![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
จานที่ถูกปากเราที่สุด เห็นจะเป็นไก่ทอด ใส่ขมิ้นนิดๆ หอมและอร่อยมากค่ะ ![]() จานสุดท้าย ที่มาพร้อมซุป แม้จะช้าจนเราใกล้จะอิ่มกันแล้ว เป็นผัดผักบุ้งสด ที่กรอบกรุบและรสชาติอร่อยได้ใจค่ะ ![]() ที่ทำให้ยิ้มกันได้ทั่วถึง เป็นของหวานหลังอาหาร....น้ำตาลมะพร้าวหยอดเป็นก้อน ขนาดเท่าหัวแม่มือ ที่หอมกรุ่นและหวานชื่นใจ ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 22-11-2014 เมื่อ 03:00 |
|
#2
|
||||
|
||||
|
พิน อูล วิน (Pyin Oo Lwin) อิ่มหนำสำราญกับอาหารพม่าแบบจีนแล้ว รถบัสก็กลับเข้าด่านเก็บเงิน วิ่งไปบนถนน NH 1 สักพักก็เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน NH 3 มุ่งขึ้นที่ราบสูงที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมัณฑะเลย์ สู่เมือง พิน อูล วิน (Pyin Oo Lwin) ซึ่งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ ไม่ห่างจากชายแดนเชื่อมต่อกับรัฐฉาน (Shan State)...รัฐหนึ่งของชนกลุ่มน้อยในพม่า ถนนที่รสบัสแล่นไปนั้นเป็นถนนสายหลัก เชื่อมระหว่างพม่ากับจีน แม้จะเป็นถนนไฮเวย์ แต่สองเลนในแต่ละฟากก็เล็กมาก เมื่อเจอรถเทรลเลอร์ที่ขนสินค้าของจีนวิ่งอยู่อีกเลนก็แซงกันแทบไม่ได้ กอร์ปกับมีรถมากมายวิ่งอยู่บนถนน ระยะทางเพียง 60 กิโลเมตร จึงใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง แต่เราไม่เบื่อเลยค่ะ เพราะนั่งหลับไปตลอดทาง.... ![]() บ่ายสามโมงเศษ...รสบัสก็แล่นถึงเมืองพิน อูล วิน...สายชลตื่นขึ้นมา ก็เห็นความสับสนวุ่นวายอยู่ตรงหน้า บนถนน มีทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน และรถม้าแบบอังกฤษแล่นอยู่ไปมา...
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 08-01-2015 เมื่อ 00:41 |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ยังงงๆอยู่ เราก็ถูกต้อนลงจากรถบัส ไปขึ้นรถม้ารูปทรงเหมือนรถม้าซินเดอเรลล่า ที่ถูกเรียกมาจอดรอรับเราคันละสามคน สองคนให้นั่งในตัวรถ อีกคนนั่งคู่กับคนบังคับม้า (ที่หน้าตาเป็นแขกอินเดียชัดๆ)
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 19-11-2014 เมื่อ 02:40 |
|
#4
|
||||
|
||||
|
ถ้าคนนั่งอึกคนตุ้ยนุ้ยเหมือนสายชล คงจะนั่งในตัวรถม้าที่คับแคบด้วยกันไม่ไหว โชคดีได้จับคู่กับน้องจี๊ด...เพื่อนของน้องปอ สมัยที่ยังเรียนอยู่ด้วยกันอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งตัวเล็กจิ๋ว ![]() ส่วนพวกที่ไปนั่งคู่คนขับม้า ซึ่งส่วนมากเป็นผู้ชาย(ตัวใหญ่)อย่างคุณสายน้ำ ได้ยินมาว่าต้องไปนั่งเบียดอยู่กับคนบังคับม้าอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กๆ เจ็บก้นมากๆและแทบจะกระเด็นหลุดลงมาอยู่หลายครั้ง.... ![]() ตอนก่อนรถม้าจะวิ่งก็ยังยิ้มกันออกค่ะ.. ![]() โดยเฉพาะน้องปอ ยิ้มแป้นทีเดียว... ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 19-11-2014 เมื่อ 02:42 |
|
#5
|
||||
|
||||
|
พวกเราทั้งหมด 26 คน ใช้รถม้า 9 คัน เริ่มเดินทางออกจากหน้าโรงแรม Bravo (ที่จะเป็นที่พักของพวกเราส่วนหนึ่ง) มุ่งหน้าเดินทางเที่ยวรอบเมืองพิน อูล วิน หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งคือ "เมย์ เมียว" (เมย์ เป็นชื่อของพันเอกเมย์ ชาวอังกฤษที่เข้ามาปราบพวกกบฏที่ต่อต้านอังกฤษ และ เมียว แปลว่าเมือง รวมแล้วแปลว่า เมืองของพันเอกเมย์) จุดแรกที่ผ่านคือ สุเหร่า ประจำเมือง...ที่นี่ มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มาก พอๆกับชาวอินเดียฮินดู ที่ในอดีตเดินทางเข้ามาอาศัยอยู่ที่เมืองนี้อยู่ก่อนบ้างแล้ว และเมื่ออังกฤษเข้ายึดครองพม่า ได้ใช้เมืองพิน อูล วิน เป็นฐานทัพใหญ่ และเป็นสถานที่ตากอากาศชั้นหนึ่ง เพราะที่นี่อยู่บนเขาสูงราว 1070 เมตร มีอากาศดี เย็นสบาย ภูมิประเทศสวยงาม โดยได้ว่าจ้างชาวกุรข่าน และคนในประเทศจักรวรรดิของตน มาเป็นทหารและดูแลรับใช้ ทำให้มีคนในชมพูทวีปที่อยู่ใกล้พม่าที่สุด เข้ามาอาศัยที่เมืองนี้เพิ่มมากขึ้น... ![]() หอนาฬิกาเพอร์เซลทาวเวอร์ เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของเมือง ถูกสร้างเป็นที่ระลึกในงานฉลองครบรอบ 25 ปี แห่งการครองราชย์ ของพระเจ้าจอร์จแห่งสหราชอาณาจักร์ เมื่อปี พศ. 2477 ![]() จากหอนาฬิกา...รถม้าโขยกผ่านร้านเบเกอรี่ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในเมืองนี้ เราเลยหมายตาไว้ว่า หลังอาหารเย็นวันนี้ จะแวะมาชิมครัวซองกับชาที่ขึ้นชื่อลือชาของที่นี่กันสักหน่อย ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 22-11-2014 เมื่อ 20:33 |
|
#7
|
||||
|
||||
|
เมื่องพิน อูล วิน เป็นที่ตั้งของวิทยาลัยป้องกันประเทศที่มีชื่อเสียงที่สุดของพม่า ภายในวิทยาลัยกว้างขวางใหญ่โตและร่มรื่นมาก เสียดายที่เราได้เพียงแต่นั่งรถม้าผ่านไป ![]() รถม้าเริ่มวิ่งออกไปนอกเมือง ร้านค้าตึกแถว และรถบนถนนเริ่มลดน้อยลง สองข้างทางมีต้นไม้ขึ้นร่มรื่น และมีบ้านรูปทรงยุโรปที่มีสวนสวยงามโผล่มาให้เห็น.. ![]() รถม้าโขยกเขยกขึ้นเนินสูงขึันๆ...รถม้าคันอื่นที่อยู่ข้างหลัง เริ่มวิ่งแซงรถม้าของเราไป คันแล้วคันเล่า จนในที่สุด เราก็กลายเป็นผู้อยู่รั้งท้ายขบวนไป ![]() และแล้ว....จู่ๆเจ้าม้าแกลบที่รับภาระหนักลากรถม้ากับคนอีก 4 คน ก็หยุดวิ่งซะเฉยๆ เท่านั้นยังไม่พอ มันพยายามเอี้ยวตัวเลี้ยว เพื่อกลับลงไปจากเนินสูง จนรถม้าเอียงวูบ สารถีของเรารีบกระโดดโสร่งปลิวลงไปดันรถไม่ให้ล้ม แล้วหันมาดันหัวม้าไม่ให้เลี้ยวกลับ กว่าจะกล่อมม้าได้ ก็เล่นเอาเราใจหายใจคว่ำ เกรงว่ารถม้าจะคว่ำจนเกิดอันตราย หรือไม่เราเองต้องลงเดินขึ้นเนินไปเอง แทนที่จะได้นั่งรถม้าสบายๆ...
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 19-11-2014 เมื่อ 02:58 |
|
#8
|
||||
|
||||
|
ม้าค่อยๆกระย่องกระแย่งเดินขึ้นเนินไป จนผ่านป้ายที่ชี้ว่าไปทางจวนผู้ว่าราชการ ![]() รถม้าคันอื่นๆไปถึงนานพอควร พอผู้โดยสารลงหมดก็กลับรถม้า และจอดเรียงรายคอยอยู่ แต่รถม้าของเราเพิ่งมาถึงค่ะ... ![]() เจ้าม้าลากรถของน้องปอท่อแตก ปล่อยน้ำออกมานองพื้น....ท่าจะอั้นไว้นาน ![]() สายชลลงจากรถได้ ก็เดินไปปลอบขวัญเจ้าม้าลากรถของเรา...โอ้! พระเจ้าช่วย ม้าตัวเล็กนิดเดียว เหมือนม้าแกลบที่หัวหิน แต่ต้องลากรถที่มีคนถึง 4 คน (มีสองคนที่น้ำหนักรวมกันเกือบสองร้อยกิโลกรัม)นั่งอยู่....ช่างน่าสงสารจริงๆเลยค่ะ เดี๋ยวขากลับเจ้าม้าแกลบตัวนี้จะวิ่งกลับไหวไหมหนอ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 19-11-2014 เมื่อ 03:04 |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|