เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > Main Category > ห้องรับแขก

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 24-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


การป้องกันน้ำไหลเข้าบ้าน (3)


การป้องกันบ้านและอาคารที่มีพื้นเป็นไม้โครงสร้าง

น้ำสามารถไหลซึมและขังนองในช่องว่างหรือใต้ถุนผ่านรอยแตกของฐานราก รูรั่วของท่อช่องระบายอากาศและหน้าต่าง นอกจากนั้นน้ำยังสามารถซึมผ่านระหว่างผนังบ้านและฐานรากอีกด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่ช่องว่างหรือห้องใต้ถุนเต็มไปด้วยน้ำ น้ำจะเพิ่มระดับและไหลเข้าสู่สิ่งก่อสร้างผ่านพื้นและรอยต่อของผนังจนกระทั่งล้นและมีระดับเดียวกันกับน้ำภายนอก

ขั้นตอนการปฏิบัติ

1. อุดช่องระบายอากาศและหน้าต่างด้วย แผงกั้นน้ำ ช่องระบายอากาศนั้นต้องสร้างให้ได้ตามมาตรฐานงานก่อสร้าง เพื่อป้องกันโรคราน้ำค้างและการผุเปื่อย ดังนั้น แผงกั้นน้ำ ทุกชิ้นต้องสามารถถอดย้ายออกได้ หลังจากอันตรายจากน้ำท่วมได้พ้นผ่านไปแล้ว
2. อุดรอยแตกร้าวของฐานรากและผนัง ด้วยคอนกรีตหรือวัตถุอื่นๆ ที่สามารถใช้อุดรอยแตกได้
3. อุดรอยรั่วเล็กๆ รอบๆ ท่อด้วยคอนกรีต หรือสารประกอบที่ใช้อุดรูรั่วในเรือ กาวซิลิโคน
4. อุดรอยต่อระหว่างผนังกับฐานรากด้วยสารประกอบที่ใช้อุดรูรั่ว






การทำแผงกั้นน้ำ เพื่อใช้อุดฐานราก ช่องระบายและหน้าต่าง

1. ใช้ไม้อัดขนาด ?” สำหรับทำแผงกั้นน้ำ คัดไม้อัดให้เหลื่อมกับหน้าต่าง
2. ติดแถบสักหลาด หรือยาง ด้วยกาวกันน้ำ ให้เหลื่อมกับผิวของแผงกั้นน้ำ ซึ่งจะทำหน้าที่คล้ายปะเก็นอุดรูรั่ว
3. ยึดแผงกั้นน้ำ ให้เข้าที่อย่างแน่นหนาด้วยตะปู ตะปูควงหรือสลักเกลียว
4. ยึดแผงกั้นน้ำ เข้ากับกรอบไม้ด้วยตะปู




วิธีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันน้ำเข้าทางประตู

วิธีที่ 1 : ใช้ดินน้ำมัน ดินปั้น ดินเหนียวตามธรรมชาติหรือวัสดุอื่นๆ ที่สามารถอุดรอยแตกและรอยต่อรอบๆประตู ธรณีประตู และกรอบประตู วัสดุดังกล่าวข้างต้นนั้นสามารถขูดออกได้อย่างสะดวก เมื่อน้ำท่วมได้บรรเทาลง
วิธีที่ 2 : ใช้แผ่นพลาสติกหรือกระดาษกันน้ำที่ใช้ในงานก่อสร้าง

ข้อควรจำ

ทั้งวิธีที 1 และ 2 ข้างต้นนั้นมีข้อควรระวังคือ จะต้องทำการล็อคประตูจากด้านในเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเปิดประตูและยังช่วยป้องกันการแตกของสารกันน้ำที่ใช้อุด

แม้ว่าวัสดุที่กล่าวมาเช่น ดินน้ำมัน และดินปั้นจะใช้อุดรอยแตกรอบประตูและกรอบประตูได้ก็จริง แต่ก็มีอายุการใช้งานเพียงระยะเวลาสั้น



(มีต่อ)
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 24-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


การป้องกันน้ำไหลเข้าบ้าน (4)


วิธีการใช้ แผงกั้นน้ำ เพื่อป้องกันน้ำเข้าทางประตู

สามารถป้องกันน้ำที่จะไหลเข้าสู่ประตูทางเข้าได้ด้วยการติดตั้งแผงกั้นน้ำ




การเตรียมพร้อมติดตั้งแผงกั้นน้ำ เข้ากับประตูทางเข้า-ออก

ในการติดตั้งแผงกั้นน้ำ เข้ากับประตูทางเข้า-ออกนั้น ก็คล้ายคลึงกับการติดตั้งหน้าต่าง หรือช่องระบายอากาศ ในกรณีพิเศษจะต้องใช้วัสดุทำเป็นประเก็นรอบๆขอบด้านล่างของแผ่นกระดาน เพื่อกันน้ำได้ดียิ่งขึ้น

ขั้นตอนการปฏิบัติ

1. ใช้แผ่นกระดานหรือไม้อัดในการทำแผงกั้นน้ำ ดังแสดงในหน้าตรงข้าม
2. ตัดแถบยางหรือสักหลาดให้เหลี่ยมกับผิวของไม้กระดานให้กว้างประมาณ 8 เซนติเมตร เพื่อทำเป็นประเก็นแล้วยึดติดกับด้านล่างของไม้กระดานด้วยกาวกันน้ำ
3. อุดด้านล่างของธรณีประตู รอยแตก และรอยต่อ กรอบประตู โดยปกติแล้ว แผงกั้นน้ำจะไม่แนบสนิทกับประตูเลยทีเดียว ใช้สารอุดรอยต่อที่คุณภาพสูงจะทำให้มีระยะเวลาการใช้งานนานหลายปี ก็จะทำให้ไม่ต้องซ่อมแซมหรือซ่อมแซมเพียงเล็กๆน้อยๆ
4. หากจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายฉากประตู ก็ใช้สลักเกลียวหรือตะปูควงพร้อมด้วยแหวนรองสลักเกลียวยึดติดเข้ากับเสาด้านข้างประตูทั้งสองข้าง





(มีต่อ)
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 24-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


การป้องกันน้ำไหลเข้าบ้าน (5)


การเตรียมการกันน้ำสำหรับประตูโรงเก็บรถ

1. ใช้ไม้อัดที่มีความหนาที่เหมาะสมประมาณ 25 มม. สำหรับใช้อุดประตูตัดด้านล่างของแผงกั้นน้ำ ให้พอดีกับผิวของถนนเพื่อป้องกันน้ำด้านล่าง
2. สำหรับประตูบานพับ ใช้แผงกั้นน้ำ แยกกันอุดด้านข้างและตรงกลางของประตู โดยติดในแนวดิ่งให้สูงกว่าแผงกั้นน้ำที่อุดอยู่ด้านล่าง
3. อุดรอบๆบานพับด้วยดินน้ำมันหรือกาวจนมั่นใจว่าไม่มีการรั่วซึมอย่างแน่นอน






การควบคุมการชะล้างพังทลายของเนินดิน

1. นำน้ำออกจากดิน

น้ำไหลตามธรรมชาติ - ขุดคูน้ำเล็กๆให้รอบขอบบนของพื้นที่ ควรขุดขณะดินมีความชื้นสูงจะทำให้ขุดได้ง่าย โดยให้มีความเอียงเล็กน้อยเพื่อให้น้ำสามารถไหลได้ช้าๆ และขุดให้ปลายของคูน้ำ เชื่อมต่อกับทางระบายน้ำ

น้ำจากน้ำฝน - ขุดคูน้ำเล็กๆในส่วนบนเนินดินนั้นไม่ควรขุดให้น้ำไหลมารวมกันทางเดียว ซึ่งจะทำให้ดินอ่อนแอและง่ายต่อการชะล้างพังทลาย เราสามารถเพิ่มความมั่นคงของดินได้คือ ใช้แผ่นพลาสติกราคาถูก ปูบนดินนั้น แผ่นพลาสติกจะทำหน้าที่คล้ายกรวด ทำให้น้ำส่วนใหญ่ไม่สามารถไหลลงสู่ดินนั้นได้ หรืออาจจะปลูกต้นไม้ทำเป็นรั่วก็ได้เพียงแค่ ตัดพลาสติกให้พอดีกับขนาดของหลุมต้นไม้ ก็จะเป็นการช่วยสร้างความมั่นคงแก่ดิน

2. ทำให้น้ำไหลช้าลง

เมื่อดินเกิดการชะล้าง เราสามารถควบคุมได้โดยการใช้กรวดหรือไม้แผ่นเล็กๆ มาทำหน้าที่คล้ายเขื่อนทำได้ง่ายๆ โดยการโรยกรวด หรือวางแผ่นไม้ข้ามส่วนที่เป็นลำธารเล็กๆ ซึ่งกรวดและแผ่นไม้จะทำหน้าที่เหมือนเขื่อนกันน้ำๆไว้ หากต้องการเพิ่มความมั่นคงยิ่งขึ้น ก็ควรฝังกรวดหรือแผ่นไม้ให้ลึกๆบนเนินที่มีความชันมากๆ แนะนำให้สร้างคูน้ำเป็นระยะห่างเป็นช่วงๆ และควรดูระดับความสูงของพื้นที่และสามารถปล่อยน้ำให้ไหลเข้าสู่ทางระบายน้ำ



3. เพิ่มความแข็งแรงของดินเพื่อป้องกันการพังทลาย

ฟางหรือเศษไม้ก็ส่งผลต่อความมั่นคงในดินได้ และยังมีส่วนช่วยเพิ่มสารอินทรีย์ในดิน ใช้เศษไม้ปกคลุมดินด้วยความหนาประมาณ 3 เซนติเมตรหรือใช้ฟางปกคลุมดินด้วยความหนาประมาณ 30 เซนติเมตร จะช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินอีกด้วย คือ เพิ่มก๊าซไนไตรเจน

4. ปลูกพืชคลุมดิน

วิธีนี้เกี่ยวข้องกับวิธีการข้างต้น ควรปลูกพืชก่อนฤดูแล้ง หญ้าที่ทนแล้งหรือปลูกพืชทนแล้งชนิดอื่นปกคลุม




โดย: หน่วยวิจัยภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

จาก .................... เว็บไซท์ของ อาสาสมัครฟื้นฟูประเทศไทย http://www.siamarsa.org/profiles/blo...5:BlogPost:924

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 25-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


คู่มือรับวิกฤตอุทกภัย การปฏิบัติตัวหลังน้ำลด



วิกฤตอุทกภัยหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ไล่มาตั้งแต่ภาคเหนือ อีสาน กลาง และคาดว่าจะไล่ลุกลามเข้าสู่ภาคใต้ด้วยอิทธิพลของพายุต่างๆ

คนไทยต้องตั้งรับ รับมือ สู้กับมหาภัยน้ำท่วมครั้งนี้อย่างไร ข้อมูลจาก "คู่มือรับสถานการณ์น้ำท่วม" ซึ่งจัดทำโดยหน่วยวิจัยภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้ความรู้เอาไว้ดังนี้

เหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายแก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่น้ำท่วม โดยทางรัฐและหน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบต้องกระทำการป้องกันและฟื้นฟู ระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญก่อน อาจไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนได้อย่างทันที ดังนั้น ประชาชนจึงควรมีความพร้อมในการเตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วมเพื่อป้องกันและบรรเทาภัยที่จะเกิดขึ้นได้


การเตรียมการก่อนน้ำท่วม

การป้องกันตัวเองและความเสียหายจากน้ำท่วม ควรเตรียมการไว้ล่วงหน้า เพราะหากรอให้เตือนภัยเวลามักไม่เพียงพอ รู้จักกับภัยน้ำท่วมของคุณ สอบถามหน่วยงานที่มีการจัดการด้านน้ำท่วม ด้วยคำถามดังต่อไปนี้

- ภายในละแวกใกล้เคียงในรอบหลายปี เคยเกิดน้ำท่วมสูงที่สุดเท่าไร

- เราสามารถคาดคะเนความเร็วน้ำหรือโคลนได้หรือไม่

- เราจะได้รับการเตือนภัยล่วงหน้าก่อนที่น้ำจะมาถึงเป็นเวลาเท่าไหร่

- เราจะได้รับการเตือนภัยอย่างไร

- ถนนเส้นใดบ้างในละแวกนี้ที่จะถูกน้ำท่วมหรือจะมีสิ่งกีดขวาง


การทำแผนรับมือน้ำท่วม

การจัดทำแผนรับมือน้ำท่วม จะช่วยให้คุณนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่จะต้องทำหลังได้รับการเตือนภัยเดินสำรวจทั่วทั้งบ้านด้วยคำแนะนำที่กล่าวมา พร้อมทั้งจดบันทึกด้วยว่าจะจัดการคำแนะนำอย่างไร ในช่วงเวลาที่ทุกๆคนเร่งรีบและตื่นเต้นเนื่องจากภัยคุกคาม สิ่งที่สำคัญที่จะลืมไม่ได้ก็คือ หมายเลขโทรศัพท์ต่างๆ ที่สำคัญไว้ในแผนด้วย

ถ้าคุณมีเวลาเล็กน้อยหลังการเตือนภัย สิ่งที่ต้องทำและมีในแผน คือ

- หาทางรับสัญญาณเตือนภัยฉุกเฉิน และข้อมูลจากสถานีวิทยุ หรือสถานีโทรทัศน์ที่รายงานสถานการณ์

- จัดทำรายชื่อสถานที่ 2 แห่งที่สมาชิกในครอบครัวสามารถพบกันได้หลังจากพลัดหลงโดยสถานที่แรกให้อยู่ใกล้บริเวณบ้านและอีกสถานที่อยู่นอกพื้นที่ที่น้ำท่วมถึงระดับการเตือนภัยน้ำท่วม


สิ่งที่ควรทำหลังจากได้รับการเตือนภัยจากหน่วยงานด้านเตือนภัยน้ำท่วม

1.ติดตามการประกาศเตือนภัยจากสถานีวิทยุท้องถิ่น โทรทัศน์หรือรถแจ้งข่าว

2.ถ้ามีการเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลันและคุณอยู่ในพื้นที่หุบเขาให้ปฏิบัติดังนี้

- ปีนขึ้นที่สูงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

- อย่าพยายามนำสัมภาระติดตัวไปมากเกินไป ให้คิดว่าชีวิตสำคัญที่สุด

- อย่าพยายามวิ่งหรือขับรถผ่านบริเวณน้ำหลาก

3.ดำเนินการตามแผนรับมือน้ำท่วมที่ได้วางแผนไว้แล้ว

4.ถ้ามีการเตือนภัยการเฝ้าระวังน้ำท่วมจะยังมีเวลาในการเตรียมแผนรับมือน้ำท่วม

5.ถ้ามีการเตือนภัยน้ำท่วมและคุณอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมถึง ควรปฏิบัติดังนี้

- ปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและแก๊สถ้าจำเป็น

- อุดปิดช่องน้ำทิ้งอ่างล้างจาน

- ปิดพื้นที่ห้องน้ำและสุขภัณฑ์ที่น้ำสามารถไหลเข้าบ้าน

- ล็อกประตูบ้านและอพยพขึ้นที่สูง

- ถ้าไม่มีที่ปลอดภัยบนที่สูง ให้ฟังข้อมูลจากวิทยุหรือโทรทัศน์เกี่ยวกับสถานที่หลบภัยของหน่วยงาน

6.หากบ้านพักอาศัยของคุณไม่ได้อยู่ในที่น้ำท่วมถึง แต่อาจมีน้ำท่วมในห้องใต้ดิน

- ปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องใต้ดิน

- ปิดแก๊สหากคาดว่าน้ำจะท่วมเตาแก๊ส

- เคลื่อนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นข้างบน

- ห้ามอยู่ในห้องใต้ดิน เมื่อมีน้ำท่วมถึงบ้าน


น้ำท่วมฉับพลันคือ น้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากในบริเวณที่ลุ่มต่ำ ในแม่น้ำ ลำธารหรือร่องน้ำที่เกิดจากฝนที่ตกหนักมากติดต่อกันหรือจากพายุฝนที่เกิดซ้ำหลายครั้ง น้ำป่าอาจเกิดจากที่สิ่งปลูกสร้างโดยมนุษย์ เช่น เขื่อนหรือฝายพังทลาย

- ถ้าได้ยินการเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลันให้วิ่งไปบนที่สูงทันที

- ออกจากรถและที่อยู่ คิดอย่างเดียวว่าต้องหนี

- อย่าพยายามขับรถหรือวิ่งย้อนกลับไปทางที่ถูกน้ำท่วม


ปลอดภัยไว้ก่อนเมื่ออยู่นอกบ้าน

- ห้ามเดินตามเส้นทางที่น้ำไหล

มีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตจากจมน้ำตายในขณะที่น้ำกำลังมา ความสูงของน้ำแค่ 15 ซ.ม. ก็ทำให้เสียหลักล้มได้ ดังนั้น ถ้ามีความจำเป็นต้องเดินผ่านที่น้ำไหลให้ลองนำไม้จุ่มเพื่อวัดระดับน้ำก่อนทุกครั้ง

- ห้ามขับรถในพื้นที่ที่กำลังโดนน้ำท่วม

การขับรถในพื้นที่ที่น้ำท่วมมีความเสี่ยงสูงมากที่จะจมน้ำ หากเห็นป้ายเตือนตามเส้นทางต่างๆ ห้ามขับรถเข้าไปเพราะอาจมีอันตรายข้างหน้า น้ำสูง 50 ซ.ม. พัดรถยนต์ จักรยานยนต์ให้ลอยได้

- ห้ามเข้าใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟ

กระแสไฟฟ้าสามารถวิ่งผ่านได้ เมื่อเกิดน้ำท่วมแต่ละครั้งจะมีผู้เสียชีวิต เนื่องจากไฟดูดมากกว่าสาเหตุอื่นๆ เมื่อเห็นสายไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุดเสียหายกรุณาแจ้ง 191 หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


หลังน้ำท่วมผ่านพ้น

3 ขั้นตอนที่ควรทำในวันแรกๆ หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วม

ขั้นตอนที่ 1 : เอาใจใส่ตัวเอง

หลังผ่านเหตุการณ์น้ำท่วม คุณและครอบ ครัวอาจเกิดความซึมเศร้า และต้องใช้เวลากลับสู่ภาวะปกติ อย่าลืมว่าเหตุการณ์น้ำท่วมนั้นอาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหาย คุณต้องดูแลตัวเองและครอบครัว พร้อมกับการบูรณะบ้านให้กลับมาเหมือนเดิม อุปสรรคที่สำคัญคือ ความเครียด รวมทั้งปัญหาอื่น เช่น นอนหลับยาก ฝันร้ายและปัญหาทางกาย โรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งคุณและครอบครัวควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

1.ให้เวลากับครอบครัวเพราะความอบอุ่นในครอบครัวอาจช่วยเยียวยารักษาได้ดี

2.พูดคุยปัญหากับเพื่อนและครอบครัว ร่วมแบ่งปันความกังวลจะช่วยให้ได้ระบายและผ่อนคลายความเครียด

3.พักผ่อนและกินอาหารที่เป็นประโยชน์ เพราะมีปัญหาทั้งความเครียดและทางกายเพิ่มขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนแอ

4.จัดลำดับสิ่งที่จำเป็น ต้องทำตามลำดับก่อนหลังและค่อยๆทำ

5.ขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์เมื่อเกิดอาการซึมเศร้าจนที่จะรับมือได้

6.ดูแลเด็กๆให้ดี และโปรดเข้าใจเด็กมีความตื่นกลัวไม่แพ้กัน และอย่าตำหนิเด็กที่มีพฤติกรรมแปลกๆหลังจากน้ำท่วม เช่น ฉี่รดที่นอน ดูดนิ้วโป้งหรือเกาะคุณอยู่ตลอดเวลา จำไว้ว่าเด็กเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่รุนแรงในชีวิต

7.ระวังเรื่องสุขอนามัย เมื่ออยู่ในพื้นที่เคยน้ำท่วม


ขั้นตอนที่ 2 : การจัดการดูแลบ้านของคุณ

ที่ผ่านมามีผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตเนื่องจากน้ำท่วม ส่วนใหญ่เกิดจากถูกไฟดูด หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากน้ำลด สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อกลับบ้านคือ การตรวจสอบความปลอดภัย ก่อนเข้าบูรณะและอยู่อาศัย โดยมีขั้นตอนดังนี้

1.ปรับจูนคลื่นวิทยุโทรทัศน์ ฟังรายงานสถานการณ์

2.ติดต่อบริษัทประกันภัย เพื่อตรวจสอบความเสียหาย และซ่อมแซมทรัพย์สินต่างๆ

3.เดินตรวจตรารอบๆบ้าน และเช็กสายไฟฟ้า สายถังแก๊ส ถ้าหากเกิดแก๊สรั่วจะสามารถรู้ได้จากกลิ่นแก๊สให้ระวังและรีบโทร.แจ้งร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่าย

4.ตรวจสอบความเสียหายของโครงสร้าง ตัวบ้าน ระเบียง หลังคา ให้แน่ใจว่าโครงสร้างทุกอย่างปลอดภัย

5.ตัดระบบไฟฟ้าที่จ่ายเข้าบ้าน

6.ปิดวาล์วแก๊สให้สนิท หากได้กลิ่นแก๊สรั่วไม่ควรเข้าใกล้บริเวณนั้น

7.เข้าไปในบ้านอย่างระมัดระวัง และอย่าใช้วัสดุที่ทำให้เกิดประกายไฟ

8.ถ่ายรูปความเสียหาย เพื่อเรียกร้องค่าชดเชยจากประกัน (ถ้ามี)

9.เก็บกู้สิ่งของที่มีค่า และห่อหุ้มรูปภาพหรือเอกสารสำคัญ

10.เก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน เปิดหน้าต่างและประตู เพื่อระบายอากาศ และตรวจสอบความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานของสิ่งก่อสร้างต่างๆ

11.ซ่อมแซมโครงสร้างที่เสียหาย

12.เก็บกวาดกิ่งไม้ หรือสิ่งปฏิกูลในบ้าน

13.ตรวจหารอยแตกหรือรั่วของท่อน้ำ ถ้าพบให้ปิดวาล์วตรงมิเตอร์น้ำ ไม่ควรดื่มและประกอบอาหารด้วยน้ำจากก๊อกน้ำ จนกว่าจะรู้ว่าสะอาดและปลอดภัย

14.ระบายน้ำออกจากห้องใต้ดินอย่างช้าๆ เนื่องจากแรงดันน้ำภายนอกอาจจะมากจนทำให้เกิดรอยแตกของผนังหรือพื้นห้องใต้ดิน

15.กำจัดตะกอนที่มาจากน้ำ เนื่องจากเชื้อโรคส่วนมากมักจะมาจากตะกอน


การรับมือเหตุน้ำท่วมครั้งต่อไป

1.คาดคะเนความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับทรัพย์สินของคุณเมื่อเกิดน้ำท่วม

2.ทำความคุ้นเคยกับระบบการเตือนภัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขั้นตอนการอพยพ

3.เรียนรู้เส้นทางการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด จากบ้านไปยังที่สูงหรือพื้นที่ปลอดภัย

4.เตรียมเครื่องมือรับวิทยุแบบพกพา อุปกรณ์ทำอาหารฉุกเฉินแหล่งอาหารและไฟฉาย รวมทั้งแบตเตอรี่สำรอง

5.ผู้คนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงต่อภัยน้ำท่วม ควรจะเตรียมวัสดุ เช่น กระสอบทราย แผ่นพลาสติก ไม้แผ่น ตะปู กาวซิลิโคน เพื่อใช้ป้องกันบ้านเรือน และควรทราบแหล่งวัตถุที่จะนำมาใช้

6.นำรถยนต์และพาหนะไปเก็บไว้ในพื้นที่ ซึ่งน้ำท่วมไม่ถึง

7.ปรึกษาและทำข้อตกลงกับบริษัทประกันภัย เกี่ยวกับการประกันความเสียหาย

8.บันทึกหมายเลขโทรศัพท์สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินและเก็บไว้ตามที่จำง่าย

9.รวบรวมของใช้จำเป็นและเสบียงอาหารที่ต้องการใช้ ภายหลังน้ำท่วมไว้ในที่ปลอดภัยและสูงกว่าระดับที่คาดว่าน้ำจะท่วมถึง

10.ทำบันทึกรายการทรัพย์สินมีค่าทั้งหมด ถ่ายรูปหรือวิดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐาน

11.เก็บบันทึกรายการทรัพย์สิน เอกสารสำคัญและของมีค่าอื่นๆ ในสถานที่ปลอดภัยห่างจากบ้านหรือห่างไกลจากที่น้ำท่วมถึง เช่น ตู้เซฟที่ธนาคาร หรือไปรษณีย์

12.ทำแผนการรับมือน้ำท่วม และถ่ายเอกสารเก็บไว้เป็นหลักฐานที่สังเกตได้ง่าย และติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วมที่เหมาะสมกับบ้านของคุณ

13.ถ้าคุณคือพ่อแม่ ซักซ้อมและให้ข้อมูลแก่บุตรหลานของคุณ ขณะเกิดน้ำท่วม เช่น ไม่สัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้า ปลั๊กไฟ หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำและอยู่ใกล้เส้นทางน้ำ




จาก .......................... ข่าวสด วันที่ 25 ตุลาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 25-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


น้ำที่ท่วม-ส้วมฉุกเฉิน 'ต้องรู้หลักใช้' มีภัยเชื้อโรคต้องกลัว!



สถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในไทยในยามนี้ นอกจากจะทำให้คนไทยจำนวนมากมายต้องเดือดร้อนในเรื่องการอยู่อาศัย อาหารการกิน การประกอบอาชีพ การเดินทางสัญจร หลายพื้นที่เรื่องการขาด ’น้ำใช้“ และการมีปัญหาเรื่องสุขา หรือ ’ส้วม“ ก็เป็นทุกข์เช่นกัน ซึ่งแม้รายรอบจะมีแต่ ’น้ำที่ท่วม“อยู่ และแม้จะได้รับแจก ’ส้วมฉุกเฉิน-ส้วมชั่วคราว“ แต่ก็ ’ใช่ว่าจะสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย“

’ภัยเชื้อโรค“ จาก 2 เรื่องนี้...ก็ ’ควรต้องกลัว!!“

ทั้งนี้ กับ 2 เรื่องดังกล่าวนี้ ทางกลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงความห่วงใย พร้อมมีคำแนะนำที่น่าพิจารณา กล่าวคือ... ในภาวะอุทกภัยที่เกิดขึ้น การประยุกต์ใช้กรรมวิธีอย่างง่ายใน การผลิตน้ำสะอาดที่สามารถนำมาอุปโภคหรือเป็นน้ำใช้ (ไม่รวมถึงการเป็นน้ำดื่ม) ได้อย่างปลอดภัย นับว่ามีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งการผลิตน้ำสะอาดสำหรับเป็นน้ำใช้ด้วยตนเองนั้น อุปกรณ์ที่จำเป็นประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่
1. โอ่ง ถังพลาสติก หรือภาชนะรองรับน้ำ จำนวน 2 ใบ
2. สารส้มก้อน
3. สารฆ่าเชื้อโรคคลอรีนชนิดน้ำ 2% (หยดทิพย์)

ขั้นตอนการผลิตน้ำใช้เอง มี 4 ขั้นตอนคือ

1. เตรียมน้ำลงในภาชนะรองรับน้ำใบที่ 1 โดยเลือกใช้น้ำจากแหล่งน้ำในบริเวณที่ห่างจากแหล่งสุขาหรือโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ตักใบไม้ เศษไม้ หรือเศษสิ่งอื่นๆ ที่อาจลอยอยู่บนผิวน้ำออก

2. แกว่งสารส้มในน้ำ แกว่งที่ความลึกประมาณ 2/3 ส่วนของความลึกน้ำจากผิวน้ำ แกว่งสารส้มจนสังเกตเห็นตะกอนเริ่มจับตัว ซึ่งอาจใช้เวลามากน้อยต่างกันไปตามปริมาตรและลักษณะน้ำ

3. หลังจากขั้นตอนการแกว่งสารส้ม จะต้องทิ้งน้ำไว้จนกระทั่งตะกอนตกลงสู่ก้นภาชนะ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาที หรืออาจตั้งทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นจึงตักหรือถ่ายน้ำส่วนที่ใสเข้าสู่ภาชนะบรรจุใบที่ 2 โดยน้ำที่ผ่านขั้นตอนนี้จะมีลักษณะใส แต่ก็ยังไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อโรค

4. เติมสารฆ่าเชื้อโรคคลอรีนชนิดน้ำ 2% (หยดทิพย์) ลงในภาชนะรองรับน้ำใบที่ 2 ซึ่งควรจะรู้ปริมาตรน้ำโดยคร่าวๆ แล้วจึงเติมสารในปริมาณ 1 หยด ต่อน้ำ 1 ลิตร กวนผสมและปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้สารฆ่าเชื้อโรคออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อผ่าน 4 ขั้นตอนแล้ว ก็จะได้น้ำที่ปลอดภัยเพื่อการเป็น ’น้ำใช้“ แต่อาจจะยังไม่เหมาะสมต่อการบริโภค เนื่องจากเป็นน้ำที่ผ่านการผลิตขึ้นเอง อาจไม่มีการควบคุมคุณภาพที่ดีเพียงพอ

และก็มีคำเตือนเกี่ยวกับสารฆ่าเชื้อโรคคลอรีนชนิดน้ำ 2% (หยดทิพย์) ด้วยว่า สารนี้ต้องเก็บรักษาในที่มืด ที่สำคัญต้องเก็บให้พ้นมือเด็ก ห้ามรับประทานโดยตรง อย่าให้สารเข้าตาและสัมผัสผิวหนัง ถ้าสารถูกมือให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาด ถ้าสารเข้าตาต้องรีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง แล้วรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

อีกเรื่องคือ การใช้ส้วมฉุกเฉิน-ส้วมชั่วคราวให้ปลอดภัย ซึ่งทางกลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะนำไว้สรุปได้ว่า... การใช้จำเป็นต้องพึงระวังถึงการแพร่กระจายของเชื้อโรค เช่น อหิวาตกโรค ที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ซ้ำซ้อนขึ้นอีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งการป้องกันมีวิธีปฏิบัติอย่างง่ายคือการเติมสารเคมีลงไปในส้วมชั่วคราว โดยเฉพาะ “ส้วมถุงดำ” เพื่อช่วยในการฆ่าเชื้อโรค และลดการแพร่กระจาย รวมถึงการสะสมตัวของเชื้อโรคในบริเวณน้ำท่วมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

การ ’ฆ่าเชื้อโรคสำหรับส้วมชั่วคราวแบบที่ใช้ถุงดำ“ ให้ ’เติมปูนขาว“ เพื่อปรับสภาพให้เป็นด่าง ซึ่งจุลินทรีย์ก่อโรคจะถูกกำจัดไปเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต

ปริมาณการเติมปูนขาวเพื่อฆ่าเชื้อโรค คร่าวๆคือ เติมปูนขาว 300 กรัม (1 ถ้วย) ต่อปริมาตรของเสียประมาณ 10 ลิตร หรือประมาณ 0.3 ลิตร ต่อปริมาตรของเสียประมาณ 10 ลิตร ดังนั้น การขับถ่ายใส่ถุงดำควรต้องเผื่อปริมาตรไว้สำหรับการเติมปูนขาวด้วย ในกรณีที่เลือกใช้ถุงดำขนาด 20 ลิตร ควรใส่ปูนขาวประมาณ 300 กรัม ซึ่งน่าจะใช้งานได้ประมาณ 5-10 ครั้ง (อาจใช้ได้ถึง 15 ครั้ง กรณีถ่ายหนักอย่างเดียว)

รูปแบบการเติมปูนขาวทำได้ 3 แบบ คือ
1. แบ่งเติมทุกครั้งที่ขับถ่าย ประมาณ 15 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ) ต่อการขับถ่าย 1 ครั้ง ไม่ว่าจะอุจจาระหรือปัสสาวะ
2. เติมตอนเริ่มต้นใช้ครึ่งหนึ่ง (150 กรัม) หลังจากใช้งานเสร็จอีกครึ่งหนึ่ง (150 กรัม)
3. เติมตอนเริ่มต้นใช้ครั้งเดียว (300 กรัม) โดยรูปแบบที่ 1 จะดีที่สุด ซึ่ง ควรใช้ถุงดำ 2 ชั้นเพื่อความแข็งแรง และใช้งานแล้วต้องมัดให้ดีเพื่อป้องกันการปนเปื้อนและง่ายต่อการนำไปกำจัด ส่วนการเติมอีเอ็ม (EM) ในการใช้ส้วมถุงดำ ช่วยเรื่องการย่อยสลายสูงในเวลาสั้นๆ แต่ไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคโดยตรง

ทั้งนี้ คำแนะนำ 2 เรื่องนี้ นับว่ามีประโยชน์มาก ทั้งกับผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วม แล้วมีปัญหาขาดน้ำใช้-ขาดส้วมแบบปกติ และกับฝ่ายที่จะไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในการเตรียมปัจจัยเพื่อการนี้ คือเตรียม “สารส้มก้อน-สารฆ่าเชื้อโรคคลอรีนชนิดน้ำ 2% (หยดทิพย์)” และ “ปูนขาว” ไปให้ผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมด้วย

’เชื้อโรค“ อาจจะมากับน้ำที่ท่วม-เกิดในส้วมฉุกเฉิน

ไม่กลัว-ไม่ป้องกัน ’ภัยซ้อนภัย“ อาจเกิดขึ้นได้!!!!!.




จาก .......................... เดลินิวส์ วันที่ 25 ตุลาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 25-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ไอเดียญี่ปุ่น "กระสอบน้ำเจล" ใช้แทนกระสอบทราย น้ำหนักเบา อายุใช้งาน 3 ปี



วันที่ 24 ต.ค.ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ดร.ณพงศ์ นพเกตุ ที่ปรึกษาสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) เดินทางมาเสนอเทคโนโลยีใหม่ในการป้องกันน้ำท่วมต่อ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้แก่ กระสอบพองน้ำ (Hydro Bag) ที่จะนำมาใช้ในการป้องกันน้ำแทนกระสอบทราย โดย น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ดร.ณพงศ์เป็นอดีตนักเรียนทุนญี่ปุ่นเห็นว่ากระสอบพองน้ำที่ญี่ปุ่นใช้ป้องกันน้ำท่วมนั้นน่าจะมีประโยชน์และประสิทธิภาพในการเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับประเทศไทย

กระสอบดังกล่าวในเวลาปกติจะคล้ายถุงผ้าหรือกระสิอบทั่วไป มีน้ำหนักเบาและพกพาสะดวก แต่เมื่อนำไปแช่น้ำเจลในกระสอบจะอมน้ำ ทำให้พองตัวมีคุณสมบัติคล้ายกระสอบทราย มีน้ำหนักและขนาดป้องกันน้ำได้ ซึ่งในญี่ปุ่นกระสอบพองน้ำนี้จะมีราคา 450 เยนหรือประมาณ 182 บาท แต่หากรัฐบาลไทยติดต่อขอเทคโนโลยีดังกล่าวจากรัฐบาลญี่ปุ่น ก็จะทำกระสอบพองน้ำได้ในราคาที่ถูกกว่า หรือหากเอกชนรายใดสนใจจะซื้อมาบริจาคก็สามารถทำได้

นอ.อนุดิษฐ์กล่าวอีกว่า หากเปรียบเทียบในเรื่องของราคา แม้จะสูงกว่าทราย แต่ก็สามารถนำกลับมาใช้ได้ถึง 3 ครั้ง มีอายุใช้งานถึง 3 ปี อีกทั้งสารที่ใช้ก็ไม่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติ เมื่อเลิกใช้ก็จะมีสารที่ทำให้กระสอบน้ำยุบตัวลงเหมือนเดิม จึงน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งแม้น้ำท่วมครั้งนี้จะนำมาใช้ไม่ทัน แต่ในอนาคตก็น่าจะมีประโยชน์อย่างมาก




จาก .......................... ข่าวสด วันที่ 25 ตุลาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 25-10-2011
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default


ใช้ “ถุงยางอนามัย” ช่วยกันน้ำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์


ใช้ถุงยางอนามัยช่วยกันน้ำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (ภาพทั้งหมดจาก DIY Photography)

นอกจากรถยนต์ที่คนเมืองเป็นห่วงว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้ว มือถือ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นอีกปัจจัยที่หลายคนเป็นห่วงจะเสียหายจากการเปียกน้ำ หากไม่กระอักกระอวนใจกันจนเกินไป อุปกรณ์ใกล้ตัวอย่าง “ถุงยางอนามัย” ช่วยคลายกังวลเรื่องนี้ได้ ด้วยคุณสมบัติของถุงยางที่มีความยืดหยุ่นและกันน้ำได้อย่างดี

ในเว็บไซต์ DIY Photography ได้นำวิธีกันน้ำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีง่ายๆ โดยใช้ถุงยางอนามัยเป็นวัสดุหุ้ม ซึ่ง แซม โนยัน (Sam Noyoun) สมาชิกเว็บไซต์ผู้แนะนำเคล็ดลับดีๆนี้ ควรใช้ถุงยางอนามัยแบบไม่มีสารหล่อลื่น แต่ในกรณีที่หาไม่ได้ก็ใช้ถุงยางอนามัยที่มีขายอยู่ทั่วไป แล้วนำมาล้างน้ำเอาผงแป้งหรือสารหล่อลื่นออก เพียงแต่เมื่อใช้น้ำล้างแล้วจะทำให้คลี่ถุงยางได้ลำบาก

เมื่อสวมถุงยางอนามัยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว ให้ผูกปมและทากาวปิดรอยรั่ว โดยในกรณีของกล้องดิจิตัลนั้น ให้ใช้แกนกระดาษทิชชู หรืออุปกรณ์ที่สามารถครอบเลนส์ เพื่อปกป้องกลไกในการซูมเลนส์ และเพิ่มความมั่นใจด้วยซองกันชื้นที่หาได้ทั่วไป


หาอุปกรณ์มาครอบป้องกันเลนส์และกลไกซูม



ผูกปมและทากาวปิดรอยรั่ว



ได้อุปกรณ์กันน้ำ




จาก ....................... ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 24 ตุลาคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:24


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger