![]() |
|
|||||||
![]() |
|
|
Share | คำสั่งเพิ่มเติม | เรียบเรียงคำตอบ |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
อยากจะไปเดินเที่ยวชมต่อ แต่พอเห็นมูลช้างกองอยู่ เราก็เดินย้อนกลับไปปากทาง เพื่อเดินกลับไปที่ทำการหน่วยโคกนกกระบา พอถึงถนนลูกรังรถยนต์วิ่งได้ เราก็ค่อยเบาใจหน่อยค่ะ ![]() เราจากภูหลวงมา เพื่อมุ่งหน้ากลับเชียงคาน ที่พักของเราในคืนนั้น.... ความตั้งใจที่จะกลับมาเพื่อท่องเที่ยวให้ทั่วจุดสำคัญๆ ที่มีมากมายหลายแห่งบนภูหลวง ยังคงคุกรุ่นอยู่ในจิตใจของเราตลอดเวลา จนถึงบัดนี้... ![]()
__________________
Saaychol |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ออกจากภูหลวงได้เราไม่ย้อนกลับไปทาง(สบายๆ) เส้นทางเดิม แต่กลับใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2399 ซึ่งแยกจากถนนหลวงหมายเลข 203 ไปทางอำเภอท่าลี่ แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2195 เลียบลำน้ำเหือง ซึ่งไหลไปบรรจบลำน้ำโขง มุ่งหน้าสู่เชียงคาน... ถนนหลวง 2399 อยู่ในสภาพค่อนข้างดี และวิวสองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ สูงๆต่ำๆ ไม่แน่ใจว่า ที่ดินบริเวณนี้ถูกหักล้างถางพง หรือว่าเป็นเขต "ทุ่งหญ้าสะวันนา" กันแน่... วิ่งไปได้สักพักหนึ่ง ก็พบศาลาพักสำหรับนักเดินทาง จึงแวะเข้าไป เพื่อถ่ายภาพวิวทิวทัศน์แถวๆนั้น... ![]() โชคดีจริงๆค่ะ ที่ศาลาแห่งนั้น เราสามารถมองเห็นภาพภูเรือ ที่อยู่ทางด้านตะวันตกได้ชัดเจน ![]() หุบเขาที่อยู่เบื้องล่าง เขียวขจีด้วยนาข้าวขั้นบันได และสวนผลไม้และไม้ดอก ผิดกับยอดเขาที่เรากำลังยืนอยู่ซึ่งแสนจะแห้งแล้ง... ![]() รถของเราวิ่งลัดเลาะเขาสูงที่ค่อยๆลาดต่ำลงเรื่อยๆ จนถึง เมืองท่าลี่ อันเป็นที่ตั้งของ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ของไทย (รองจากสะพานที่หนองคาย) ซึ่งสะพานแห่งนี้ สร้างข้ามแม่น้ำเหือง ไม่ใช่แม่น้ำโขง อย่างสะพานที่หนองคาย หรือที่กำลังจะสร้างอีกหลายแห่ง เสียดายค่ะ ที่เราไม่มีเวลาแวะชม เพราะเย็นมากแล้ว เกรงจะไปมืดกลางทาง ที่เรายังไม่เคยผ่านมาก่อน... ![]() เราบังคับรถเลี้ยวขวา ไปตามถนนหลวงสาย 2195 ซึ่งถนนบีบแคบ ไม่มีขอบทาง และแทบไม่มีรถสวนมา พอใกล้ถึงเชียงคาน ถนนก็กลายสภาพเป็นพื้นผิวโลกพระจันทร์ เราหายสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นไปได้ เมื่อได้เห็นรถเทรลเลอร์ใหญ่ยักษ์ ขนทรายเต็มกระบะหนักอึ้ง และไหลหกเรี่ยราดเลอะเทอะไปตลอดทาง เย็นนั้นกว่าจะถึงเชียงคานได้ พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว....
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 07-07-2012 เมื่อ 21:16 |
|
#3
|
||||
|
||||
|
วันสุดท้ายของการเดินทาง....
สองสายตื่นแต่เช้า ด้วยตั้งใจจะออกเดินทางจากเชียงคาน ไม่เกิน 7 โมงเช้า เพื่อจะได้กลับถึงบ้านในกรุงเทพฯ ไม่ดึกเกินไปนัก แต่ก็มีเหตุให้เราต้องออกเดินทางช้ากว่าที่ตั้งใจไว้เกือบชั่วโมง ทั้งนี้เพราะลูกสาวคุณไสว ได้มาแจ้งว่า คุณไสวขอให้เราคอยหน่อย เพราะกำลังจะไปนำพืชผักผลไม้ในสวนมาให้เรา นำกลับไปทานที่กรุงเทพฯ น้ำใจของคุณไสว...ลูกเขยคุณตาหน่วม ที่ดูแลเราอย่างดีมาตลอด 4 วันในเชียงคาน ช่างประเสริฐนัก...ถ้าเราจะไม่คอยลาคุณไสว ก็ถือว่าเราใจจืดใจดำมากเกินไปหน่อย เราเลยนั่งดื่มกาแฟแกล้มปาท่องโก๋ คอยคุณไสวต่อไปอย่างสบายอารมณ์ ![]() คุณไสวมาถึง พร้อมกับมะละกอหลายลูก และกระหล่ำปลี จากสวนผักของคุณไสวเองอีกหลายหัว ซึ่งเป็นของฝากสำหรับเรา จากน้ำใจใสๆของคุณไสว เรานั่งคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขอบคุณและล่ำลาคุณไสว พร้อมกับส่งมอบมังคุดและมะขามหวาน อย่างละสองสามกิโล ที่เราซื้อมาจากตลาดสด ซึ่งตั้งใจจะนำมาฝากคุณไสวโดยเฉพาะ ![]() การเดินทางมาเที่ยวเชียงคานครั้งนี้ เราได้ทั้งความสุขสนุกสนาน และได้ทั้งมิตรภาพและความจริงใจ จากคนเมืองเชียงคานแท้ๆอย่างคุณไสว ทำให้เราเกิดความประทับใจยิ่งนัก จนต้องสัญญากับคุณไสวว่า... เราจะกลับมาเยี่ยมเยือนคุณไสว ณ.บ้านตาหน่วม แห่งเมืองเชียงคานอีกครั้งอย่างแน่นอน....
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 07-07-2012 เมื่อ 21:18 |
|
#4
|
||||
|
||||
|
เราออกจากเชียงคาน โดยใช้ทางหลวงฯหมายเลข 201 มุ่งหน้าผ่านจังหวัดเลย เข้าสู่อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงฯหมายเลข 12 ซึ่งจะไปเชื่อมต่อถนนมิตรภาพ หรือทางหลวงฯหมายเลข 2
พอเข้าแขตอำเภอภูกระดึง...เราพยายามมองหาภูกระดึง ที่สายชลเคยปีนเขาขึ้นไปเที่ยวมาแล้วสองครั้ง และคุณสายน้ำเคยปีนขึ้นมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่เมฆหมอกที่ลงหนาทึบ คลุมยอดภูกระดึงไว้จนมิด เราจึงได้แต่ภาพผานกเค้าที่อยู่ปากทางเข้าภูกระดึง มาเป็นที่ระลึกแทน... ![]() ถนนที่เป็นไฮเวย์ชั้นดี ทำให้เราเดินทางถึงเมืองขอนแก่นภายในเวลาที่รวดเร็วมาก ครั้งแรกตั้งใจจะแวะทานข้าวเที่ยงในเมืองขอนแก่น แต่ความวุ่นวายในเมืองขอนแก่น ทำให้เราเปลี่ยนใจ เลยไปหาของทานและของฝากที่เมืองบ้านไผ่แทน ได้ของฝากประเภท ไส้กรอก กุนเชียง หมูแผ่น หมหยอง ฯลฯ มาครบถ้วนแล้ว จากร้านดังของบ้านไผ่ (ที่เมื่อยี่สิบปีก่อนเล็กนิดเดียว ตอนนี้ใหญ่โตโอ่โถงมาก) ที่นี้ก็ถึงเวลาหาของอร่อยรับประทานแล้วค่ะ ขับรถไปเรื่อยๆ สะดุดตากับร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ชื่อร้าน "เชียงใหม่โอชา" ซึ่งคนทานกันแน่น เลยสันนิษฐานว่า ต้องอร่อยแน่ๆ ต้องขอลงไปชิมสักหน่อยแล้วล่ะค่ะ.. ![]() ไม่ผิดหวังเลยค่ะ...ก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านนี้ รสโอชาสมชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อตุ่น เนื้อสด หรือ ลูกชิ้น รสชาติกลมกล่อม ปรุงนิดหน่อยก็อร่อยได้ที่แล้ว... ![]() หมี่น้ำทุกอย่างไปคนละสองชาแล้ว ยังไม่หนำใจ ต้องสั่งเกาเหลาแห้งมาทานกันอีกสองจาน และสั่งเกาเหลาน้ำกลับบ้านอีก 10 ชุด ลูกชิ้นอีก 200 ลูก...
__________________
Saaychol |
|
#5
|
||||
|
||||
|
อิ่มแล้ว...สบายใจ ขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงเมืองโคราช ราวๆบ่ายสามโมง แทนที่เราจะใช้ถนนมิตรภาพตรงไปออกสระบุรี แล้วใช้ถนนพหลโยธินวิ่งกลับกรุงเทพฯ เรากลับเลี้ยวซ้ายไปเข้าทางหลวงฯ หมายเลข 304 เพื่อจะไปวังน้ำเขียว เพื่อไปแอบชม "บ้านภูโอบ" ของน้องโป๋..น้องชายสุดที่รักและ Webmaster สุดหล่อ ของ SOS... ![]() ฝ่าถนนสองเลนส์ที่รถติดมากๆ มาจนถึงทางยูเทริน เพื่อเข้าไปบ้านภูโอบ เวลาก็ใกล้จะห้าโมงเย็นเต็มที่ เราก็ใจตุ๋มๆต่อมๆว่าทางเข้าจะลึกแค่ไหน เพราะเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ![]() แต่โชคดี...เข้าไปจากถนนใหญ่นิดเดียว ก็ถึงบ้านภูโอบแล้วค่ะ... ![]() โอ้โฮ !!!...สวย น่ารัก และน่าพักจริงๆค่ะ... ![]()
__________________
Saaychol |
|
#6
|
||||
|
||||
|
เราไปครั้งนี้...ไม่ได้บอกน้องโป๋ล่วงหน้า เพราะจะแอบไปชม และไม่อยากรบกวนน้องโป๋ให้ลำบากใจ และก็ไม่ได้หวังว่าจะได้พบน้องโป๋ ซึ่งทราบว่างานที่ทำอยู่ที่อรัญประเทศยุ่งมาก... แต่พอเราผ่านไปทางห้องอาหารที่อยู่ด้านหน้าของบ้านภูโอบ ก็เห็นน้องโป๋นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านอะไรอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งของห้องอาหาร เราขับรถเข้าไปด้านหลังบ้าน น้องโป๋ได้ยินเสียงรถจึงเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็ไม่ทราบว่าใครมากันแน่... ![]() จนเราเดินไปหาจนใกล้ น้องโป๋ก็ยังจำไม่ได้ว่า เราเป็นใคร...จนเราต้องแสดงตัว น้องโป๋ ซึ่งคงคิดไม่ถึงว่าเราจะมาเยือนถึงถิ่น จึงร้องอ๋อ...จำเราได้... ![]() จากนั้น...น้องโป๋ก็พาเราเดินชมบ้านภูโอบ ซึ่งร่มรื่นด้วยแมกไม้ สนามเขียวขจี...และ มีบ้านพักที่มีหลายหลังหลายแบบ ให้เลือกพักได้ตามใจ.. ![]()
__________________
Saaychol |
|
#7
|
||||
|
||||
|
บ้านพักมีทั้งแบบนอนจู๋จี๋กันสองคน หรือ จะใช้เรือนนอนรวม ซึ่งนอนกันได้ 20-30 คน ก็มีให้เลือก... ![]() หากอยากจะนอนกลางดินกินกลางทราย...น้องโป๋ก็มีที่ให้กางเต๊นท์ หรือเช่าเต๊นท์ของบ้านภูโอบพักได้ค่ะ.. ![]() เราเห็นบ้านภูโอบแล้ว ก็อยากจะมาสูดอากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ห้อมล้อมด้วยภูเขาใหญ่น้อย และนอนชมดาวชมเดือน ให้เพลิดเพลินเจริญใจ สักสองสามวัน แต่คงไม่ใช่วันนี้แน่นอนค่ะ เพราะเราจากบ้านมานานร่วมสองอาทิตย์ และคิดถึงบ้านตัวเองเต็มแก่แล้ว แม้น้องโป๋จะคะยั้นคะยอให้นอนพักสักคืน เราจำใจต้องปฏิเสธไป แต่สัญญากับน้องโป๋ว่า สักวันหนึ่ง เราจะต้องมาพักหลับนอนที่บ้านภูโอบอย่างแน่นอน.. ![]()
__________________
Saaychol |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|