![]() |
|
|||||||
![]() |
|
|
Share | คำสั่งเพิ่มเติม | เรียบเรียงคำตอบ |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
พระธาตุบังพวน เป็นพระธาตุเจดีย์ที่เก่าแก่และสำคัญยิ่งของจังหวัดหนองคาย และเป็นพระธาตุที่สำคัญองค์หนึ่งของภาคอีสาน ประดิษฐานอยู่ ณ บ้านพระธาตุบังพวน ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ![]() ตามตำนานอุรังคธาตุกล่าวว่า พระยาสุวรรณภิงคาร เจ้าเมืองหนองหาน สกลนคร พระยาคำแดง เจ้าเมืองหนองหารน้อย อุดรธานี พระยาจุลณี พรหมทัต เจ้าเมืองจุลณี (ลาวเหนือ) พระยาอินทปัตนคร เจ้าเมืองอินทปัตนนนคร (เขมร) และ พระยานันทเสน เจ้าเมืองศรีโคตรบูรณ์หลวง (ตรงข้ามนครพนม) ได้ร่วมกันอุปถัมภ์ พระมหากัสสเถระ พร้อมด้วยพระอรหันต์ อีก 500 องค์ ทำการก่อสร้างพระธาตุพนม แล้วเสร็จ และได้บรรลุพระอรหันต์ด้วยกันทั้งหมด ![]() ต่อมาได้เดินทางไปสู่แดนพุทธภูมิ เพื่อไปอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า 45 พระองค์ นำมาประดิษฐานไว้ ณ สถานที่ 4 แห่งคือ บริเวณเมืองหนองคาย และเมืองเวียงจันทน์ หนึ่งในสี่แห่งนั้น คือพระธาตุบังพวน ซึ่งได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ มาพักที่ร่มไม้ปาแป้ง (ไม้โพธิ) ณ ภูเขาหลวง อันเป็นที่ตั้งพระเจดีย์ พระธาตุบังพวนปัจจุบัน ![]() จากการสำรวจทางโบราณคดีพบว่า พระธาตุบังพวนได้มีการก่อสร้างสืบเนื่องกันมาสามสมัย คือ ฐานเดิมสร้างด้วยศิลาแลง ชั้นที่สองสร้างด้วยอิฐครอบชั้นแรก และต่อมาได้มีการก่อสร้างให้มีขนาดสูงใหญ่ขึ้น จากจารึกที่ฐานพระพุทธรูปที่ขุดได้ 4 องค์ ในจำนวนทั้งหมด 6 องค์ ระบุศักราชที่สร้างไว้ ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2118 พ.ศ. 2150 พ.ศ. 2158 และ พ.ศ. 2167 และข้อความในจารึกเมื่อ พ.ศ. 2167 มีประวัติในการสร้าง โดยได้กล่าวถึงพระเจ้าโพธิสาลราช ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง มีราชธานีอยู่ที่นครเชียงทอง ซึ่งก็ตรงกับรูปแบบการก่อสร้างโบราณสถาน ในบริเวณวัดพระธาตุบังพวน ที่แสดงถึงอิทธิพลของอาณาจักรล้านช้าง ![]() พระธาตุบังพวน ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรล้านช้าง และ ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ในสมัยต่อมา แต่ไม่ต่อเนื่องนัก ในระยะหลังจึงทรุดโทรมมาก และได้พังทะลายลงมา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2513 กรมศิลปากรจึงได้ดำเนินการบูรณขึ้นใหม่ โดยก่อคอนกรีตเสริมฐานเดิม ซึ่งที่ฐานล่างเป็นศิลาแลง ต่อมาเป็นฐานทักษิณ 3 ชั้น บัวคว่ำ 2 ชั้น ต่อด้วยปรางค์สี่เหลี่ยมบัวปากระฆัง บัวสายรัด 3 ชั้น รับดวงปลีบัวตูม แล้วตั้งฉัตร 5 ชั้น ฐานล่างรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละประมาณสิบเจ็ดเมตร สูงถึงยอดฉัตรประมาณสามสิบสี่เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้ง สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธาน และร่วมยกฉัตรสู่ยอดพระธาตุบังพวน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 ขอบคุณข้อมูลจาก...http://www1.mod.go.th/heritage/religion/pratat/bung.htm
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 11:39 |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ซากโบราณสถานที่อยู่ภายในบริเวณวัด ซึ่งกล่าวกันว่า เป็นซาก "สัตตสถาน" ที่ยังมีครบถ้วนทั้งเจ็ดองค์ และมีแผนที่ตั้งเหมือนกันกับที่พุทธคยา....
![]() ![]() ![]() ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 26-06-2012 เมื่อ 00:23 |
|
#3
|
||||
|
||||
![]() โบสถ์ใหม่ยังสร้างไม่เสร็จ...พระพุทธรูป จึงอยู่บริเวณซากโบสถ์เดิม มีหลังคามุงกันแดดกันฝนไว้..มีศาสนิกชนครอบครัวหนึ่ง นั่งสนทนาธรรมกับพระสงฆ์อยู่นาน ไม่มีท่าทีจะลากลับ... ![]() พระพุทธรูป..รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม และเทพเจ้าจีน ที่แตกหักเสียหาย ถูกนำมาวางไว้... ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 11:46 |
|
#4
|
||||
|
||||
|
เราจากวัดพระธาตุบังพวนมา เมื่อใกล้ยามย่ำสนธยาเต็มทีแล้ว...วันนี้ นับเป็นวันที่สุขใจวันหนึ่งของเราค่ะ.. ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 26-06-2012 เมื่อ 00:24 |
|
#5
|
||||
|
||||
|
ออกจากวัดพระธาตุบังพวน..น้องดื้อก็โทรมาบอกว่า จองเรือล่องแม่น้ำโขงให้แล้ว แต่ไม่ทานข้าวเย็นบนเรือ เพราะอาหารไม่อร่อยเลย เรารีบบึงรถไปที่ท่าเรือ แต่กว่าจะถึงก็ช้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง..โชคดีที่เรือยังจอดคอยที่เรือนแพซึ่งเป็นร้านอาหาร อย่างไรก็ตาม พอลงเรือได้ พนักงานเรือก็พยายามคะยั้นคะยอ ให้เรารับประทานอาหารเย็นในเรือนแพ หลังจากเรือที่พาล่องแม่น้ำโขงเข้าเทียบท่า ซึ่งเราก็ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่เมฆฝนที่มืดครึ้มทะมึนเต็มท้องฟ้านั้น ทำให้สลัวมัวซัว เห็นเพียงแสงจางๆ ทางฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองเวียงจันทร์ หรือเวียนเทียน ของลาว... ![]() เมฆท้องแก่ซะขนาดนี้ แถมยังมีลมพัดมาฉิวๆ....แล้วนี่ฝนจะตกไหมหนอ... ![]() ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 26-06-2012 เมื่อ 00:24 |
|
#6
|
||||
|
||||
|
ท้องฟ้าครึ้มๆ...ไม่ทำให้เราสะทกสะท้าน เรานั่งเรือชมวิวเมืองหนองคายและเมืองเวียงจันทน์กันต่อไป อย่างไม่สะทกสะท้าน.. ![]() จู่ๆเมฆฝนก็ถูกลมพัดไปทางเหนือซะไกล เรือแล่นต้านน้ำล่องใต้ไปจนถึงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว...แล้วก็วนกลับมา ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็กลับมาถึงแพริมน้ำใหม่ ![]() น้องดื้อบอกว่า จริงๆเรือควรจะวิ่งเลยไปถึงพระธาตุกลางน้ำ แล้วค่อยวนกลับมาที่แพ เข้าใจว่าเป็นเพราะเราทำให้เรือออกช้า ก็เลยทำให้กัปตันแก้เผ็ด ด้วยการไม่ยอมล่องเรือต่อ เราก็เลยแก้เผ็ดบ้าง...โดยเดินลงจากเรือได้ ก็เดินดิ่งขึ้นฝั่ง ไปหาอาหารอร่อยๆบนฝั่งทานแทน เสียดายค่ะ อาหารอร่อยมาก และเราก็หิวมาก จึงทานอาหารเพลินซะจนลืมถ่ายภาพ... ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 26-06-2012 เมื่อ 00:26 |
|
#7
|
||||
|
||||
|
อิ่มหนำสำราญจากอาหารเย็นแล้ว...ที่นี้ก็ถึงราบการของหวาน ที่น้องดื้อติดไว้ตั้งแต่มื้อเที่ยง "เต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋" ร้านขนมเด็ดของน้องดื้อ อยู่หน้า โรงเรียนจีน ฮั่วเคียวกงฮัก ถนนประจักษ์ศิลปาคม ที่ทั้งถนนในยามค่ำคืนสว่างไสวด้วยไฟ จากร้านอาหารมากมายหลากหลายชนิด ที่วางขายยาวเหยียด.. ![]() ขนมเด็ดไม่ใช่มีแต่เต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋ แต่มี บัวลอยไข่หวาน รสเลิศด้วยค่ะ... ![]() รักพี่เสียดายน้อง...ว่าแล้วก็สั่งทั้งสองอย่างเลยค่ะ เต้าส่วนใส่ปาท่องโก๋ ![]() บัวลอยไข่หวาน...จริงๆเขาขายบัวลอยไข่เค็มด้วย แต่ไม่กล้าลองค่ะ... กว่าจะได้ถ่ายภาพ...บัวลอยเหลือติดก้นถ้วยซะแล้ว... ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 11:49 |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|