![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ผู้จัดการออนไลน์ 17-07-15 คนกินปลาเฮ! มติ ศปมผ.ยกเลิกเครื่องมือประมงทำลายล้าง คาดออกประกาศกฎกระทรวงเร็วๆนี้ (ภาพ : Greenpeace) ศูนย์ข่าวภาคใต้ - นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทยเผยคนกินปลาเตรียมเฮหลังที่ประชุม ศปมผ.มีมติให้ให้ออกประกาศยกเลิกเครื่องมือประมงที่ทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำ อวนรุน ไอ้โง่ อวนล้อมปลากะตักปั่นไฟและโพงพาง คาดออกประกาศเป็นกฎกระทรวงเหมือนอินโดฯ ชี้ถือเป็นชัยชนะของคนกินปลาทั่วประเทศที่ตื่นตัวจนมีแรงขับเคลื่อนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดี วันนี้ (16 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ได้โพสต์ภาพในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งเป็นภาพหน้าของการประชุมเกี่ยวกับการแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายในที่ประชุมของศูนย์บัญชาการการแก้ไขการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) โดยในภาพระบุข้อความว่า มติที่ประชุม ศปมผ.ครั้งที่ 11/2558 2.ให้ สน.กม.ศปมผ.ออกประกาศยกเลิกเครื่องมือการทำประมงที่ทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำ ได้แก่อวนรุน (ยกเว้นอวนรุนเคย) ไอ้โง่ อวนล้อมปลากะตักปั่นไฟและโพงพาง 3.ให้ กปม.กำหนดจำนวนและขนาดเครื่องมือการทำประมงที่จะใช้กับเรือประมงแต่ละประเภท โดยรายงานให้ที่ประชุมร่วมพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป (ภาพ : บรรจง นะแส) เกี่ยวกับเรื่องนี้นายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ซึ่งเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ได้เปิดเผย ASTVผู้จัดการภาคใต้ ว่าถือเป็นมิติที่ดีมากๆ ของการแก้ปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมายของประเทศไทยแต่ในทางปฏิบัติยังต้องรอดูเพราะเกินศักยภาพของกรมประมงเพราะฉะนั้นทุกภาคส่วนต้องบูรณาการ ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ มีในพื้นที่ไหน หัวหน้าส่วนนั้นๆ ต้องร่วมรับผิดชอบมาตรการแก้ไขให้สำเร็จถึงจะเป็นจริง เพราะตัวอย่างอวนรุนในทะเลสาบสงขลามีกฎหมายห้ามชัดเจนแต่ก็มีอวนรุนกว่า 100 ลำเป็นตัวอย่าง ส่วนแนวโน้มความเป็นไปได้คาดว่าเพื่อความรวดเร็วคงออกมาเป็นประกาศกระทรวง เหมือนกับประเทศอินโดนีเซียที่ออกประกาศกฎกระทรวงยกเลิกเครื่องมือพวกนี้ไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผมมีข้อสังเกตเรื่องมติคืออ้วนล้อมปั่นไฟมีกฎหมายห้ามอยู่แล้วอยากให้กรมประมงไปดูประกาศกระทรวงที่อดีต รมช.เกษตรฯ นายมณฑล ห้ามไว้ชัดเจนแต่เลี่ยงบาลีให้เรือปั่นไฟใช้อวนช้อน ครอบ ยก เจตนารมณ์คือให้กลับไปใช้ประกาศของอดีตรมช.บุญเอื้อ คือยกเลิกการทำการประมงด้วยเรือปั่นไฟ นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย กล่าวว่า อย่างไรก็ตามหากมองในมิติของการต่อสู้กับการทำประมงที่ผิดกฎหมายมายาวนานไม่ต่ำกว่า 30 ปี ถือว่าเป็นชัยชนะของคนกินปลาทั่วประเทศที่ตื่นตัวจนมีแรงกดดันสูงมากพอจนสามารถผลักดันเรื่องนี้ได้
__________________
Saaychol |
|
#2
|
||||
|
||||
|
แนวหน้า 17-07-15 มติ 'ศปมผ.' ยกเลิก 4 เครื่องจับปลา ยึดเวลาบริการประมงถึง 24 ก.ค.นี้ ![]() 16 ก.ค.58 พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เป็นประธานในการประชุม การติดตามความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหา ตามข้อสังเกตในการตรวจเยี่ยมของคณะสหภาพยุโรป ของ ศปมผ.ครั้งที่ 11 ณ ห้องประชุมกองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ โดยในวันนี้มีหัวหน้า ผู้แทน ส่วนราชการใน ศปมผ.และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม โดยมติที่ประชุมมีดังนี้ 1.ให้ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) โดยศูนย์การแจ้งเรือเข้า/ออก (PIPO) ร่วมกับกรมประมง กรมเจ้าท่า และ กสทช.ขยายช่วงเวลาการออกหน่วยบริการด้านการประมงเคลื่อนที่ จนถึงวันที่ 24 ก.ค.58 โดยให้สมาคมการประมงต่างๆ ประชาสัมพันธ์ให้ชาวประมงได้รับทราบต่อไป 2.ให้ส่วนกฎหมายและจัดระเบียบเรือประมง (สน.กม.ศปมผ.) ออกประกาศยกเลิกเครื่องมือทำการประมงที่ทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำได้แก่ อวนรุน (ยกเว้นอวนรุนเคย) ไอ้โง่ อวนล้อมปลากระตักปั่นไฟ และโพงพาง 3.ให้กรมประมงกำหนดจำนวน และขนาดเครื่องมือทำการประมงที่ใช้กับเรือประมงแต่ละประเภท โดยรายงานให้ที่ประชุมร่วมพิจารณาในการกระชุมครั้งต่อไป 4.ให้สำนักงานเลขานุการ ศปมผ.(สล.ศปมผ.) ร่วมกับกรมประมง และกรมเจ้าท่า ดำเนินการกำหนดพื้นที่ทำการประมงของเรือประมงพื้นบ้าน และประมงพาณิชย์ ให้มีความชัดเจน และรายงานให้ที่ประชุมร่วมพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป และ 5.ให้ส่วนกฎหมายและจัดระเบียบเรือประมง (สน.กม.ศปมผ.) และคณะทำงานจัดทำนโยบาย จัดการด้านการประมงทะเล ชี้แจงรายละเอียดตามข้อคิดเห็นในการประชุมครั้งต่อไป
__________________
Saaychol |
|
#3
|
||||
|
||||
|
แนวหน้า 17-07-15 ส่องแผนเซฟชีวิต วาฬบรูด้า อีก 2 ขั้น ดันสู่ สัตว์สงวน เป็นจริง ![]() สถานการณ์ท้องทะเลไทย ณ ปัจจุบัน ถือได้ว่าอยู่ในขั้น วิกฤติ เพราะทรัพยากรที่เคยสมบูรณ์ นับวันจะยิ่งทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะ กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการ สูญพันธุ์ ระยะหลังๆ ภาพการ เกยตื้นตาย ตามชายหาดของกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก เช่น วาฬ-โลมา-พะยูน-เต่าทะเล ปรากฏให้เห็นมากขึ้นและต่อเนื่อง ซึ่งจากการเก็บข้อมูลสถานการณ์สัตว์ทะเลหายากในประเทศไทยรอบ 12 ปี หรือตั้งแต่ปี 2546-2557 ของ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือ ทช. พบว่า มีสัตว์ทะเลเกยตื้นตาย รวม 2,201 ตัว ประกอบด้วย เต่าทะเล 1,209 ตัว คิดเป็น 55%, โลมาและวาฬ 851 ตัว คิดเป็น 39% และพะยูน 141 ตัว คิดเป็น 6% และในแต่ละปีมีแนวโน้มของการเกยตื้นเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะ..... วาฬบรูด้า!!! ที่ เป็น-ตายเท่าๆกัน เพราะมีอัตราการเกิดและการตายเท่ากันในอัตรา 4-5% น้อยกว่าสัตว์ทะเลกลุ่มเสี่ยงชนิดอื่นๆ จึงถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข ไม่เช่นนั้นในอนาคต วาฬบรูด้า ที่กลุ่มนักอนุรักษ์ยกให้เป็น สัญลักษณ์แห่งอ่าวไทย คงเหลือไว้เพียงชื่อ ![]() นี่จึงกลายเป็นที่มาของการผลักดันให้มีการ ขึ้นบัญชีวาฬบรูด้า ในฐานะ สัตว์สงวน ของกลุ่มนักวิชาการ คนรักวาฬบรูด้า ที่ลุกขึ้นมารณรงค์-เรียกร้องผ่านเว็บไซต์ www.change.org/saveourwhale ซึ่งเมื่อพลิกดูรายชื่อ บัญชีสัตว์ ที่ได้รับการประกาศเป็น สัตว์สงวน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พบว่า ประเทศไทยมีการขึ้นบัญชีสัตว์ไว้ 15 ชนิด ได้แก่ 1.นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร 2.แรด 3.กระซู่ 4.กูปรี หรือโคไพร 5.ควายป่า หรือมหิงสา 6.ละอง หรือละมั่ง 7.สมัน หรือเนื้อสมัน 8.เลียงผา 9.กวางผา 10.นกแต้วแล้วท้องดำ 11.นกกระเรียน 12.แมวลายหินอ่อน 13.สมเสร็จ 14.เก้งหม้อ โดยชนิดที่ 15 ลำดับสุดท้ายที่ได้มีการขึ้นบัญชีเป็นสัตว์สงวนไว้ คือพะยูน หรือ หมูน้ำ ที่ถูกเสนอเป็นสัตว์สงวนในปี 2503 ถ้า วาฬบรูด้า ได้รับการขึ้นบัญชี จะเป็น สัตว์สงวนชนิดที่ 16 ของประเทศไทย จะถือเป็นการทลายกำแพงที่กั้นขวางการขึ้นบัญชี สัตว์สงวน เป็นครั้งแรกในรอบ 55 ปี!!! ข้อมูลของ ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเล และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) หนึ่งในผู้ร่วมผลักดันในเรื่องนี้ ระบุว่า วาฬบรูด้าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเล มีความยาวเกิน 15 เมตร น้ำหนักมากกว่า 20 ตัน จึงถือเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดที่อาศัยอยู่เป็นประจำในประเทศไทย ปกติ วาฬบรูด้า จะเข้ามาหากินในพื้นที่ชายฝั่ง จ.ชลบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และกรุงเทพฯ ทำให้ไทยถือเป็นประเทศเดียวในโลกที่มี วาฬบรูด้า เข้ามาหากินใกล้กับเมืองหลวงมากที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นสัตว์ทะเลชนิดเดียวที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานชื่อ คือ สายสมุทร และสมสมุทร แต่ปัจจุบันมีเพียง 50 ตัว ในอ่าวไทย จึงสมควรต้องอนุรักษ์ไว้ ทั้งนี้ ปริมาณสัตว์ทะเลหายากลดน้อยลงอย่างน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะ วาฬบรูด้า เหลือเพียง 50-70 ตัว และในรอบ 4 ปี วาฬตายมากถึง 15 ตัว ส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ทั้งสิ้น โดยจากการศึกษาจำนวนประชากรวาฬในประเทศไทย ระหว่างปี 2553-2557 พบจำนวนประชากรวาฬบรูด้าในอ่าวไทย 50 ตัว เป็นแม่วาฬบรูด้าที่มีลูก 13 ตัว และพบลูกวาฬเกิดใหม่ 21 ตัว ในแต่ละปีมีลูกเกิดใหม่ 2-5 ตัว อย่างไรก็ตาม ยังมีการตายของวาฬบรูด้าอยู่ระหว่างปีละ 1-4 ตัว ตายสะสมรวม 14 ตัว ในจำนวนนี้เป็นลูกวาฬบรูด้ามากถึง 3 ตัว อัตราการตายเฉลี่ยที่มีมากกว่า ร้อยละ 5 ต่อปี ทำให้กลุ่มประชากรวาฬบรูด้าในอ่าวไทยกลุ่มนี้อยู่ในภาวะความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ พฤติกรรมหากินของวาฬชนิดนี้ ปกติชอบจับกลุ่มกันออกหาอาหาร โดยแหล่งอาหารของวาฬบรูด้ายังใช้เป็นตัวบ่งชี้ความสมบูรณ์ของทะเลในบริเวณดังกล่าวได้ด้วย ซึ่งการพบวาฬบรูด้าในอ่าวไทยตอกย้ำว่าทะเลไทยสมบูรณ์ แค่ไหน จึงถึงเวลาที่จะให้วาฬบรูด้าถูกจัดให้เป็นสัตว์สงวนลำดับที่ 16 เพื่อหยุดความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของวาฬบรูด้า สัตว์ประจำถิ่นขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทยชนิดนี้ ธรณ์ กล่าว จนล่าสุดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ภารกิจผลักดัน วาฬบรูด้า เป็น สัตว์สงวน ได้ผ่านขั้นตอนที่ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อที่ประชุม กรมประมง เห็นควรให้นำเสนอวาฬบรูด้า วาฬโอมูระ ฉลามวาฬ และเต่ามะเฟือง เพื่อเป็นสัตว์สงวน ขั้นตอนต่อไป คือ ส่งผ่านให้คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพิจารณา จากนั้นนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่ออนุมัติออกเป็นรายชื่อแนบท้ายพระราชกำหนดต่อไป เท่ากับเหลือ บันได อีกเพียง 2 ขั้น วาฬบรูด้า และสัตว์ทะเลหายากในกลุ่มเดียวกัน จะขยับขึ้นสู่การเป็น สัตว์สงวน ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงโอกาสที่มันจะอยู่รอดมีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นอกจาก วาฬบรูด้า แล้ว ยังมีสัตว์ทะเลหายากกว่า 20 ชนิด ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จากระบบนิเวศทางทะเลที่เสื่อมโทรมเช่นกัน ซึ่ง ทช. หน่วยงานที่มีส่วนรับผิดชอบไม่ได้นิ่งนอนใจ..... ชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า กรมให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทั้งด้านวิชาการและภาคประชาชน ในส่วนของเครือข่ายด้านวิชาการจะมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และฐานข้อมูลทางวิชาการ ด้านแหล่งการดำรงชีวิตของสัตว์ทะเลหายากแก่เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมหาวิทยาลัยต่างๆ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับเครือข่ายภาคประชาชนและท้องถิ่น ด้วยการสร้างความเข้าใจและให้ความรู้การช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากเบื้องต้นอย่างถูกต้อง กรณีพบสัตว์เหล่านี้ให้ประสานมายังหน่วยงานของกรม นั่นจะทำให้สัตว์เหล่านี้มีโอกาส รอดชีวิต ได้มากขึ้น การนำเสนอ วาฬบรูด้า วาฬโอมูระ ฉลามวาฬ และเต่ามะเฟือง เป็น สัตว์สงวน ถือเป็นการยกระดับความสำคัญของสัตว์เหล่านี้ ซึ่งเป็นสัตว์ที่นักท่องเที่ยวและนักดำน้ำทั่วโลกให้ความสนใจ ถ้าประเทศไทยมีแผนการอนุรักษ์และการจัดการที่ชัดเจน จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในด้านการศึกษาวิจัย การอนุรักษ์ และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรมได้
__________________
Saaychol |
|
#4
|
||||
|
||||
|
สำนักข่าวอิศรา 19-07-15 นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ชี้ยกเลิกอวนรุนสัตว์น้ำทะเลกลับมาถึง 50% ![]() นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย เผยยกเลิกใช้ 'อวนรุน' สัตว์น้ำทะเลกลับมาสมบูรณ์ 50% ขอบคุณรัฐบาลกล้าตัดสินใจ พร้อมตั้งข้อสงสัยไม่ยกเลิกอวนลากเพราะเชื่อมโยงธุรกิจอาหารสัตว์หรือไม่ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) มีการประชุมการติดตามความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาตามข้อสังเกตในการตรวจเยี่ยมของคณะสหภาพยุโรป ครั้งที่ 11โดยในการประชุมดังกล่าวมีมติให้ยกเลิกอวนรุนในการทำประมง นายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา หลังศปมผ. มีมติให้ยกเลิกอวนรุนในการใช้เป็นเครื่องมือทำประมง ว่า การที่รัฐบาลกล้าตัดสินใจยกเลิกอวนรุนถือว่าพอใจในระดับหนึ่ง แต่หากจะให้พอใจที่สุดจะต้องยกเลิกอวนลากด้วยต้องทำแบบที่ประเทศอินโดนีเซียทำ พันธุ์สัตว์น้ำทะเลต่างๆจะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตามเพียงแค่ยกเลิกอวนรุน โพงพาง เรือปั่นไฟ ก็สามารถช่วยเรียกคืนพันธุ์สัตว์น้ำทะเลได้ถึง 50% แล้ว ส่วนอีก 50% ที่จะต้องทำต่อไปคือการยกเลิกอวนลาก แต่ในการประชุมไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องของอวนลากเลยสักนิด นายบรรจง กล่าวถึงการเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวนั้นเข้าไปในฐานะผู้ให้ข้อมูลไม่ใช่คณะกรรมการ คนที่เคาะมติที่ประชุมคือพล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ซึ่งยกเลิกอวนรุนให้ ส่วนในเรื่องของอวนลากได้พยายามอธิบายและยกข้อมูลงานวิจัยจากกรมประมงว่า อวนลากทำลายสัตว์น้ำอย่างรุนแรง สัตว์ที่จับมาได้จากอวนลากสามารถนำมาบริโภคได้เพียง 30% ส่วน70% คือนำไปทำอาหารสัตว์ ดังนั้นจึงตั้งข้อสังเกตว่า ที่ไม่กล้าเคาะอาจจะเป็นเพราะอวนลากเชื่อมโยงกับธุรกิจประเภทอาหารสัตว์ ฉะนั้นหากอยากให้การยกเลิกอวนลากสำเร็จสังคมอาจจะต้องช่วยกันกดดันให้มากกว่านี้ สำหรับปริมาณอวนรุนกับอวนลากในขณะนี้มีอวนประเภทไหนมากกว่ากัน นายบรรจง กล่าวว่า ถ้าดูทั้งหมดไม่นับเฉพาะลงทะเบียนอวนรุนจะมากกว่ามีอยู่เป็นหมื่นลำ ส่วนอวนลากมีน้อยกว่าก็จริง แต่ถุงอวนมีขนาดที่แน่นมากแม้แต่นิ้วก้อยยังออกไม่ได้หากติดอยู่ในอวนลาก ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่อนาคตจะต้องผลักดันให้มีการยกเลิกเนื่องจากอวนลากเป็นสาเหตุให้ชุมชนประมงพื้นบ้านล่มสลาย แต่ก็ขอบคุณที่รัฐบาลกล้าตัดสินใจสำหรับการยกเลิกอวนรุน ![]() ด้านแหล่งข่าวจากกรมประมง ให้ข้อมูลว่า สำหรับการยกเลิกเครื่องมือประเภทอวนรุนนั้น ทางพล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้พยายามเร่งเพื่อที่จะประกาศใช้อย่างเร็วที่สุด ส่วนกรอบกำหนดระยะเวลาว่าจะมีการประกาศใช้เมื่อไหร่นั้นยังไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่พยายามจะทำให้เร็วที่สุด ส่วนเครื่องมือประเภทอวนลากสำหรับการประชุมเมื่อวันที่ 16 ก.ค.คือไม่มีการนำเข้าประชุม แต่ก็มีการพูดคุยกันอยู่ เมื่อถามว่าประชุมในครั้งต่อไปจะมีการนำเรื่องอวนลากเข้าที่ประชุมหรือไม่ แหล่งข่าวจากกรมประมง กล่าวว่า ไม่ทราบขึ้นอยู่กับประธานศปมผ.
__________________
Saaychol |
|
#5
|
||||
|
||||
|
GREENPEACE 19-07-15 การให้อาหารปลาในแนวปะการัง อย่าคิดว่าไม่มีผลกระทบ!! ![]() เมื่อวันหยุดยาวมาถึง จุดมุ่งหมายของคนเมืองหรือมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ น่าจะเป็นการนอนชิลริมทะเลหรือดำน้ำเพื่อคลายร้อนและชื่นชมแนวปะการังและฝูงปลาที่ทะเลสวยๆสักแห่งหนึ่ง กระแสข่าวที่มีการถกเถียงกันเรื่องการให้อาหารปลาในแนวปะการังเพื่อหลอกล่อให้เจ้าฝูงปลาสีสวยในแนวปะการังมารวมฝูงเพื่อถ่ายรูปด้วยความภาคภูมิใจถึงความสวยงามของทะเลไทย แต่เขาเหล่านั้นกลับทำร้ายทะเลและระบบนิเวศโดยไม่รู้ตัว เรามาดูกันว่าพฤติกรรมเช่นนี้ทำร้ายหรือสร้างผลกระทบอะไรบ้าง 1. สัญชาติญาณในการระวังภัยตามธรรมชาติหายไป ทำให้เสี่ยงต่อการถูกทำร้ายจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ เช่นการว่ายน้ำเข้าหาเรืออาจจะมีความเสี่ยงถูกใบพัดเรือบาดได้ 2. พฤติกรรมสัตว์น้ำเปลี่ยนไปเมื่อมีการให้อาหาร พฤติกรรมการกินของปลาจึงเปลี่ยนไป เนื่องจากเมื่อมันกินขนมปังหรืออาหารอื่นที่นักท่องเที่ยวให้จนอิ่ม มันจึงไม่กินอาหารตามธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดการขาดสารอาหาร สุขภาพสัตว์น้ำอ่อนแอและตายในที่สุด 3. ส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ เมื่อมีการให้อาหารในบริเวณนั้นๆปลาจะมารวมฝูง โดยเฉพาะ เจ้าสลิดหินเมื่อมันรวมฝูงใหญ่จะมีนิสัยก้าวร้าวและมันจะมาไล่ปลาอื่น ๆ ออกจากบริเวณนั้น ในที่สุดปลาที่มีนิสัยสุภาพเรียบร้อย เช่น ปลาผีเสื้อ ปลาสินสมุทร ก็จะลดจำนวนลง และต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น ทำให้ระบบนิเวศบริเวณนั้นเสียความสมดุล 4. แนวปะการังเสียหาย สิ่งปฏิกูลที่เกิดจากการย่อยสลายของเศษอาหารและการขับถ่ายของปลาส่งผลให้เกิดการเจริญเติบโตของสาหร่ายบางชนิดอย่างรวดเร็วและไปปกคลุมบริเวณปะการังส่งผลให้แนวปะการังเสื่อมโทรมและตายในที่สุด 5. เกิดการสะสมสารพิษในห่วงโซ่อาหาร ขนมปังที่นำมาใช้เป็นอาหารปลาโดยส่วนใหญ่จะเป็นขนมปังที่หมดอายุซึ่งอาจจะมีเชื้อราและสารอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ซึ่งมีความเป็นพิษสูงปนเปื้อนอยู่ เมื่อปลากินเข้าไปก็จะไปสะสมและเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารในที่สุด เช่นเดียวกับการให้อาหารปลารอบๆเรือ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีคราบน้ำมันบริเวณผิวน้ำโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีเรือท่องเที่ยวจอดรวมกัน คราบน้ำมันเหล่านี้จะซึมเข้าสู่อาหารที่ลอยอยู่ที่ผิวน้ำ เมื่อปลาตัวเล็กกินอาหารเหล่านี้เข้าไปสารพิษในน้ำมันก็จะสะสมในตัวปลาและส่งต่อสู่สายอาหารต่อกันไปเป็นทอดๆและผู้บริโภคสูงสุดในห่วงโซ่อาหารคือมนุษย์นั่นเอง ให้อาหารปลาผิดกฎหมาย! กรมอุทยานแห่งชาติทางทะเลได้มีประกาศ ห้ามให้อาหารปลาในเขตอุทยานฯ อย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนถือว่ามีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2555 โดยมีโทษจับและปรับ 500-10,000 บาท ส่วนการให้อาหารปลานอกเขตอุทยานฯ ขณะนี้ยังไม่ผิด แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ก็จะผิดแน่นอน ทางที่ดีก็คือไม่ควรให้อาหารปลาไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น อ้างอิง: Feeding or Harassing Marine Mammals in the Wild is Illegal and Harmful to the Animalslink: http://www.nmfs.noaa.gov/pr/dontfeedorharass.htm
__________________
Saaychol |
|
#6
|
||||
|
||||
|
คม ชัด ลึก 21-07-15 กวาดล้างเครื่องมือประมงทำลายสัตว์น้ำ เสียงสะท้อนบวก-ลบ ต่อนโยบายรัฐ ............................ โดย ทีมข่าวภูมิภาค ![]() ผลจากการประชุมติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหา ตามข้อสังเกตในการตรวจเยี่ยมของคณะสหภาพยุโรป ของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) ที่มี พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้บัญชาการ ผบ.ศปมผ. เป็นประธาน ณ ห้องประชุมกองทัพเรือ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย ตัวแทนจากกองทัพเรือ, จุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมประมง, ธงชัย พงษ์วิชัย ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานเรือ กรมเจ้าท่า รวมทั้งผู้แทนจากสมาคมประมงต่างๆ รวมทั้งตัวแทนกลุ่มประมงพื้นบ้าน ในมติที่ออกมารวม 5 เรื่อง น่าสนใจว่า มีการพาดพิงไปถึงเรื่องการควบคุมเครื่องมือการทำประมงประกอบด้วย ให้ส่วนกฎหมายและจัดระเบียบเรือประมง ในสังกัด ศปมผ. ออกประกาศยกเลิกเครื่องมือทำการประมงที่ทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำได้แก่ อวนรุน (ยกเว้นอวนรุนเคย), ไอ้โง่, อวนล้อมปลากระตักปั่นไฟ และโพงพาง, ให้กรมประมงกำหนดจำนวน และขนาดเครื่องมือทำการประมง ที่ใช้กับเรือประมงแต่ละประเภท โดยรายงานให้ที่ประชุมร่วมพิจารณาในการกระชุมครั้งต่อไป ให้สำนักงานเลขานุการ ศปมผ. ร่วมกับกรมประมง และกรมเจ้าท่า ดำเนินการกำหนดพื้นที่ทำการประมงของเรือประมงพื้นบ้าน และประมงพาณิชย์ ให้มีความชัดเจน และรายงานให้ที่ประชุมร่วมพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป ทั้งนี้ โพงพาง, ลอบไอ้โง่ หรือลอบรถไฟ, อวนล้อมปลากะตัก และอวนรุน เครื่องมือเหล่านี้ ถือเป็นอุปกรณ์ประมงที่มีส่วนต่อการทำลายทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ชายฝั่งอย่างรุนแรง ส่งผลให้สัตว์น้ำชายฝั่งลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากลักษณะของการจับสัตว์น้ำ คือการจับเอาตัวอ่อนหรือตัวเจริญพันธุ์ไปด้วย ทั้งนี้ปัญหาการทำลายล้างทรัพยากรทางธรรมชาติ โดยไร้การควบคุม จากการลักลอบใช้เครื่ิองมือทำประมง ที่่ไม่ได้รับอนุญาต เป็นอีกประเด็นที่รัฐบาลหันมาให้ความสำคัญ ต่อการที่จะดำเนินการอย่างจริงจัง ดังนั้นการยกเลิกเครื่องมือทำประมงข้างต้น หากบังคับใช้ได้จริง จึงหมายถึงการที่จะฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ เอื้ิอต่อการทำประมงทุกส่วน ทั้งประมงพื้นบ้าน และประมงพาณิชย์ เป็นการลดความขัดแย้งระหว่างประมง 2 ฝ่ายที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว "อำนาจ ศิริเพชร นักวิชาการประมง สำนักงานประมง นครศรีธรรมราช แสดงความคิดเห็นว่า หากยุติเครื่องมือทำลายล้างเหล่านี้ จะมีส่วนต่อการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนไทยในภาคประมงพื้นบ้านได้มากกว่า 2 แสนคน กระจายไปทั้ง 22 จังหวัดชายฝั่ง เป็นการกลับมาสร้างความมั่นคงให้แก่ภาคการประมงได้ทันที และถ้ายกเลิกอวนลากได้ ปะการังเทียมที่ทำมาแล้ว 37 ปี จะกลับมาทำหน้าที่ฟื้นฟูทรัพยากรให้แหล่งประมงชายฝั่งทันที ทุกวันนี้ อวนลากและปั่นไฟล่อปลาออกมาจากปะการังเทียมแล้วล้อมจับ มีส่วนต่อการทำลายพันธุ์สัตว์น้ำแบบล้างผลาญ ขณะที่ สุกิจ รัตนวินิจกุล ประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ที่ผ่านมาเครื่องมือทำลายล้างที่เป็นปัญหาของนครศรีธรรมราชมากที่สุดคือ “ไอ้โง่” ที่ระบาดอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในแถบอ่าวปากพนัง และอ่าวท่าซัก สำหรับ “ไอ้โง่” หรือ “คอนโดดักปลา” เป็นอุปกรณ์ดักปลา ใช้วางดักปลา มีลักษณะเป็นโครงเหล็ก หุ้มด้วยตาข่ายไนลอนคล้ายๆ ลอบดักปลา แต่เอาหลายๆ อันมาวางเรียงกลับหัวกลับหาง ความยาวของ “ไอ้โง่” หรือ “คอนโดดักปลา” อยู่ที่ขนาดและจำนวนลอบที่ใช้ทำ โดย “ไอ้โง่” จะใช้วางตามร่องน้ำ สามารถดักสัตว์น้ำได้ทุกชนิด ที่ผ่านมาการใช้ “ไอ้โง่”ได้รับความนิยม เพราะลงทุนและใช้แรงงานน้อย เพียงเอาไปวางไว้ตามร่องน้ำ ถึงเวลาก็ไปเก็บกู้ เช่นเดียวกับโพงพาง ที่มีปัญหาอยู่ในร่องน้ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ก็จะนำเรือออกไปรื้อถอน แต่ชาวประมงก็จะกลับมาติดตั้งใหม่ แต่หลังจากนี้ไป หากมีบทลงโทษที่ชัดเจน ก็น่าจะควบคุมได้ สุพร โต๊ะเส็น นายกสมาคมเครือข่ายประมงพื้นบ้านท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราข กล่าวว่า เห็นด้วยกับการประกาศควบคุมเครื่องมือประมงทำลายล้าง ประมงพื้นบ้าน พร้อมที่จะส่งเสริมแนวทางนี้ของกรมประมงอย่าง "ผมอยากให้กลุ่มประมงพาณิชย์เปิดใจ ยอมรับว่า ที่ผ่านมาการจับสัตว์น้ำด้วยเครื่ิองมือเหล่านี้ สัตว์น้ำที่ได้ไปนั้นล้วนเป็นสัตว์วัยอ่อน วัยเจริญพันธุ์ ทั้งที่ควรจะอนุรักษ์และจับเมื่อถึงเวลาที่แท้จริง ที่ผ่านมาภาครัฐมีความอ่อนแอในเรื่องเวลาและกำลังคน ขณะที่กฎหมายล้าสมัยไม่ทันกับวิธีการประมง การพัฒนาเครื่องมือแบบทำลายล้างจึงเกิดขึ้น การที่รัฐจะมาบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จึงเป็นความหวังว่าจะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติกลับมาอุดมสมบูรณ์เกิดการกระจายทรัพยากรในรูปของการแบ่งปัน" สุพร กล่าว ขณะเดียวกันในส่วนของประมงพาณิชย์ กลับมองต่างมุมกันอย่างสิ้นเชิง พงศธร ชัยวัฒน์ นายกสมาคมประมงสมุทรสงคราม กล่าวว่า การยกเลิกเครื่องมือทำประมงประเภทอวนรุน อวนล้อมปลากะตักปั่นไฟ ไอ้โง่ และโพงพาง แนวทางนี้ ไม่เห็นด้วยเพราะในทางปฏิบัติแล้ว มีวิธีบริหารจัดการที่ชาวประมงไม่ต้องเดือดร้อนได้ เช่นการขยายขนาดตาอวน การจำกัดพื้นที่ทำการประมง หรือจำกัดโควตาการจับปลา โดยเฉพาะปลากะตัก เพราะต่างประเทศก็จับปลากะตักเหมือนกัน ทั้งนี้ เครื่องมือทำประมง 4 ประเภท ประกอบด้วยอวนลากคู่ อวนลากเดี่ยว อวนรุน และอวนล้อมปลากะตักปั่นไฟ ควรให้อยู่เหมือนเดิมเพียงแต่ต้องมีการบริหารจัดการว่าเครื่องมือประมงทั้ง 4 ประเภทจะจัดการอย่างไร เช่นอวนปลากะตัก กำหนดให้ว่าทั่วประเทศสามารถจับได้เท่าไรต่อปี เมื่อจับได้ครบก็หยุดจับ การไม่ให้จับปลากะตักคงทำไม่ได้เพราะอย่างไรคนไทยก็ยังบริโภคปลากะตักอยู่ ส่วนเรืออวนรุนควรไปบริหารจัดการตาอวน ระยะเวลาการทำประมง หรือพื้นที่การทำประมง "หากยกเลิกชาวประมงคงเดือดร้อน และอุตสาหกรรมต่อเนื่องประมงตั้งหลักไม่ทัน ต่างประเทศไม่ได้หักดิบอย่างนี้ เขาเอาวิธีบริหารจัดการมาแก้ปัญหา เพื่อให้ทรัพยากรคงอยู่ คนคงอยู่ และวิถีชีวิตคงอยู่ การยกเลิกเลย ภาครัฐมีแผนรองรับแก้ไขความเดือดร้อนให้เขาหรือยัง ที่สำคัญกลุ่มประเทศยุโรปไม่ได้บอกให้ยกเลิกเครื่องมือประมง แต่ให้บริหารจัดการทรัพยากรให้ดี” นายกสมาคมประมงสมุทรสงคราม กล่าว บุญยืน ศิริธรรม ที่ปรึกษาเครือข่ายอนุรักษ์พิทักษ์ดอนหอยหลอด ต.บางแก้ว จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า คำถามที่ต้องการคำตอบคือ เมื่อมีการยกเลิกเครื่องมือทำการประมงแล้วจะเยียวยาชาวประมงที่ได้รับผลกระทบอย่างไร "อวนรุนใน จ.สมุทรสงคราม ส่วนใหญ่ถูกกฎหมาย มีใบอนุญาตถูกต้อง มีอาชญาบัตร เท่าที่ฟังมาจะมีการยกเลิกกลุ่มที่ผิดกฎหมายก่อน แต่ต้องมาดูกลุ่มที่ถูกกฎหมายว่ายกเลิกแล้วจะเยียวยาอย่างไร ที่คิดว่าจะเลิกเครื่องมือประมง คิดอย่างไรก็ได้เพราะนั่งในห้องแอร์ ในฐานะนักอนุรักษ์คิดว่าต้องให้คนอยู่ได้ และปลาอยู่ได้” บุญยืน กล่าว บุญยง นิ่วบุตร นายกสมาคมชาวประมง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี กล่าวว่า การเลิกเครื่องมือทำประมงแบบล้างผลาญเป็นการดี เพราะทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างรุนแรง “การยกเลิกเครื่องมือประมงบางประเภทมีทั้งผลดี และผลเสีย ซึ่งหากเป็นเครื่องมือล้างผลาญทรัพยากรสัตว์น้ำก็ต้องเลิก แต่ภาครัฐต้องมาช่วยเหลือเยียวยาแก้ปัญหาความเดือดร้อนผู้ได้รับผลกระทบ เพราะชาวประมงบางคนไม่ใช่คนรวย ทำประมงแล้วเป็นหนี้ บางรายเป็นหนี้เยอะมาก เพราะการทำประมงลงทุนสูง ทั้งเรือประมง เครื่องมือทำประมง ค่าน้ำมัน ค่าแรงงาน ต้องใช้เงินทุนทั้งนั้น" บุญยง กล่าว สุชาติ เสือนาค สมาชิกเครือข่ายรักษ์อ่าวไทยตอนบน จ.เพชรบุรี กล่าวว่า เห็นด้วยที่มีการยกเลิกเครื่องมือประมงล้างผลาญ ทั้งไอ้โง่ อวนล้อมปลากะตักปั่นไฟ และอวนรุน โดยไอ้โง่เป็นเครื่องมือล้างผลาญเพราะจับสัตว์น้ำหมดไม่เว้นสัตว์น้ำวัยอ่อน เรือปลากะตักปั่นไฟเมื่อไม่ได้ปลากะตัก ก็จับลูกปลาทูวัยอ่อนขนาดประมาณ 1 นิ้ว หรือ 1 นิ้วเศษๆ มาแทน เอาขึ้นจากทะเลมาครั้งละ 1-3 ตัน เป็นการล้างผลาญเผ่าพันธุ์ปลาทู ส่วนอวนรุน ก็จับปลาทุกชนิดทั้งปลาหน้าดิน ปลากลางน้ำ และปลาผิวน้ำ "ที่่ผมไม่อยากให้ยกเลิกคือโพงพาง เพราะเป็นเครื่องมือทำการประมงอยู่กับที่ ไม่ได้เคลื่อนที่ไปหาสัตว์น้ำ เป็นภูมิปัญญาของคนโบราณ อวนลากก็เลียนแบบโพงพาง แต่อวนลาก ลากออกไปหาปลาจับสัตว์น้ำได้เยอะ ส่วนโพงพางจับสัตว์น้ำได้น้อย ไม่ใช่อุปกรณ์การประมงที่ล้างผลาญ รัฐต้องรอบคอบ" สุชาติ กล่าว นี่เป็นเสียงสะท้อนต่อแนวทางที่รัฐจะเข้าบริหารจัดการภาคประมง
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 21-07-2015 เมื่อ 21:36 |
|
#7
|
||||
|
||||
|
ประชาชาติธุรกิจ 21-07-15 "ส่วย" อีกหนึ่งต้นเหตุ ปลาอ่าวไทยลดวูบ ![]() นายพงษ์ธร ชัยวัฒน์ รองประธานกรรมการบริหารสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวถึงประเด็นภาครัฐจัดระเบียบไม่ให้มีการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ว่า เรือประมงกว่า 40% ต้องหยุดหาปลา แม้ว่าศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) จะผ่อนผันกฎระเบียบลดลงจาก 15 ข้อเหลือ 8 ข้อ แต่ปลาหน้าดินหายไปกว่า 40% ส่งผลกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล ตลาดปลาแม่กลองที่เปิดอีกครั้งเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา รถบรรทุกขนาดใหญ่เคยวิ่งเข้าตลาดวันละ 40-50 ตู้ เหลือเพียง 2-3 ตู้ต่อวัน รถบรรทุกขนาดเล็กที่วิ่งเข้าวันละ 100 กว่าตู้ เหลือเพียง 10 ตู้ ทำให้แพปลาต้องคัดคนงานออก ขณะที่เรือประมงต้องวิ่งเคลียร์หนี้สินทั้งในและนอกระบบ "ที่ระนองเรือที่มีอาชญาบัตรเครื่องมือจับปลาถูกต้อง มีเรืออวนลากเพียง 2 คู่ จากปกติมีมากกว่า 100 ลำ เมื่อเป็นเช่นนี้ องค์การสะพานปลา (อสป.) จะรับมือกับผลกระทบอย่างไร เพราะรายได้จะลดลงจากที่เคยได้ค่าธรรมเนียมเรือประมงเทียบท่า 1% ของมูลค่าปลา การขายน้ำแข็ง ค่าจอดรถ" ปลาในทะเลอ่าวไทยขณะนี้ การปิดอ่าวเพื่อให้ปลาวางไข่เริ่มล้มเหลว ทะเลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร มีระบบส่วย เรือประมงที่ต้องการละเมิดกฎหมายจับปลา 30-50 ลำ จ่ายค่าส่วยลำละ 3-5 แสนบาท กำไรยังเหลือลำละเป็นล้านบาท มาปีนี้ปิดอ่าวไทยอีก มีเรือจ่ายส่วย 100 กว่าลำเข้าไปจับปลาในเขตห้าม โดยเก็บลำละ 5 แสนบาท ฉะนั้นการปิดอ่าวตัว ก.ในอ่าวไทยจะล้มเหลวอีก เพราะวงจรปลาถูกตัดไปตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และชุมพร ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์ นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย กล่าวถึงแผนการนำเข้าปลาจากต่างประเทศมาชดเชยปลาที่ขาดแคลนในไทยว่า คงต้องรออีกประมาณ 1 เดือนให้คณะรัฐมนตรีอินโดนีเซียปรับ ครม.ก่อน การเจรจาให้อินโดฯเปิดน่านน้ำจับปลาน่าจะสะดวกขึ้น เท่าที่ดูจากเงื่อนไขให้เรือประมงต่างชาติต้องลงทุนหรือร่วมทุนแปรรูปสัตว์ น้ำเบื้องต้น ก็คงจะมีการลงหุ้นกับคู่ค้าในอินโดฯต่อไป เช่น การร่วมหุ้นในโรงงานทำเนื้อปลาบดหรือซูริมิเพื่อส่งออกมาไทยอีกทอดหนึ่ง เรือประมงนอกน่านน้ำของไทย จับปลาที่อินโดนีเซียมากที่สุด แต่หยุดหาปลามา 8 เดือนแล้ว เนื่องจากทางรัฐมนตรีกระทรวงการประมง ต้องการตรวจสอบความถูกต้องของเรือว่าทำประมงถูกกฎหมายหรือไม่ ต้องยอมรับว่า เขตอินโดฯเหนือที่อยู่ใกล้ไทย ตั๋วปลอมหรือใบอนุญาตจับปลาไม่ถูกกฎหมายมีมาก ส่วนใหญ่เป็นเรือประมงแช่น้ำแข็งจากปัตตานี สงขลา และนครศรีธรรมราช จับปลาได้ประมาณ 3-4 แสนตัน/ปี เมื่ออินโดฯจะตรวจสอบ เรือเหล่านี้จะวิ่งกลับไทยหมด เหลือแต่เรือประมงที่ถูกต้องให้อินโดฯตรวจสอบ ในส่วนการประมงเขตอินโดฯใต้ ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสมาคม จับปลาโดยถูกต้องตามกฎหมาย จับได้ปีละประมาณ 3-4 แสนตัน
__________________
Saaychol |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|