เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 18-11-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



และแล้ว.....เครื่องบินหางแดงก็ลงจอดที่สนามบินมัณฑะเลย์ โดยสวัสดิภาพ


สนามบินมัณฑะเลย์ดูหน้าตาเหมือนกับสนามบินเชียงใหม่ของไทย มีงวงให้เครื่องบินเข้าจอดแต่ก็ไม่ใช้เหมือนดอนเมือง พอเข้าไปรอพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ที่คิวเข้าแถวยาวเหยียด เราแทบจะลมจับ เพราะที่นั่นไม่เปิดแอร์ และการระบายอากาศก็ไม่ค่อยจะดีนัก


กว่าจะผ่านออกมาเพื่อรับกระเป๋าได้ ก็เสียเวลาไปเกือบชั่วโมง แปลก...ที่เราอารมณ์ไม่เสียและไม่เสียอารมณ์ เพราะทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและคนพม่าที่ทำงานอยู่ในสนามบิน (รวมทั้งในห้องน้ำ) ต่างยิ้มแย้มแจ่มใส ให้บริการจากใจกันทุกคน....


__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 19-11-2014 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 18-11-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



วันที่ 1....มัณฑะเลย์ - พิน อูล วิน



เมื่อเราเดินทางออกจากสนามบินมัณฑะเลย์...แสงแดดแผดจ้า ไร้เค้าเมฆฝนอย่างที่เราได้เห็น ตอนออกจากสนามบินดอนเมือง


รถบัสชั้นดีขนาด 30 ที่นั่ง จอดคอยเราอยู่หน้าสนามบิน....เราได้พบ น้องอาร์ต และ น้องอุ๋ย (โบเดีย แห่งบล๊อก OKnation ผู้เขียนหนังสือ "พาเที่ยวพม่า พม่าพาเที่ยว") ซึ่งทั้งคู่จะเป็นไกด์ไทยของเรา รวมทั้ง โกตา เจ้าของบริษัททัวร์ที่จะคอยดูแลเราตลอดการเดินทาง และ โกธง ไกด์พม่า ที่จะสื่อสารกับเราด้วยภาษาอังกฤษที่ชัดถ้อยชัดคำ


รถแล่นออกจากสนามบินไปตามถนนไฮเวย์ ขนาดไปสองเลนสวนสองเลน ซึ่งเป็นถนนเไฮเวย์หมายเลข 1 ที่เชื่อมโยงจากแม่สอดของไทย ผ่านย่างกุ้ง เนปิดอว์ มัณฑะเลย์ และมุ่งไปทางเหนือจนถึงชายแดน ที่เรียกกันในพม่าว่า NH 1 วิ่งไปได้สักพัก รถบัสก็จอดให้เราทานข้าวเที่ยงกัน ข้างๆด่านเก็บเงินค่าผ่านทางนั่นเอง


อาหารจานแรกในพม่าของเรา ถือเป็นออเดิฟเรียกน้ำย่อย....มะเขือเทศกับถั่วเน่าหวาน อร่อยอย่างไม่น่าเขื่อเลยล่ะค่ะ







จานที่สอง....เป็นออเดิฟอีกเหมือนกัน หอมหัวใหญ่ราดซอสพริก จานนี้สายชลไม่กล้าลอง เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีที่ให้แปรงฟันระงับกลิ่นปากหรือไม่ค่ะ แต่คนที่ทานบอกว่าอร่อยดี...






จากนั้น...อาหารจานหลักก็ตามมา หน้าตาและรสชาติไม่ต่างจากอาหารไทยมากนัก มีทั้งผัดเปรี้ยวหวานหมูผักรวม ไข่เจียว


__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 22-11-2014 เมื่อ 20:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 18-11-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



จานที่ถูกปากเราที่สุด เห็นจะเป็นไก่ทอด ใส่ขมิ้นนิดๆ หอมและอร่อยมากค่ะ






จานสุดท้าย ที่มาพร้อมซุป แม้จะช้าจนเราใกล้จะอิ่มกันแล้ว เป็นผัดผักบุ้งสด ที่กรอบกรุบและรสชาติอร่อยได้ใจค่ะ






ที่ทำให้ยิ้มกันได้ทั่วถึง เป็นของหวานหลังอาหาร....น้ำตาลมะพร้าวหยอดเป็นก้อน ขนาดเท่าหัวแม่มือ ที่หอมกรุ่นและหวานชื่นใจ



__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 22-11-2014 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 18-11-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



พิน อูล วิน (Pyin Oo Lwin)


อิ่มหนำสำราญกับอาหารพม่าแบบจีนแล้ว รถบัสก็กลับเข้าด่านเก็บเงิน วิ่งไปบนถนน NH 1 สักพักก็เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน NH 3 มุ่งขึ้นที่ราบสูงที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมัณฑะเลย์ สู่เมือง พิน อูล วิน (Pyin Oo Lwin) ซึ่งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ ไม่ห่างจากชายแดนเชื่อมต่อกับรัฐฉาน (Shan State)...รัฐหนึ่งของชนกลุ่มน้อยในพม่า


ถนนที่รสบัสแล่นไปนั้นเป็นถนนสายหลัก เชื่อมระหว่างพม่ากับจีน แม้จะเป็นถนนไฮเวย์ แต่สองเลนในแต่ละฟากก็เล็กมาก เมื่อเจอรถเทรลเลอร์ที่ขนสินค้าของจีนวิ่งอยู่อีกเลนก็แซงกันแทบไม่ได้ กอร์ปกับมีรถมากมายวิ่งอยู่บนถนน ระยะทางเพียง 60 กิโลเมตร จึงใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง แต่เราไม่เบื่อเลยค่ะ เพราะนั่งหลับไปตลอดทาง....


บ่ายสามโมงเศษ...รสบัสก็แล่นถึงเมืองพิน อูล วิน...สายชลตื่นขึ้นมา ก็เห็นความสับสนวุ่นวายอยู่ตรงหน้า บนถนน มีทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน และรถม้าแบบอังกฤษแล่นอยู่ไปมา...







แล้วก็มีวัวตัวผู้ลายดำบนพื้นขาว วิ่งอยู่กลางถนน รถและผู้คนต่างหลีกทางให้วัววิ่งปุเลงๆผ่านไปตามใจชอบ...เอ๊ะ! ให้เกียรติวัวกันอย่างสูง อย่างกับวัวในอินเดีย







ยิ่งเห็นหน้าตาของผู้คนที่อยู่บนท้องถนน และร้านค้าสองข้างทาง ที่เหมือนชาวภารตะ สายชลก็ยิ่งงงๆว่า เมืองนี้เป็นเมืองในอินเดียหรือพม่ากันแน่....



__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 08-01-2015 เมื่อ 00:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 18-11-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



ยังงงๆอยู่ เราก็ถูกต้อนลงจากรถบัส ไปขึ้นรถม้ารูปทรงเหมือนรถม้าซินเดอเรลล่า ที่ถูกเรียกมาจอดรอรับเราคันละสามคน สองคนให้นั่งในตัวรถ อีกคนนั่งคู่กับคนบังคับม้า (ที่หน้าตาเป็นแขกอินเดียชัดๆ)












__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 19-11-2014 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 18-11-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



ถ้าคนนั่งอึกคนตุ้ยนุ้ยเหมือนสายชล คงจะนั่งในตัวรถม้าที่คับแคบด้วยกันไม่ไหว โชคดีได้จับคู่กับน้องจี๊ด...เพื่อนของน้องปอ สมัยที่ยังเรียนอยู่ด้วยกันอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งตัวเล็กจิ๋ว





ส่วนพวกที่ไปนั่งคู่คนขับม้า ซึ่งส่วนมากเป็นผู้ชาย(ตัวใหญ่)อย่างคุณสายน้ำ ได้ยินมาว่าต้องไปนั่งเบียดอยู่กับคนบังคับม้าอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กๆ เจ็บก้นมากๆและแทบจะกระเด็นหลุดลงมาอยู่หลายครั้ง....





ตอนก่อนรถม้าจะวิ่งก็ยังยิ้มกันออกค่ะ..





โดยเฉพาะน้องปอ ยิ้มแป้นทีเดียว...




__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 19-11-2014 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 18-11-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default


พวกเราทั้งหมด 26 คน ใช้รถม้า 9 คัน เริ่มเดินทางออกจากหน้าโรงแรม Bravo (ที่จะเป็นที่พักของพวกเราส่วนหนึ่ง) มุ่งหน้าเดินทางเที่ยวรอบเมืองพิน อูล วิน หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งคือ "เมย์ เมียว" (เมย์ เป็นชื่อของพันเอกเมย์ ชาวอังกฤษที่เข้ามาปราบพวกกบฏที่ต่อต้านอังกฤษ และ เมียว แปลว่าเมือง รวมแล้วแปลว่า เมืองของพันเอกเมย์)




จุดแรกที่ผ่านคือ สุเหร่า ประจำเมือง...ที่นี่ มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มาก พอๆกับชาวอินเดียฮินดู ที่ในอดีตเดินทางเข้ามาอาศัยอยู่ที่เมืองนี้อยู่ก่อนบ้างแล้ว และเมื่ออังกฤษเข้ายึดครองพม่า ได้ใช้เมืองพิน อูล วิน เป็นฐานทัพใหญ่ และเป็นสถานที่ตากอากาศชั้นหนึ่ง เพราะที่นี่อยู่บนเขาสูงราว 1070 เมตร มีอากาศดี เย็นสบาย ภูมิประเทศสวยงาม โดยได้ว่าจ้างชาวกุรข่าน และคนในประเทศจักรวรรดิของตน มาเป็นทหารและดูแลรับใช้ ทำให้มีคนในชมพูทวีปที่อยู่ใกล้พม่าที่สุด เข้ามาอาศัยที่เมืองนี้เพิ่มมากขึ้น...






หอนาฬิกาเพอร์เซลทาวเวอร์
เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของเมือง ถูกสร้างเป็นที่ระลึกในงานฉลองครบรอบ 25 ปี แห่งการครองราชย์ ของพระเจ้าจอร์จแห่งสหราชอาณาจักร์ เมื่อปี พศ. 2477






จากหอนาฬิกา...รถม้าโขยกผ่านร้านเบเกอรี่ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในเมืองนี้ เราเลยหมายตาไว้ว่า หลังอาหารเย็นวันนี้ จะแวะมาชิมครัวซองกับชาที่ขึ้นชื่อลือชาของที่นี่กันสักหน่อย



__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 22-11-2014 เมื่อ 20:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
เก่า 18-11-2014
สายชล
ข้อความนี้ถูกลบโดย สายน้ำ.
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:13


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger