เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 28-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default




มองไปด้านหนึ่ง เห็นปูนปั้นเป็นรูปควายสีดำ ไม่ใช่ควายเงินอย่างชื่อวัด...





จากหลักฐานที่บันทึกประวัติความเป็นมาของวัด ได้ระบุไว้ว่าวัดพระพุทธบาทภูควายเงินสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2300 เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 400 เมตร มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า….


ในอดีตวัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง แต่มักจะมีพระธุดงค์เดินทางมากปักกลดบำเพ็ญเพียรอยู่เสมอ ในบริเวณวัด มีรอยพระพุทธบาทปรากฏอยู่ภายใต้ซุ้มอิฐใหญ่ ขนาดพอที่คนจะเข้าไปนั่งได้ 2 คนซึ่งในภาษาถิ่นจะเรียกสิ่งปลูกสร้างในลักษณะนี้ว่า “อุบมุง” ซึ่งต่อมา ได้กลายเป็นชื่อหมู่บ้านทางทิศตะวันออกของวัดคือ บ้านอุมุง




ที่หมู่บ้านอุมุงแห่งนี้ มีชาวนาผู้หนึ่งที่มักพาควายขึ้นมาหาหญ้ากินบนภูเขาบริเวณวัด และเมื่อมีพระธุดงค์ผ่านมา ชาวนาผู้นี้ก็จะนำเอาอาหาร มาถวายแก่พระธุดงค์เป็นประจำ ซึ่งอานิสงส์แห่งการถวายทานนี้เอง ทำให้ชาวนาทำนาขายข้าวได้เงินมากทุกปี จนร่ำรวยถึงขั้นเศรษฐี และด้วยสำนึกในบุญคุณของควาย ที่ช่วยไถนาปลูกข้าวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชาวนาจึงเรียกควายตัวนี้ว่า “ควายเงิน” วัดแห่งนี้จึงตั้งชื่อว่า “วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน” ตามเรื่องเล่านี้เอง


ในวันที่เราเดินทางไปถึง...กำลังมีการก่อสร้างมณฑป ครอบพระพุทธบาทอยู่ เราจึงไม่สามารถเข้าไปกราบตัวพระพุทธบาท และถ่ายภาพได้

__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 13:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 28-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default




ตามประวัติที่เล่าสืบต่อกันมา สรุปได้ว่าวัดพระพุทธบาทภูควายเงินสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2300 เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 400 เมตร ถือเป็นโบราณสถานเก่าแก่ทางพระพุทธศาสนาสำคัญ ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมานาน โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478


ในอดีตแต่เก่าก่อนเชื่อกันว่า ใครก็ตามที่จะมาถึงวัดพระพุทธบาทภูควายเงินได้ ต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาจริงๆเท่านั้น ส่วนคนที่มีบุญหรือมีวาสนาไม่ถึงก็จะมีเหตุและอุปสรรค์ต่างๆ หรือไม่ก็หลงทาง ทำให้มาไม่ได้ทั้งที่ตั้งใจไว้ เหตุเพราะทางไปและทางขึ้นลงเขา ลำบากมาก หาความสดวกสบายไม่ได้ ผิดกับสมัยนี้ ที่การเดินทางสะดวกสบาย ใครใคร่ขึ้นไปไหว้ก็ได้





ส่วนกระต่ายใหญ่น้อยที่เห็นอยู่นั้น ได้ยินมาว่าเป็นกระต่ายป่า ที่เข้ามาอาศัยอยู่อย่างมีความสุข บริเวณรอบๆวัด (ในขณะที่วัดอื่นมีให้เห็นแต่หมากับแมว)










__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 29-05-2012 เมื่อ 06:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 28-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



ทุกปีในวันขึ้น15 ค่ำ เดือน 3 ทางวัดจะจัดงานสมโภชประจำปี ถือเป็นงานสำคัญของชาวบ้านในแถบนี้...


กุฏิพระสงฆ์ ที่แสดงถึงความสมถะอย่างแท้จริง...





วิวทิวทัศน์ที่พอจะมองผ่านแมกไม้ ที่ขึ้นอยู่หนาแน่นบนยอดเขา งามใช้ได้ทีเดียวค่ะ...หมู่บ้านที่เห็นนั้น เข้าใจว่าจะเป็นหมู่บ้านอุมง ที่มีเรื่องเล่าขานในตำนาน



__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 29-05-2012 เมื่อ 06:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 28-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



แก่งคุดคู้


ออกจากทางเข้าวัดพระพุทธบาทภูควายเงิน เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 211 ตามเส้นทางมุ่งหน้าไปเชียงคาน แต่เราจะยังไม่เข้าเชียงคานกันหรอกค่ะ เพราะยังเพิ่งบ่ายคล้อยเท่านั้นเอง...


วิ่งออกมาได้ราว 3 กิโลเมตร...ขวามือมีทางแยกบอกว่าทางไป "แก่งคุดคู้" แวะเข้าไปชมกันซะหน่อย เพราะเป็นจุดท่องเที่ยวชื่อดังของที่นี่ค่ะ วิ่งทื่อๆตรงไปตามทางที่บอก ไม่นานก็เจอลานจอดรถของแก่งคุดคู้ สัญลักษณ์คือเสาหลักกิโลเมตรอันใหญ่ สูงท่วมหัว ด้านหลังเป็นบันไดสูงชัน ใช้เดินลงสู่แม่น้ำโขง ที่แห้งจนเห็นสันทรายโผล่ขึ้นมา ทิวเขายาวเขียวขจีที่ฝั่งลาว ทำให้ทิวทัศน์ของที่นี่ดูสวยขึ้นมากค่ะ..





ด้านหน้า เขียนไว้ว่า "แก่งคุดคู้ กม. 0"...ด้านใต้ ของเสาเขียนบอกระยะทางไว้ว่า "ปากชม 44 หนองคาย 185" ส่วน ด้านเหนือ บอกไว้ว่า "ท่าลี่ 55 หลวงพระบาง 425"....






ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยนะคะ...


__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 13:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 28-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



เขาบอกว่า หากใครมาเที่ยวเชียงคาน ถ้าไม่ได้ไปเยือนแก่งคุดคู้ ก็ถือว่าไปไม่ถึงเชียงคาน ความสวยงามของแก่งคุดคู้ เกิดจากการทอดตัวของแนวหิน ที่อยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน ทำให้หินเหล่านี้มีสีสันสวยงาม





ตัวแก่งกว้างใหญ่เกือบจรดสองฝั่งแม่น้ำโขง มีกระแสน้ำไหลผ่านช่องแคบ ๆ ใกล้ฝั่งไทยเท่านั้นเอง กระแสน้ำจึงเชี่ยวกราก เวลาที่เหมาะจะชมแก่งคุดคู้ที่สุดคือ เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาที่น้ำแห้ง มองเห็นเกาะแก่งได้ชัดเจน


แต่ตอนที่เราไปนั้น เป็นช่วงกลางเดือนธันวาคม จึงเห็นความงามของแก่งคุดคู้ได้เท่านี้เองค่ะ มีเรือรับจ้างพานักท่องเที่ยวล่องลำน้ำโขง จอดคอยอยู่ที่ชายน้ำ









สะพานขึ้นลงบริเวณแก่งคุดคู้ สูงชันเสียจนสายชลได้แต่มองไม่กล้าเดินลงไป เพราะเกรงว่าจะปีนขึ้นไม่ไหว...


__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 29-05-2012 เมื่อ 06:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 28-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default

มีนิทานพื้นบ้านที่เล่าสืบทอดกันมาถึงแก่งคุดคู้อยู่เรื่องหนึ่งว่า...

มีพรานป่าคนหนึ่งชื่อ ตาจึ่งขึ่งดั้งแดง ผู้ซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ จมูกบานโต ขนาดที่เด็กๆ สามารถเข้าไปวิ่งเล่นในฮูดัง (รูจมูก) ได้ วันหนึ่งแกตามล่าควายเงินมาจากฝั่งลาว และเฝ้ามองจนกระทั่งควายเงินมานอนแช่น้ำ อยู่ที่แก่งคุดคู้ในปัจจุบัน ระหว่างที่ยกหน้าไม้หมายจะยิง บังเอิญมีพ่อค้าส่งเสียงดังถ่อเรือผ่านมาพอดี ทำให้ควายเงินตื่นตกใจวิ่งหนีขึ้นไปบนภูเขา ภูเขาลูกนั้นจึงได้ชื่อว่า ?ภูควายเงิน? ทำให้พรานป่าแค้นเคืองคนที่นั่งเรือไปมาตามแม่น้ำโขงเป็นอย่างมาก จึงได้แบกเอาก้อนหินมาถมกั้นแม่น้ำไว้ เพื่อไม่ให้เรือแล่นผ่าน จนสร้างความเดือนร้อนให้ชาวบ้านในละแวกนั้นไปทั่ว


เมื่อพระอินทร์ที่อยู่บนสวรรค์เห็นดังนั้น ก็ทรงแปลงกายลงมาเป็นจั่วน้อย (เณรน้อย) และได้ออกอุบายให้ใช้ไม้ไผ่หรือไม้เฮี้ยะ มาทำเป็นคานแบกก้อนหินแทน และด้วยน้ำหนักของหินที่มากเกินไป เลยทำให้ไม้คานหัก บาดคอตาจึ่งขึ่งดังแดงตายอยู่ในท่าคุดคู้ แก่งแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า ?แก่งคุดคู้? ตามนิทานพื้นบ้านเรื่องนี้นี่เอง..






เข้าใจว่า....ควายภูเงินในเรื่องแก่งคุดคู้นี้ น่าจะเป็นคนละตัวกับควายภูเงิน ที่ชาวนาได้นำไปเลี้ยงไว้ บนยอดเขาวัดพระพุทธบาทควายภูเงิน เพราะควายภูเงินที่แก่งกระทู้นี้ วิ่งหนีนายพรานจมูกโตไปทางฝั่งลาว และกลายเป็นภูเขา ที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้าเราในวันนี้...




__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 03-11-2022 เมื่อ 18:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 28-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



รอบๆลานจอดรถ และริมชายโขง มีพ่อค้าแม่ขายมาจับจองพื้นที่เปิดซุ้มจำหน่ายอาหาร ซึ่งมีทั้งปลา กุ้ง หอย ที่ต่างก็มีชื่อแม่น้ำโขงห้อยท้าย ไปจนถึงส้มตำ ไก่ย่าง ลาบ น้ำตก ฯลฯ






แต่ที่น่าทานมากๆ เห็นจะเป็น "กุ้งทอด" ที่แม่ค้าใช้กุ้งฝอยตัวเล็กๆ มาชุบแป้งทอด เป็นแพใหญ่เท่าจานข้าว






อดใจไม่ไหว...ต้องซื้อมาชิมเสียหน่อย อืมมมมม....อร่อยถูกปากจริงๆ ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มใส่ถั่วลิสงบดและแตงกวา ให้เสียรสชาติเลยค่ะ



__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 29-05-2012 เมื่อ 06:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:39


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger