เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 05-12-2014
dekinw dekinw is offline
Junior Member
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 1
Default

สวยดีครับว่าปะ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 05-12-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



ขอบคุณดีปะเนี่ย....

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 05-12-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



อังวะ (Inwa)






เมืองอังวะ (Inwa) หรือที่พม่าออกเสียงว่า อีนวะ หรืออะวะ ตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ เป็นเมืองหลวงเก่าของพม่าถึง 5 ครั้ง ทั้งในสมัยราชวงศ์อังวะ ราชวงศ์ตองอู และราชวงศ์อลองพญา เป็นระยะเวลารวม 360 ปี ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 1908 ถึง พ.ศ.2385 (โดยมีเมืองอื่นๆได้ถูกยกขึ้นเป็นเมืองหลวงขั้นบ้าง ในระหว่างช่วงปีดังกล่าว)


ในประวัติศาสตร์...เมืองอังวะผ่านการสู้รบ ถูกปล้นสะดมและฟื้นฟูมาแล้วหลายครั้ง ปัจจุบันถูกทิ้งร้าง หลังจากถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง อันเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2382 แต่ซากปรักหักพังที่เหลืออยู่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวจากมัณฑะเลย์


อังวะมีชื่อในภาษาบาลีว่า "รัตนปุระ" (พม่าเรียก ยะดะหน่าบู่ยะ) ส่วนชื่อในภาษาพม่า มีความหมายว่า "ปากทะเลสาบ" เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของเมือง ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบในเขตอำเภอจอกเซ




ข้อมูลจาก....http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%...B8%A7%E0%B8%B0
__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 05-12-2014 เมื่อ 22:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 05-12-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



จากมัณฑะเลย์...รถบัสแล่นล่องใต้ไปประมาณสัก 20 กม. ก็ถึงริมน้ำ ที่เหมือนลำคลองเล็กๆ แต่จริงๆแล้ว มันเป็นแม่น้ำที่ชื่อว่า มะยิตแง (Myitnge) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายเล็กๆ ที่กั้นระหว่างมัณฑะเลย์กับเมืองอังวะ ที่ด้านหนึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำอิรวดี แม่น้ำเส้นเลือดใหญ่ของพม่า


เราคงจะไปถึงเร็วไป เรือยังไม่ข้ามมาฝั่งมัณฑะเลย์ คนขับรถของเราจึงต้องบีบแตรดังสนั่น เพื่อเรียกให้คนขับเรือได้ยิน ซึ่งก็ได้ผล เพราะชายพม่าใส่โสร่งปลิว ลงจากตลิ่งสูงลงมาขับเรือไม้มีหลังคา ลำยาวสัก 15 เมตร กว้างราวๆ 2 เมตร และมีที่นั่งตามความยาวของเรือสำหรับคนสัก 20 คน แล่นมารับพวกเราข้ามแม่น้ำมะยิตแงไปยังฝั่งอังวะ







__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 05-12-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default



เรือยังไม่ทันจะถึงฝั่งอังวะดี มองออกไปเห็นเด็กสาวๆหลายคน นั่งถือตะกร้าพลาสติกสาน ตาจ้องเป๋งมายังเรือที่เรานั่งกันอยู่ พอเราขึ้นมาบนฝั่งได้ ตาต่อตามาประสาน จากนั้นแม่สาวเหล่านี้ก็เดินตามตื้อขายของให้พวกเราแจ ทุกที่ที่พวกเราไปในเมืองอังวะ....




__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 05-12-2014 เมื่อ 22:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 05-12-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default




เมื่อคืนฝนคงจะตกหนัก ถนนหนทางเลยเฉอะแฉะ เราเดินจากตลิ่งท่าเรือขึ้นไปบนถนน โคลนก็ติดเต็มรองเท้าจนหนาหนัก เมื่อเราขึ้นรถม้าที่จอดคอยรับเราอยู่บนถนนหน้าท่าเรือ จึงหอบโคลนขึ้นรถม้าไปด้วย





คันที่เรานั่ง มีผู้หญิงวัยกลางคนหน้าตาใจดีเป็นคนบังคับม้า ดีหน่อยค่ะที่คราวนี้รถม้าให้ผู้โดยสารนั่งได้คันละ 2 คน ม้าเลยไม่ต้องทรมานมากนัก รถม้าที่เมืองนี้เหมือนรถสองแถว คนบังคับรถม้านั่งอยู่บนม้านั่งแคบๆด้านหน้า ส่วนที่นั่งโดยสารที่อยู่ด้านหลังมีหลังคาคลุม ด้านหลังมีบันไดเล็กๆให้ก้าวขึ้นไป มีประตูบานพับแคบๆ ที่ต้องเอียงสะโพกผ่านประตูเข้าไป ม้านั่งในรถม้าหันหน้าชนกัน กว่าคนตัวโตๆอย่างสองสายจะก้าวขึ้นไปนั่งได้ ก็ยักแย่ยักยัน พอจะลงนั่งก็ต้องนั่งคนละด้านของม้านั่งสับหว่างกัน มิฉะนั้นแล้ว เข่าจะชนและเกยกัน...




__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 05-12-2014 เมื่อ 18:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 05-12-2014
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,123
Default


วัดแมนุ หรือ มหาอ่องเหม่ บอนซาน (Maha Aungmye Bonzan)


รถม้าวิ่งผ่านถนนดินแคบๆ ขรุขระ และเละเทะด้วยโคลนข้น....แต่สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นร่มรื่นสวยงาม มีบ้านเรื่อนไม้เล็กๆแทรกอยู่เป็นระยะๆ ไม่นานนัก รถม้าก็หยุดให้เราลงที่หน้าประตูทางเข้า ที่มีรูปปูนปั้นสิงห์สองตัวนั่งคู่กันอยู่ เรายังไม่เห็นว่าด้านในเป็นอะไร เพราะมีกำแพงสูงเกาะคร่ำคร่าและต้นไม้ใหญ่บดบังสายตาอยู่






ด้านซ้ายมีประตูซุ้มขนาดใหญ่ หน้าตาเหมือนประตูวัดที่บ้านเรา




โกธง เล่าว่า ที่นี่คือ วัดแมนุ หรือ มหาอ่องเหม่ บอนซาน (Maha Aungmye Bonzan) เป็นวิหารที่สร้างโดย พระนางนันมะดอมูนี หรือ แมนุ พระมหาอัครมเหสีในพระเจ้าบ๊ะจีด่อ เพื่อเป็นที่พำนักของ พระมหาเถระสยาดอว์เนาวง์กัน (Nyaunggan) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นคนรักเก่าของพระนาง ตอนที่ยังเป็นสาวชาวบ้านอยู่ในหมู่บ้านแถวๆนี้ ก่อนที่จะถูกนำตัวเข้าวังไปอภิเษกสมรสกับพระเจ้าบ๊ะจีด่อ


ตัววิหารแมนุ สร้างด้วยอิฐทรงสูง มีปูนปั้นสลักเสลางดงามเลียนแบบงานไม้ประดับอยู่ทั้งอาคาร จึงมีลักษณะที่แตกต่างไปจากวิหารอื่นๆในยุคเดียวกันที่มักจะสร้างด้วยไม้ ในปี พ.ศ. 2381 ได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ในบริเวณกรุงอังวะ ทำให้วิหารได้พังทลายลงมา และได้มีการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ในปี พ.ศ.2416 โดยพระนางซินบิวมาชิน ราชินีของพระเจ้ามินดง และมีศักดิ์เป็นหลานยายของพระนางเมนุ ปัจจุบันได้ใช้เป็นห้องสมุดสำหรับประชาชนทั่วไปมาใช้




__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 06-12-2014 เมื่อ 11:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:35


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger