เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > Main Category > ห้องรับแขก

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 11-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ทำถุงยังชีพเป็นเสิ้อชูชีพ

แนะนำโดย คุณตัน ภาสกรนที

ผมขอแนะนำวิธีทำถุงยังชีพ ให้เป็นเสื้อชูชีพ สำหรับใช้ใส่ป้องกันท่วม ได้อย่างรวดเร็ว น้ำท่วมปีนี้คนไทยต้องไม่จมน้ำครับ



__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 12-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ท่วมขังระวัง 'ปลิง'! เกาะต้องแกะถูกวิธี



เรื่องหนึ่งที่ควรระวังในช่วงที่หลายพื้นที่เผชิญภาวะน้ำท่วม คือ 'ปลิง' สัตว์ที่อยู่ในน้ำ โดยเฉพาะน้ำนิ่งๆ ทั้งหนองน้ำ ลำธาร รวมถึงบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ในประเทศไทยมักพบปลิง 2 ชนิด คือ ปลิงเข็ม ตัวยาวขนาดใกล้เคียงกับก้านไม้ขีดไฟ อีกชนิดเป็นปลิงควาย ตัวยาว 3 นิ้ว ลำตัวกว้าง 1 นิ้ว

กรณีมีความจำเป็นต้องลงไปในน้ำที่ท่วมขังและนิ่ง เมื่อขึ้นจากน้ำแล้วต้องสังเกตตามเนื้อตัวของตนเองอย่างละเอียด เพราะหากถูกปลิงเกาะ ตัวของปลิงนั้นเบาจึงไม่ทำให้รู้สึกว่า มีสิ่งแปลกปลอมเกาะติดอยู่ เช่นเดียวกับการดูดเลือดของปลิงก็เป็นไปอย่างแผ่วเบา

ระหว่างที่ปลิงเริ่มกัดและดูดเลือดจะปล่อยสารที่มีฤทธิ์คล้ายยาชาออกมา ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ ทั้งยังมีสารช่วยขยายหลอดเลือดและสารต้านการแข็งตัวของเลือด เพื่อให้ดูดเลือดได้ต่อเนื่อง หากปลิงยังดูดเลือดไม่อิ่มก็ยังจะเกาะอยู่อย่างนั้น โดยจะหลุดออกเมื่ออิ่ม ทว่าถูกรุมเกาะหลายตัวและถูกดูดเลือดมาก ก็จะเกิดอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด

วิธีแกะปลิงให้หลุดออก ไม่ควรใช้มือหรืออุปกรณ์อื่นดึงหรือกระชากตัวปลิงออกจากผิวหนังโดยตรง เนื่องจากจะทำให้เกิดแผลฉีกขาด เลือดหยุดยาก แต่วิธีที่ควรทำในเบื้องต้นมีทั้งใช้น้ำมะนาว น้ำมะกรูด น้ำเกลือเข้มข้น หรือน้ำแช่ยาฉุนหรือยาเส้นไส้บุหรี่ อย่างใดอย่างหนึ่งราดใส่ตรงที่ปลิงเกาะ นอกจากนี้ยังอาจเลือกใช้บุหรี่ที่ติดไฟหรือธูปติดไฟ จี้ลงไปที่ตัวปลิง ก็ทำให้ปลิงหลุดออกเอง

เมื่อปลิงหลุดออก ให้หยดยาฆ่าเชื้อที่คอตตอนบัดและเช็ดเป็นวงรูปก้นหอย เริ่มจากส่วนในของแผลวนออกรอบนอกแผล เช็ดวนรอบเดียวเพื่อไม่ให้แผลสกปรก แล้วเปลี่ยนอตตอนบัดอันใหม่ สัก 2-3 อัน

หากไม่สามารถเลี่ยงการลงไปในน้ำที่ท่วมขัง ควรป้องกันตนเองจากปลิงและสัตว์มีพิษอื่นๆ เช่น งู ตะขาบ ด้วยการสวมเสื้อผ้าให้มิดชิดรัดกุมและมัดปลายขากางเกง โชลมเสื้อผ้าส่วนที่ต้องโดนน้ำด้วยน้ำมันก๊าดจะช่วยป้องกันสัตว์มีพิษได้.



จาก ..................... เดลินิวส์ วันที่ 12 ตุลาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 12-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


เมื่อต้องขับรถผ่านพื้นที่น้ำท่วม ....................... โดย วินิจ รังผึ้ง



สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางยามนี้ช่างหนักหนาสาหัสเป็นยิ่งนัก ด้วยปริมาณน้ำจำนวนมากมายมหาศาลที่หลากไหลลงมารวมกันจนพื้นที่ราบลุ่มภาคกลางไม่อาจจะระบายน้ำได้ทัน จนเกิดการท่วมท้นเป็นบริเวณกว้าง และมากมายถึงขนาดท่วมจนมิดหลังคาบ้านกันเลยก็มี มหาอุทกภัยครั้งนี้มีพื้นที่ประสบภัยทั้งพื้นที่ทำการเกษตร นิคมอุตสาหกรรม รวมไปถึงย่านใจกลางเศรษฐกิจของเมืองใหญ่ สร้างความเสียหายทั้งชีวิตทรัพย์สินเป็นมูลค่ามากมายมหาศาล มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจนั้นมากมายเกินกว่าความเสียหายครั้งเกิดมหัตภัยคลื่นยักษ์สึนามิในช่วงปลายปี 2547 เสียอีก ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน กองทัพ ภาคเอกชนและประชาชนคนไทยในทั่วทุกภาคต่างระดมความช่วยเหลือลงไปในพื้นที่ประสบอุทกภัย เพื่อช่วยกันกู้วิกฤตอย่างเต็มที่

หลายหน่วยงานที่พยายามนำขบวนรถส่งน้ำ อาหารและสิ่งของบรรเทาทุกข์ลงไปในพื้นที่นั้นในหลายพื้นที่หลายเส้นทางก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องผ่านเข้าไปในเส้นทางที่มีน้ำท่วมบางพื้นที่มีกระแสน้ำเชี่ยวแรง ซึ่งการจะเดินทางเข้าไปก็คงต้องมีการเช็คเส้นทางกันให้แน่นอนเสียก่อนว่าในช่วงนั้นสภาพเส้นทางเป็นอย่างไร และระดับน้ำมีแนวโน้มเป็นเช่นไร ทางที่ดีก็ควรที่จะประสานงานหรือนำไปส่งให้กับหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งมีความชำนาญสภาพท้องที่เพื่อให้ช่วยกระจายสิ่งของและความช่วยเหลือเข้าไปให้ถึงมือชาวบ้านในพื้นที่ต่อไปน่าจะดีกว่า อย่างไรก็ขอส่งกำลังใจไปถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบภัยรวมทั้งกำลังพลจากหน่วยงานที่กำลังปฏิบัติงานหนักในการกู้วิกฤตและให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้มีกำลังใจในการฟันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปได้โดยเร็วด้วยเทอญ



ในขณะที่พี่น้องประชาชนคนไทยเราร่วมแสดงความรักความห่วงใยด้วยการส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ และส่งกำลังใจลงไปถึงพี่น้องในพื้นที่ประสบภัย แต่พื้นที่อื่นๆในยามนี้โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครซึ่งแม้นจะยังไม่ถึงกับมีน้ำท่วมท้น แต่ก็กลายเป็นพื้นที่ๆน่าเป็นห่วงเป็นใยอยู่ไม่น้อย เพราะปริมาณน้ำฝนก็ยังพร่างพรมลงมาอยู่ไม่เว้นแต่ละวัน ในขณะที่สถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงก็อาจจะทำให้การระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่ปากอ่าวเป็นไปได้ยากลำบาก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆของกรุงเทพฯขึ้นได้ หลายคนเริ่มเป็นห่วงสถานการณ์ เริ่มเก็บข้าวของขึ้นสู่ที่สูง เริ่มเตรียมสะสมอาหารแห้ง น้ำดื่มและสิ่งของที่จำเป็นตุนไว้ในบ้าน และปัญหาใหญ่อีกอย่างหนึ่งที่คนกรุงเทพฯต่างวิตกก็คือ สภาพที่ต้องผจญกับน้ำท่วมบนท้องถนน เพราะเมื่อฝนตกหนักน้ำในท้องถนนระบายไม่ทันก็จะเกิดปัญหารถติดกันยาวเหยียดใช้เวลาเดินทางนานหลายชั่วโมง ในขณะที่หลายคนอาจจะวิตกยิ่งขึ้นไปอีกว่าหากน้ำท่วมสูงขึ้นมากๆ แล้วจะต้องขับรถผ่านท้องถนนที่มีน้ำท่วมนั้นจะมีสภาพอย่างไร โอกาสนี้ผมจึงขอนำข้อปฏิบัติในการขับรถผ่านพื้นที่น้ำท่วมมาบอกเล่าสู่กันเพื่อจะได้นำไปลองปฏิบัติเมื่อจำเป็น ซึ่งความจริงแล้วหากสามารถจะเช็คข้อมูลได้ก็ควรจะเช็คให้ดีเสียก่อนที่จะตัดสินใจขับรถออกจากที่จอดรถในอาคารที่ทำงาน เพราะหากมีรายงานว่าเส้นทางที่จะผ่านไปมีน้ำท่วมสูงก็ไม่ควรที่จะเสี่ยงขับรถผ่านเข้าไป ควรหาเส้นทางที่พอจะหลีกเลี่ยงได้ หรือตัดสินใจจอดรถไว้ในลานจอดบนอาคารแล้วใช้รถสาธารณะจะดีกว่า

ถ้าหากไม่สามารถหลีเลี่ยงได้ การขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังก็ควรจะเลิอกขับเลนขวาด้านกลางสุดของถนน เพราะจะเป็นพื้นที่สูงที่สุด เมื่อต้องขับรถลุยน้ำที่ท่วมขังมากๆ ควรปิดเครื่องปรับอากาศภายในรถ เพราะการเปิดเครื่องปรับอากาศจะทำให้ใบพัดของพัดลมเครื่องปรับอากาศซึ่งอยู่ในระดับต่ำพัดตีให้น้ำกระจายเข้าไปในส่วนต่างๆของห้องเครื่องยนต์ อาจจะพัดตีเอาเศษขยะ ถุงพลาสติก เศษไม้ไปติดในส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ทำให้เครื่องยนต์ดับได้ และการปิดเครื่องปรับอากาศ ก็จะช่วยให้ไม่ไปรบกวนกำลังของเครื่องยนต์ด้วย เมื่อปิดเครื่องปรับอากาศแล้วการขับรถลุยน้ำนั้น ไม่ควรเร่งเครื่องกระชาก กระตุกเป็นช่วงๆ ควรขับโดยใช้เกียร์ต่ำถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาควรใช้เกียร์ 1 เกียร์ 2 ในขณะที่รถยนต์เกียร์อัตโนมัติควรใช้เกียร์ที่ต่ำลงมากว่าเกียร์ D และควรเลี้ยงรอบเครื่องยนต์ให้สม่ำเสมอ ใช้ความเร็วต่ำ แล่นไปข้างหน้าเรื่อยๆ โดยเว้นระยะให้ห่างจากคันหน้าพอประมาณ เพราะการขับรถลุยน้ำนั้นระบบเบรกจะทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพเนื่องจากมีน้ำเข้าไปในจานเบรก ควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ต้องเบรกกะทันหัน เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการเบรกลื่น เบรกไม่อยู่ การเบรกควรจะต้องย้ำเบรกหลายๆครั้งเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรกจนกว่าเบรกจะทำงานเป็นปรกติ หรืออาจจะใช้วิธีแตะเบรกเบาๆ เป็นระยะๆ ก็ได้ ระหว่างการขับเคลื่อนไปก็ได้

การขับรถผ่านไปในพื้นที่น้ำท่วมนั้นไม่ควรใช้ความเร็ว เพราะนอกจากจะควบคุมรถลำบากแล้วจะทำให้คลื่นน้ำกระเพื่อมแรงเข้าไปในตัวเครื่องยนต์ของเรา กระเพื่อมไปรบกวนผู้อื่นที่ใช้ถนนร่วมกัน หรือเกิดคลื่นแรงไปสร้างความเดือดร้อนให้กับอาคารบ้านเรือนของผู้อยู่อาศัยริมถนนสายนั้น และเมื่อขับถึงบ้านหรือจุดหมายปลายทางแล้ว ก่อนจอดควรย้ำเบรกหลายๆครั้งเพื่อช่วยไล่น้ำออกจากระบบเบรก เมื่อจอดรถแล้วอย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์ในทันที ควรติดเครื่องทิ้งไว้สักครู่เพื่อช่วยไล่น้ำออกจากท่อไอเสีย และเมื่อจอดรถไว้ในที่ปลอดภัยภายในบ้านแล้ว ควรเปิดประตู เปิดกระจก เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นอับ หรืออาจใช้พัดลมเป่าเพื่อช่วยไล่ความอับชื้นก็ได้ และเมื่อจะสตาร์รถใช้งานอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นก็ควรจะเปิดฝากระโปรงสำรวจในห้องเครื่อง หรือบริเวณพัดลมระบายอากาศ พัดลมเครื่องปรับอากาศ เช็คดูให้ทั่วว่ามีเศษขยะ เศษไม้ที่อาจจะสร้างความเสียหายอยู่หรือไม่ และควรตรวจเช็คสภาพความเรียบร้อยให้รอบคัน เพราะการขับรถลุยน้ำนานๆนั้นแผ่นป้ายทะเบียนมักจะต้านน้ำไม่ไหวหลุดหายกันบ่อยๆ ซึ่งผมเองก็มีประสบการณ์เคยขับรถลุยน้ำจนกลับถึงบ้าน มาตรวจดูอีกทีป้ายทะเบียนด้านหน้าก็หลุดหายไปเสียแล้ว ยุ่งยากต้องไปทำเรื่องยื่นขอป้ายทะเบียนแผ่นใหม่จากกรมการขนส่งทางบกเสียเวลาเสียอารมณ์ไปอีก อย่างไรก็ขอภาวนาให้ทุกท่านไม่ต้องขับรถลุยน้ำกันน่าจะดีกว่า และขอส่งกำลังใจไปถึงท่านที่ประสบความเดือดร้อนจากอุทกภัยขอให้สามารถจะฝ่าฟันผ่านพ้นวิกฤติครั้งใหญ่นี้ไปให้ได้โดยเร็วด้วยเทอญ




จาก .................... ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 11 ตุลาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 12-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ข้อปฏิบัติในการขับรถเมื่อน้ำท่วม และไอเดียรักษารถที่ใครๆก็ทำได้


น้ำท่วมปีนี้หนักหนากว่าที่ใครๆคิด ไม่ว่าจะเกิดจากฝีมือมนุษย์ หรือจากธรรมชาติที่ประทานน้ำให้แก่มนุษย์มากเกินความต้องการ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเรายังจำเป็นต้องดำรงชีวิตให้รอดท่ามกลางสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยเช่นนี้ต่อไป เราจึงมีวิธีการดูแลรถให้แก่ผู้ที่ยังจำเป็นต้องใช้รถเพื่อการประกอบอาชีพการงาน ให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ได้อย่างตลอดรอดฝั่ง

โดยระดับน้ำที่รถโดยทั่วไปสามารถแล่นผ่านได้คือ น้ำนิ่ง สูงไม่เกิน 6 นิ้ว แต่ถ้าน้ำไหล ต้องสูงไม่เกิน 4 นิ้ว ดังนั้นควรจอดรถลงมาสำรวจ และคุยกับคนขับรถที่ผ่านมาว่าสถานการณ์น้ำเป็นอย่างไร เพื่อประเมินว่าคุณจะขับรถผ่านได้หรือไม่

หากตัดสินใจที่จะขับผ่าน ต้องขับรถบนส่วนที่ดูสูงที่สุดบนถนน และขับช้าๆ ประมาณ 2-3 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยเกียร์หนึ่งหรือเกียร์ต่ำ หากเป็นรถเกียร์ธรรมดา ให้เหยียบคลัชบ่อยๆ แต่ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติให้เหยียบเบรกบ่อยๆ เพื่อไล่น้ำ อย่าแล่นเร็ว เพราะการเร่งความเร็วแค่ 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อน ใบพัดลมจะทำงาน และปัดน้ำเข้าห้องเครื่อง

นอกจากการขับรถเร็วจะเสี่ยงทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์หรือทำให้เกิดคลื่นน้ำที่จะไปทำลายคันดินหรือกระสอบทรายที่ก่อไว้ ยังเสี่ยงกับการควบคุมรถไม่ได้ด้วย แม้จะเป็นน้ำนิ่งก็ตาม เพราะถ้าแล่นรถเร็ว ยางรถจะไม่สัมผัสพื้นถนน ทำให้รถลอย และเสียการควบคุมในที่สุด ซึ่งหากควบคุมไม่ได้ ให้จับพวงมาลัยหลวมๆ และปล่อยให้รถเคลื่อนไปเรื่อยๆ เพราะหากความเร็วลดลง ยางรถก็จะแตะพื้นถนนเอง

ส่วนข้อแนะนำอื่นๆ คือ ควรหยุดให้รถคันอื่นผ่านไปก่อนเพื่อลดความรุนแรงของคลื่นน้ำ เมื่อขับรถพ้นน้ำมาได้ให้เช็คระบบเบรกทันที และอย่าขับรถผ่านน้ำที่ไหลแรง เพราะรถอาจถูกพัดไปได้


_____________





ขับรถขณะน้ำท่วมควรทำอย่างไร?

1.ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด เพราะเมื่อเราเปิดแอร์ พัดลมจะทำงาน ทำให้ใบพัดพัดน้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง แล้วทำให้เครื่องดับ

2.ใช้เกียร์ต่ำ สำหรับเกียร์ธรรมดา เราควรใช้ประมาณเกียร์ 2 แต่หากว่าเป็นเกียร์ออโต้ สามารถใช้เกียร์ L ได้ รวมถึงการขับขี่ที่มีความเร็วต่ำสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และควรใช้ความเร็วอย่างสม่ำเสมอ อย่าหยุด หรืออย่าเร่งความเร็วขึ้น

3.ไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูงเกินไป ผู้ขับรถหลายคนมักเร่งเครื่องแรงๆเพราะกลัวเครื่องดับ เนื่องจากน้ำเข้าท่อไอเสีย ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะการเร่งเครื่องขึ้น ยิ่งจะทำให้รถมีความร้อนสูงยิ่งขึ้น ใบพัดระบายความร้อนก็จะทำงาน และยิ่งทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้น การสตาร์ตรถอยู่โดยที่รอบเดินเบา แม้ว่าจะแช่อยู่ในน้ำ (แต่ระดับน้ำต้องไม่สูงมากขนาดระดับกะโปรงรถ) แรงดันที่ออกมาเพียงพอที่จะดันน้ำออกมาได้

4.การลดความเร็วลง โดยเฉพาะในกรณีที่เมื่อกำลังจะขับรถสวนกับรถอีกคันหนึ่ง เพราะยิ่งขับเร็วมากเท่าไหร่ แรงคลื่นที่เกิดจากการปะทะก็จะแรงมากเท่านั้น และกระเด็นเข้าสู่เครื่องยนต์ได้ง่ายขึ้น

5.หลังจากลุยน้ำที่มีระดับลึกมา สิ่งแรกที่ควรทำคือ พยายามย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำ เพราะในช่วงแรกๆจะเบรกไม่อยู่และเป็นอันตรายมาก




ขั้นตอนที่ควรทำทันที เมื่อรถยนต์ถูกน้ำท่วม

1. ล้างรถ รวมถึงการฉีดน้ำเข้าไปในบริเวณใต้ท้องรถและซุ้มล้อ เพื่อล้างเศษดินทรายที่ตกค้างหรือติดอยู่ออกให้หมด ซึ่งอาจมีเศษขยะหรือหญ้าแห้งติดอยู่ ที่อาจก่อให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย เช่นเดียวกับกรณีของรถที่ติดตั้งตัวกรองไอเสีย หรือ CAT ที่ไม่แนะนำให้จอดในที่ที่มีหญ้าขึ้นสูง เนื่องจากอุณหภูมิของ Catalytic Converter ค่อนข้างสูง และอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย

2. พึงจำเอาไว้ว่าอย่าทำการสตาร์ทรถ หรือบิดกุญแจให้ไฟออนโดยเด็ดขาด จากนั้นเดินไปเปิดฝากระโปรงรถและปลดขั้วแบตเตอรี่ทันที โดยจะปลดขั้วใดขั้วหนึ่งหรือจะปลดทั้ง ขั้วบวกขั้วลบก็ได้ (จริงๆถ้าคุณคาดว่าน้ำจะท่วมสูงถึงห้องเครื่องให้เตรียมปลดขั้วแบตเตอรี่ เอาไว้ล่วงหน้าก่อนจะเป็นการดีที่สุด) เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟเข้าไปเลี้ยงระบบต่างๆของรถ รวมถึงเครื่องยนต์

3. เปิดประตูออกทุกบาน ให้ลมโกรก หรือถ้ามีแดดให้จอดตากแดด จากนั้นถอดเบาะนั่ง พรม ผ้าต่างๆ ที่อยู่ภายในรถออกมาซักทันที เพราะถ้าทิ้งเอาไว้นาน ความเหม็นอับจะมาเยือน และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและเชื้อโรคต่างๆ

4. เริ่มเข้าสู่กระบวนการทางเทคนิคที่พอจะทำได้เอง คือ ปลดทุกอย่างที่เป็นขั้วไฟฟ้า ในกรณีที่เป็นเครื่องเบนซินให้ใช้ลมเป่าไปที่เบ้าหัวเทียนไล่น้ำออกให้หมดทุกซอกทุกมุม จากนั้นให้ถอดหัวเทียนออก ตรวจดูแผงฟิวส์ตัวฟิวส์ กล่องรีเลย์ต่างๆรวมทั้งกล่องอีซียูต้องถอดออกให้หมดตากแดดทิ้งไว้ ตรวจดูปลั๊กไฟใช้ลมเป่าทำความสะอาดทั้งหมด หรือใช้สเปรย์ไล่ความชื้นฉีดทิ้งไว้

5. สำรวจน้ำมันเกียร์ ว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ คือถ้ามีลักษณะคล้ายสีชาเย็น นั่นแสดงว่ามีน้ำเข้าไปปะปนแล้ว ต้องรีบเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทันที เช่นเดียวกับน้ำมันเกียร์ รวมถึงเปลี่ยนกรองอากาศ ซึ่งประเด็นนี้ใครทำเองได้ก็ทำเลย เพราะยิ่งจัดการเร็วโอกาสที่สนิมจะมาเยือนก็น้อยตามไปด้วย แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องเข้าศูนย์บริการหรืออู่ ซึ่งจะมีขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายที่ถูกต้องและละเอียดมาก

6. เพลาขับ หากยางหุ้มเพลาขาดน้ำจะเข้าไปนำเอาจารบีออกไป ต้องอัด จารบีใหม่และเปลี่ยนยางหุ้มเพลาด้วย อีกอย่างหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ คือลูกปืนล้อทั้งหน้าและหลังที่มีอยู่ในรถทั่วไป ต้องนำออกมาล้างอัดจารบีใหม่แล้วใส่กลับคืนที่ด้วยการปรับใหม่ให้แน่นตามลำดับไม่แน่นเกินไปจนล้อหมุนฝืด

7. ในกรณีที่เป็นเครื่องเบนซินให้ใช้ลมเป่าไปที่เบ้าหัวเทียนไล่น้ำออกให้หมดทุกซอกทุกมุม จากนั้นให้ถอดหัวเทียนออก ตรวจดูแผงฟิวส์ตัวฟิวส์ กล่องรีเลย์ต่างๆรวมทั้งกล่องอีซียูต้องถอดออกให้หมดตากแดดทิ้งไว้ ตรวจดูปลั๊กไฟใช้ลมเป่าทำความสะอาดทั้งหมด หรือใช้สเปรย์ไล่ความชื้นฉีดทิ้งไว้

8. โคมไฟหน้าเลนส์ ไฟท้าย เบาะนั่ง พรมปูพื้น ที่ถอดออกมาตากแดดแห้งแล้วยังไม่ต้องรีบใส่ แม้ว่าส่วนประกอบอื่นๆจะแห้งดีแล้ว ให้เอารถออกตากแดดเปิดประตูรถทุกบาน พยายามให้แผงหน้าปัดรถตากแดดแรงๆเพื่อไล่ความชื้นออกจากแผงหน้าปัดให้หมด

9. เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างแห้งสนิทดีแล้วค่อยใส่ทุกอย่างที่ถอดออกจากในห้องเครื่องเข้าที่ให้หมด ยกเว้นหัวเทียนในกรณีของรถเครื่องยนต์เบนซินหรือหัวฉีดในกรณีเครื่องดีเซล ให้ยกแบตเตอรี่เข้าที่ก่อนโดยใส่ขั้วแบตเตอรี่ เสียบกุญแจบิดกุญแจไปจังหวะแรก(จังหวะสำหรับตรวจมาตรวัดต่างๆก่อนสตาร์ทรถ) หากเกจ์วัดไหนยังไม่ทำงานอย่าเพิ่งกังวล ให้เปิดสวิตช์ค้างไว้แล้วลงมาตรวจสอบที่ห้องเครื่องยนต์ว่ามีควันหรือความร้อนอะไรเกิดขึ้นจากการใช้ไฟจากแบตเตอรี่หรือไม่ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีทุกอย่างปกติดีจึงค่อยบิดกุญแจปิดสวิตช์

10. ตรวจสอบเบ้าหัวเทียนอีกครั้งว่ามีอะไรติดขัดหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ หากดูแล้วว่าเรียบร้อยดีให้ลองสตาร์ทเครื่องใหม่ โดยคนหนึ่งบิดกุญแจส่วนอีกคนหนึ่งคอยเช็คที่รูหัวเทียน เมื่อเครื่องหมุน หากถ้ามีน้ำ น้ำจะถูกพ่นออกมาทางรูหัวเทียน ให้สตาร์ทต่อไปจนแน่ใจว่าน้ำถูกพ่นออกมาจนหมด ต่อไปก็ให้ใส่หัวเทียนเข้าที่ หากทำมาถูกต้องและไม่มีอุปกรณ์อื่นที่เสียหายรุนแรง เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ หากว่าได้ยินเสียงเครื่องยนต์ทำงานดังกระหึ่มขึ้นตามมา แสดงว่าทุกอย่างเป็นปกติ


วิธีการยกรถหนีน้ำ ด้วยการนำแม่แรงที่อยู่ภายในรถงัดรถให้สูงขึ้น จากนั้นให้นำก้อนอิฐไปค้ำล้อรถทั้ง 4 ล้อให้สูงเหนือระดับน้ำ ส่วนกรณีที่รถอาจต้องจมน้ำ ข้อแนะนำคือควรปิดกระจกให้แน่น หลังจากนั้นให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ ขั้วบวกหรือขั้วลบออก เพื่อป้องกันระบบไฟฟ้าภายในรถช็อต

ภายหลังน้ำท่วมรถ ให้แกะลูกยางที่อยู่ใต้ท้องรถออก เพื่อเป็นการระบายน้ำที่ท่วมขังอยู่ภายในรถ

(มีต่อ)
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 12-10-2011 เมื่อ 08:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 12-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ข้อปฏิบัติในการขับรถเมื่อน้ำท่วม และไอเดียรักษารถที่ใครๆก็ทำได้ (ต่อ)





เมื่อรถยนต์ถูกน้ำท่วมทั้งคันควรทำอย่างไร?

1. ห้ามเปิดสวิตช์ไฟหรือสตาร์ตเครื่องเด็ดขาด และถอดสายแบตเตอรีออก

2. ลากรถยนต์ออกจากน้ำให้เร็วที่สุด เพราะถ้าหากทิ้งไว้นานจะก่อให้เกิดความเสียหายบริเวณตัวรถเพิ่มขึ้น

เมื่อรถจมน้ำทั้งคัน หลายคนเข้าใจว่าไฟฟ้าจะลัดวงจร แต่ในความเป็นจริงไฟฟ้ายังไม่ได้ลัดวงจรเพราะว่าไม่มีไฟฟ้าลงดิน แต่ความเสียหายจะเกิดขึ้นหลังจากที่ระบบอิเลคทรอนิกส์ต้องจมอยู่ในน้ำ และจะส่งผลกระทบในระยะยาวต่อมอเตอร์ไฟฟ้า กล่องอีซียูซึ่งปัจจุบันใช้ระบบกล่องรวมที่ควบคุมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นแอร์ ไฟส่องสว่างและเครื่องยนต์


หลังจากกู้รถขึ้นจากน้ำแล้ว ข้อห้ามอย่างแรกที่สำคัญคือห้ามติดเครื่องยนต์เด็ดขาด จนกว่าจะตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีน้ำค้างในเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายที่รุนแรง รถที่ถูกน้ำท่วมต้องเปลี่ยนถ่ายของเหลวและกรองต่างๆออก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีฝุ่นหรือดินโคลนค้างอยู่ การซ่อมบำรุงรถน้ำท่วมจะต้องทำโดยช่างผู้เชี่ยวชาญรถยี่ห้อนั้นจริงๆ เพราะแทบจะต้องประกอบใหม่ทั้งคันทีเดียว


_____________



วิธีป้องกันรถแบบไทยๆ

เว็บไซต์ rackmanagerpro.com ได้เสนอไอเดียให้มีการประดิษฐ์ "ถุงคลุมกันน้้ำแบบกลับหัวกลับหาง" ซึ่งเหมาะสมกับฤดูฝนของบ้านเราเป็นอย่างดี แค่นี้ผ้าคลุมรถธรรมดาๆ ก็ป้องกันน้ำท่วมรถยนต์คันงามของคุณได้แล้ว

มาใช้ผ้าคลุมรถกันน้ำท่วมเพื่อป้องกันรถคุณจากน้ำท่วมกันเถอะ!


ภาพ: Rackmanagerpro.com

เริ่มใช้ผ้าคลุมรถ โดยเลือกเอาขนาดไซซ์ XL หรือยิ่งใหญ่ยิ่งดี เพราะจะได้สวมใส่กันได้สะดวก และเนื่องจากไอเดียครั้งนี้คือ การเอาผ้าคลุมรถแทนที่จะใส่จากด้านบน ก็เอามาใส่จากด้านล่างแทน ดังนั้น ตอนที่เลือกผ้าคลุมรถ จึงต้องเลือกผ้าหรือเป็นวัสดุที่สามารถกันน้ำได้ด้วยเท่านั้น

และหากว่าอยากให้ผ้าคลุมดังกล่าวสามารถปกป้องรถได้อย่างเต็มที่ และไม่หลุดรุ่ยง่ายๆ ควรติดขอบยาง เพื่อให้กระชับพอดีกับตัวรถ

เริ่มต้นให้วางผ้าคลุมรถไว้ ณ ตำแหน่งที่คุณอยากจะจอดรถเอาไว้ แล้วก็ให้คนจับมุมเอาไว้ทั้งสองฝั่ง หลังจากนั้นก็ให้คนขับถอยรถช้าๆ การถอยรถต้องค่อยๆถอย โดยผ่านมุมเข้าผ้าคลุมช้าๆเป็นแนวเดียวกับผ้าคลุมรถ และ ผ้าคลุมควรจะต้องขึงตึงเอาไว้ เพราะ เราไม่อยากจะให้รถเหยียบผ้าคลุมเอาไว้ เดี๋ยวมันจะยกขอบผ้าคลุมไม่ขึ้นครับ

เมื่อถอยรถได้ตำแหน่งอยู่กลางผ้าคลุมแล้วก็ให้คุณเอาขอบของผ้าคลุมคลุมเอาไว้รอบคัน ทั่วทั้งคันครับ และ สำหรับการป้องกันที่จะทำได้จริง คุณจะต้องติด tape กาวแบบที่เมื่อมีน้ำชะจะต้องไม่หลุดลอกออกมาด้วยครับ แนะนำว่าให้แปะก็แปะทั่วทั้งคันเพื่อความมั่นใจได้ว่า น้ำจะไม่ซัดหรือดึงผ้า หรือไปกร่อนเนื้อกาวเพื่อให้ผ้าคลุมหลุดลอกออกมาได้ง่ายๆ





หรือปฏิบัติตามขั้นตอนง่ายๆดังนี้

1. ซื้อยางรถสิบล้อมา 3 เส้น
2. นำยางรถที่ยังไม่ได้สูบ สอดไว้ใต้ท้องรถ
3. สูบลมเข้าไปทั้ง 3 ล้อ ก่อนสูบควรผูกเชือกตำแหน่งต่างๆ เพื่อยึดรถให้อยู่กับล้อ
4. ผูกเชือกล่ามรถไว้กับเสาบ้าน หรือหลักที่แน่นหนา ป้องกันรถลอยไปตามน้ำ
5. รถจะปลอดภัยในช่วงน้ำท่วม และสามารถใช้เป็นที่พักชั่วคราวได้




จาก ..................... มติชน วันที่ 11 ตุลาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 12-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ไทยรัฐ


รถจมน้ำ ทำไงดีหลังน้ำลด

อ่านได้ที่ลิ๊งค์นี้ http://www.thairath.co.th/content/life/208452

รูป
 
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 12-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ขอบคุณครับ น้องเด็กน้อย ..... ช่วยๆกันให้ข้อมูลครับ อย่างน้อยคงมีประโยชน์กับคนที่เข้ามาอ่านกันบ้างไม่มากก็น้อยครับ

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #8  
เก่า 12-10-2011
เด็กน้อย เด็กน้อย is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: Aug 2009
ข้อความ: 262
Default

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ครับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #9  
เก่า 12-10-2011
เด็กน้อย เด็กน้อย is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: Aug 2009
ข้อความ: 262
Default

ได้รับข้อมูล มาจาก FWD mail ครับ
วิธีการก่อถุงทราย
รูปขนาดเล็ก
คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name:	121.jpg
Views:	0
Size:	64.5 KB
ID:	12359  
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:08


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger