่องตอนที่ 1 และ 2) Dr.Yamada และ ทีมงานได้ทำการศึกษาวิจัยวาฬกลุ่มบรูด้าในประเทศต่างๆ มาหลายปีแล้ว เช่น จีน ไต้หวัน พม่า อินเดีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อาฟริกาใต้ และไทย

การสำรวจหัวกะโหลกวาฬบรูด้าในไทย พบว่าตัวอย่างทั้งหมดประมาณ 50 กว่าตัวที่เก็บไว้ตามสถานที่ราชการและวัด สามารถแยกออกเป็น 2 ชนิด โดยที่วาฬอิดิไน (B. edeni) และวาฬโอมูไล (B. omurai) พบได้ทั้งสองฝั่งทะเลของไทยคือฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย น่าสังเกตว่าตัวอย่างหัวกะโหลกในอ่าวไทยตอนบนจาก จ.นครศรีธรรมราชขึ้นไป และชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ตัวอย่างเกือบ 100% เป็นชนิด อิดิไน"


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่....

http://www.saveoursea.net/boardapr20...p?topic=1350.0

http://www.saveoursea.net/boardapr20...p?topic=1295.0

http://www.saveoursea.net/boardapr20...p?topic=1333.0



หมายเหตุ: จากข้อมูลล่าสุดทราบจากน้องตึกว่า ในปี 2539 นักวิจัยชาวญี่ปุ่นได้แยกวาฬ โอมูไล หรือ โอมูร่า (B. omurai) ออกจากกลุ่มวาฬบรูด้า หลังจากได้ศึกษาทางสภาพสรีรวิทยา สภาพโครงกระดูก และพันธุกรรม (DNA) อย่างละเอียดแล้ว


อ่านข้อมูลได้จาก http://www.dmcr.go.th/dmcr2009/News/data/241.html

__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 18-07-2011 เมื่อ 04:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 16-06-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default


โดยสรุป...วาฬบรูด้าที่เราจะได้เห็นที่นี่ จะเป็นพันธุ์ อิดีไน (B. edeni) ทั้งหมด...


เมื่อรู้จักลักษณะและชนิดของวาฬบรูด้าที่เราจะได้เห็นแล้ว...สองสายก็ตั้งหน้าสอดส่ายสายตามองหาวาฬบรูด้า ตามน้องตึกและทีมงานไปด้วย


เราเริ่มสังเกตเห็นน้ำทะเลที่ปากอ่าวบางตะบูนใสกว่าในแม่น้ำที่เราแล่นเรือผ่านมา แต่เริ่มมีแพลงก์ตอนลอยฟ่อง น้ำทะเลจึงออกสีเขียวๆเหมือนมรกต ใต้ผิวน้ำมีแมงกะพรุนตัวใหญ่ขนาดหัวคน ไหลไปตามกระแสน้ำมากมาย


ปลากะตักตัวขนาดนิ้วก้อยเป็นร้อยเป็นพัน กระโดดขึ้นมาเหนือน้ำอยู่หยอยๆ






มีไม่น้อยที่กระโดดขึ้นมาบนเรือของไต๋จำรูญ ดีดถูกแขนขาของเรา แล้วก็ไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นเรือ


นัยว่าปลากะตักที่กระโดดขึ้นมาบนเรือนั้น กว่าเราจะกลับไปถึงบ้านไต๋จำรูญ เราจะได้ปลากะตักแดดเดียว ไว้กินกับข้าวต้มได้เต็มจานทีเดียว






ปลากะตักที่มีอยู่มากมายที่นี่นี่เอง ที่เป็นตัวดึงดูดให้วาฬบรูด้า ว่ายเข้ามาหากินในน่านน้ำแถบนี้ตลอดทั้งปี




__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 10-01-2021 เมื่อ 17:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 16-06-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



น้องตึกหรือน้องแม่หมูน้ำของเรา บอกสายชลว่า วิธีที่่จะสังเกตว่าวาฬบรูด้าหากินอยู่ตรงไหน ให้สังเกตนกนางนวลสีขาว ที่เมื่อไรรวมฝูงวนเวียนอยู่ตรงบริเวณใด เราก็จะเห็นวาฬหากินอยู่บริเวณนั้น ทั้งนี้เพราะนกนางนวลขี้โกง ชอบพุ่งลงไปจิกปลากระตักจากปากของวาฬมากิน ขณะที่วาฬใช้ปากแทงหรือช้อนปลาหากินตามวิสัย....


ที่นี้ก็สนุกค่ะ...เพราะสายชลนั่งมองฟ้าหานก สลับกับมองน้ำหาวาฬ คุณสายน้ำก็คงจะทำอย่างนี้เหมือนกัน ในไม่ช้าก็ควักยาดมออกมาจ่อจมูก เพราะมึนทั้งเรือโยกและมองขึ้นๆลงๆจนเมา....




เวลา 11 โมงเศษ....เรือแล่นผ่านดอนหอยหลอด ไปได้เล็กน้อย ก็มีเสียงจากน้องๆทีมสำรวจว่า "นู่นนน....วาฬขึ้นแล้ว...."


สายชลกระโดดผลึงไปยืนอยู่หัวเรือ พยายามจ้องมองไปยังจุดที่น้องชี้มือให้ดู


อู้ฮู้ววว...ไกลออกไปจนเกือบถึง วัดกระซ้าขาว ที่ตั้งอยู่เมืองสมุทรสาครนู่นนนน....เห็นฝูงนกบินโฉบไปมา แต่ไม่เห็นวาฬเลยค่ะ...



__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 20:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 16-06-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



และแล้ว...เราก็เห็นเหมือนกรวยสีดำ โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำอยู่ไกลๆ...สักพักก็ผลุบหายไป


มาแล้วค่ะ....มาแล้ว....วาฬบรูด้ามาแล้ว....




หัวเรือร้อนฉ่า...บนหลังคาเรือก็คงร้อนอย่างกับไฟ แต่พวกเราที่ถือกล้องกันอยู่ ต่างก็พรูเข้าประจำที่มั่น รั่วกล้องแบบไม่ต้องยั้ง ทั้งๆที่วาฬยังอยู่ไกลมากๆ...


น้องตึกรีบนำแฟ้มจดรายละเอียดการพบเห็นวาฬ ขึ้นมาจดเวลา...จุดที่พบ...ลักษณะเด่นของวาฬที่เห็น ผ่านกล้องส่องทางไกล ที่อยู่ในมือของน้องทีมงานที่อยู่บนหลังคาเรือ


พอเรือเข้าใกล้วาฬบรูด้าเข้าไปเท่าไร ใจเราก็เต็นระทึกมากขึ้น พยายามลุ้นให้น้องวาฬยกหัวฮุบปลาโชว์หน่อย


ผลปรากฏว่าน้ำตรงบริเวณที่น้องวาฬอยู่ลึกเพียง 5 เมตรเศษ ในขณะที่น้องวาฬตัวยาวกว่า 5 เมตร น้องวาฬก็เลยตั้งหัวไม่ได้ เพราะไม่สามารถใช้หางตีน้ำยกตัวขึ้นได้






น้องวาฬจึงต้องเอียงข้างกินปลาอย่างนี้...




อย่างนี้ปลากระตักก็คงเข้าปากไม่ได้มาก ในการฮุบเหยื่อแต่ละครั้ง....นกนางนวลเอง ก็เข้าไปกินปลาจากปากวาฬได้ยาก ต้องคอยเก็บเศษปลา ที่เหลือรอดจากปากวาฬกิน


นกก็คงไม่ค่อยสนุกเท่าไรนะคะ เพราะบินออกมาจากฝั่งตั้งไกล แต่ได้กินปลานิดเดียว


__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 20:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 16-06-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



หลังจากฮุบเหยื่อเข้าปากจนพอใจแล้ว...วาฬบรูด้าก็จะผลุบหายไป ไม่นานก็โผล่หัวขึ้นมาหายใจพ่นน้ำเป็นฝอยขึ้นฟ้า






ลักษณะของครีบหลังของวาฬ เปรียบเหมือนลายนิ้วมือ ที่ใช้บอกเอกลักษณ์ที่ใช้ประกอบในการติดตามวาฬฝูงนี้ต่อไปค่ะ หากมีตำหนิหรือไม่มีตำหนิ..น้องตึกก็จะจดบันทึกไว้



__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 04-11-2013 เมื่อ 22:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 16-06-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default


จากวาฬตัวแรก...เราได้เห็นวาฬอีก 6 ตัว โดยคู่หนึ่งเป็นแม่ลูกกัน เราถ่ายภาพคู่ของแม่ลูกคู่นี้ไม่ได้เลย และภาพวาฬตัวอื่นๆก็ถ่ายชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เหตุเพราะไม่ชำนาญการถ่ายภาพในเรือที่โยกเยกไปมา กะจังหวะไม่ถูก มืออ่อนแรงจากเลนส์ที่หนัก และฝีมือก็ไม่ค่อยจะมี...


อย่างนี้ต้องมีรายการแก้มือ....สองสายเลยขอน้องตึก กลับมาดูวาฬอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น และเมื่อน้องตึกเปิดโอกาสให้พาชาว SOS มาเพิ่มได้ สายชลเลยขอชวนน้องๆที่พอจะลางานได้ตามไปสมทบด้วยอีก 3-4 คน ซึ่งน้องตึกก็ใจดียอมให้ไปได้











__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 18-07-2011 เมื่อ 04:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 16-06-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



ในวันรุ่งขึ้น...สองสาย น้องกุ้ง น้องก้อย น้องย้ง และน้องน้ำผึ้ง ก็นั่งรถตู้ไปลงเรือไต๋จำรูญ พร้อมกับทีมงานของน้องตึก


เช่นเคยค่ะ...น้องใหม่ถูกรับน้องด้วยการรับฟังคำบรรยายจาก น้องสุรชัย ตากล้องมือหนึ่งของทีมงาน





น้องตึกกลัวน้องๆจะภูมิไม่แน่น เลยมาช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้อีกรอบ





__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 20:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:27


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger