![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
แพทย์แนะ อย่าใช้ผักบุ้งทะเล-หญ้าทะเล แก้พิษแมงกะพรุน เสี่ยงหนักกว่าเดิม ![]() (ที่มาภาพ: pharmacy.mahidol.ac.th) (9 ต.ค.58) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันลงเล่นน้ำและโดนแมงกะพรุนกล่อง ที่เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมักพบปัญหาลักษณะนี้ทุกปี โดยล่าสุด รศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการจัดการอย่างถูกวิธี รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ว่า รายงานนักท่องเที่ยวเสียชีวิจจากแมงกะพรุนพิษขณะเที่ยวชายทะเลในประเทศไทยนั้น พบไม่มากไม่น้อย อย่างแมงกะพรุนกล่องในแต่ละปีจะพบเสียชีวิตประมาณ 2-3 ราย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากรมฯ ได้มีมาตรการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) และท้องถิ่น อย่างองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ในการติดป้ายคำเตือนจุดเสี่ยงต่างๆ ซึ่งจุดเสี่ยงพบแมงกะพรุน ทางทช.จะมีข้อมูลอยู่ โดยกรมฯจะมีข้อความคำเตือน และท้องถิ่นจะนำไปดำเนินการติดตั้ง ในส่วนของการอบรมบุคลากรทางการแพทย์ตามโรงพยาบาลในพื้นที่นั้นเรามีการอบรมเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาตลอด ซึ่งในสมุยก็จะเป็นโรงพยาบาลในเกาะสมุย รวมไปถึงจุดเสี่ยงต่างๆ ซึ่งทราบว่าเป็นบริเวณรอบชายหาดอ่าวไทยและอันดามัน แต่มีพื้นที่ไหนบ้าง คงต้องขอทาง ทช. อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องช่วยกันหมด ซึ่งก็เห็นด้วย ในทางกลับกันนักท่องเที่ยวต้องสังเกตป้ายคำเตือนด้วย ที่สำคัญเมื่อถูกแมงกะพรุนกล่องพิษ ไม่ควรขยี้ หรือไปเอาหญ้าทะเล ผักบุ้งทะเล แต่ควรนำน้ำส้มสายชู ซึ่งในจุดเสี่ยงจะมีแขวนไว้ให้ แต่หากไม่มีจริงๆ ให้รีบหาน้ำส้มสายชูที่ประกอบอาหารทั่วไป ใช้ได้หมด เทล้าง แต่ไม่ต้องถู พิษจะเบาบาง หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าผักบุ้งทะเลใช้ได้ แต่จริงๆสำหรับพิษแมงกะพรุนไฟ ซึ่งส่วนใหญ่แยกไม่ถูก ดังนั้น หากเป็นไปได้ใช้น้ำส้มสายชูก็ได้ เพราะแมงกะพรุนไฟไม่มีพิษร้ายถึงชีวิต นพ.โอภาส กล่าว ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีจะพบแมงกะพรุนกล่องได้เฉพาะชายฝั่งช่วงกลางคืนหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ไม่เฉพาะกลางคืน เพียงแต่แมงกะพรุนกล่องจะเคลื่อนตัวหาแสงสว่าง และกินพวกลูกกุ้ง ลูกปลา แต่ไม่ยืนยันว่าเจอมากตอนกลางคืนหรือกลางวัน คงต้องถามผู้เชี่ยวชาญ ในส่วนของ สธ.จะเน้นเรื่องการรักษาพยาบาลเป็นหลัก นอกจากนี้ นพ.โอภาส กล่าวว่า ลักษณะแมงกะพรุนกล่อง มีลักษณะโปร่งใส สีฟ้าอ่อน รูปร่างคล้ายลูกบาศก์ มีหนวดบางๆ 12-15 เส้น ในแต่ละมุม โดยหนวดแมงกะพรุนชนิดนี้อาจยาวได้ถึง 3เมตร แมงกะพรุนกล่อง มีถุงพิษอยู่ที่สายหนวด ส่วนแมงกะพรุนไฟ มีลักษณะทั่วไปคล้ายร่ม แต่มีสีลำตัวและหนวดเป็นสีแดงสดหรือสีส้ม ด้านบนมีจุดสีขาวอยู่ทั่วไป อย่างไรก็ตาม สำหรับแมงกะพรุนกล่องจะมีพิษมากถึงล้านเซลล์ โดยที่ในการสัมผัสสายหนวดครั้งแรกมักมีการยิงพิษเพียงร้อยละ 10-20 ของถุงพิษทั้งหมด แต่หากช่วยเหลือขั้นต้นผิดวิธีจะทำให้ถุงพิษที่เหลืออีกร้อยละ 80-90 เกิดการยิงพิษเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่โดนสายหนวดดังกล่าว ดังนั้นการช่วยเหลือเบื้องต้นที่ถูกวิธีจึงมีความสำคัญมากในการลดความรุนแรงของการได้รับพิษ โดยห้ามถูหรือขยี้บริเวณถูกพิษเด็ดขาด http://www.matichon.co.th/news_detai...sid=1444387169
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก คม ชัด ลึก
เตือนประชาชนระวังพิษจากแมงกะพรุน ........................... ดูแลสุขภาพ โดย รศ.นพ.นภดล นพคุณ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ![]() นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังฯ ขอฝากเตือนให้ระวังแมงกะพรุน ไม่ว่าจะเป็นแมงกะพรุนไฟและแมงกะพรุนกล่อง ซึ่งการเล่นน้ำทะเลไม่ควรลงเล่นน้ำหลังฝนตกและในช่วงเวลากลางคืน ถ้าหากรู้สึกว่าโดนแมงกะพรุน ให้รีบล้างด้วยน้ำทะเลและใช้น้ำส้มสายชูราดบริเวณถูกพิษและไปรักษาที่โรงพยาบาลโดยด่วน แมงกะพรุนกล่อง เป็นสัตว์น้ำที่อยู่อาศัยในแถบทะเลเแถวอินโดจีนและทะเลแปซิฟิก มีหลายสายพันธุ์ ชนิดที่รุนแรงมากที่สุด ได้แก่ Chironexfleckeri ซึ่งพบมากที่สุดด้านเหนือของทวีปออสเตรเลีย แถบน่านน้ำของมาเลเซียพบ Chiropsalmusquadrigatus ส่วนในประเทศญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์มักพบเป็นชนิด Chironexyamaguchi สำหรับในประเทศไทยสามารถพบแมงกะพรุนกล่องได้ตั้งแต่บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ฤดูที่แมงกะพรุนกล่องจะเข้าใกล้ชายฝั่ง จะต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น ในออสเตรเลียความเสี่ยงจะสูงสุดช่วงระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคม แมงกะพรุนชนิดนี้โปร่งแสง ทำให้มองเห็นในน้ำได้ยาก ลำตัวของ Chironexfleckeri(bell) เป็นรูปสี่เหลี่ยมเหมือนกล่อง ขนาดโตเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 16-24 ซม. มีหนวด (tentacles) ที่มุมทั้งสี่จำนวน 15 หนวดต่อมุม ขณะว่ายน้ำหนวดจะหดตัวทำให้มีความยาวเพียง 15 ซม. แต่ขณะออกล่าเหยื่อหนวดจะยืดยาวได้ถึง 3 เมตร แมงกะพรุนกล่องสามารถว่ายน้ำล่าเหยื่อได้ด้วยความเร็วสูง ต่างจากแมงกะพรุนแท้ (scyphozoan) ที่จะลอยไปมารอให้เหยื่อมาสัมผัสเอง แมงกะพรุนกล่องจะล่าปลาขนาดเล็กเป็นอาหาร อันตรายจากแมงกะพรุนกล่อง เมื่อหนวดของแมงกะพรุนสัมผัสได้ถึงตัวกระตุ้นที่เป็นแรงกดร่วมกับสารเคมีที่อยู่บนผิวของเหยื่อ จะมีการฉีดสารพิษเข้าสู่ผิวของเหยื่อ เมื่อโดนพิษของแมงกะพรุนกล่องจะมีอาการปวดแสบอย่างรุนแรงทันทีในบริเวณที่โดน ส่วนใหญ่ผู้ที่โดนแมงกะพรุนกล่องจะมีอาการเพียงเล็กน้อย แต่บางคนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ พิษจากแมงกะพรุนชนิดนี้มีความรุนแรงมาก หากบริเวณสัมผัสเกินร้อยละ 10 ของผิวหนังทั่วตัวอาจทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 5 นาที หรืออาจจะเสียชีวิตภายในเวลา 20 นาทีหลังจากการสัมผัสแมงกะพรุนกล่อง แต่หากเกิน 20 นาทีไปแล้วยังมีชีวิตอยู่แสดงว่าอาการไม่รุนแรงมากจนถึงแก่ชีวิต ทั้งนี้สารพิษจากแมงกะพรุนกล่องสามารถออกฤทธิ์ได้หลายรูปแบบ เช่น ทำให้ระบบหมุนเวียนของโลหิตและปอดล้มเหลว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ผิวหนังแพ้หรือผิวหนังตายได้ จากสถิติในประเทศออสเตรเลียพบผู้เสียชีวิตจากพิษแมงกะพรุนดังกล่าวอย่างน้อย 63 รายในระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1884-1996 และเด็กจะมีโอกาสเสี่ยงเลียชีวิตมากที่สุด วิธีการรักษาโดยส่วนใหญ่ผู้ที่โดนแมงกะพรุนกล่องที่ผิวหนัง จะมีอาการเพียงเล็กน้อย (ขึ้นกับความกว้างของบริเวณที่โดนพิษ) แต่บางคนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ในเบื้องต้นหากโดนหนวดของแมงกะพรุ่นกล่อง อย่าแกะหรือขยี้เนื่องจากหนวดยังสามารถปล่อยพิษต่อได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง ให้ใช้น้ำส้มสายชู (ความเข้มข้นของกรดอะซิติคอยู่ระหว่างร้อยละ 3-10) ชะล้างบริเวณที่หนวดเกาะอยู่และบริเวณรอบๆ เป็นเวลา 30 วินาที ค่อยแกะเอาหนวดออกโดยใช้ผ้าปัดออก หากโดนในตา ให้ล้างด้วยน้ำเกลือ 0.9 เปอร์เซ็นต์หรือน้ำเปล่า แล้วรีบไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูแผลและสังเกตอาการ หากมีอาการระบบหัวใจและปอดล้มเหลวจะต้องปฏิบัติการกู้ชีพโดยด่วน การรักษาโดยทั่วไปจะเป็นการรักษาตามอาการในประเทศออสเตรเลียได้มีการผลิตซีรั่มต้านพิษแมงกะพรุนกล่อง แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการนำเข้าซีรั่มดังกล่าว เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยที่โดนพิษแมงกะพรุนกล่องยังมีไม่มากนัก ตลอดจนการใช้ซีรั่มจะต้องใช้โดยด่วนที่สุดโดยตั้งแต่เริ่มโดนพิษใหม่ๆ จึงจะได้ผลดีเป็นประโยชน์ และการใช้ซีรั่มสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการภาวะล้มเหลวของระบบหลอดเลือดและปอดยังไม่เป็นที่แน่ชัด นอกจากนี้การใช้ซีรั่มอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยเนื่องจากผลิตจากซีรั่มของวัว แมงกะพรุนกล่องเป็นสัตว์อันตรายที่แทบมองไม่เห็นในน้ำ แต่การเตรียมตัวป้องกันอย่างดีก่อนลงเล่นน้ำตามชายทะเล จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงจากการได้รับพิษจากแมงกะพรุนกล่องได้ หากโดนพิษแมงกะพรุนกล่องให้รีบใช้น้ำส้มสายชูล้างบริเวณที่โดนหนวดแมงกะพรุนแล้วรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน http://www.komchadluek.net/detail/20151015/215147.html
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ระวังพิษจากแมงกระพรุน ![]() สมาคมแพทย์ผิวหนังฯเตือนประชาชนให้ระวังแมงกะพรุนจากการเล่นน้ำทะเล แนะไม่ควรลงเล่นน้ำหลังฝนตกและเวลากลางคืน รศ.นพ.นภดล นพคุณ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงปิดเทอม ที่ผู้ปกครองมักพาไปเที่ยวทะเล จึงขอฝากเตือนให้ระวังแมงกะพรุนด้วย ไม่ว่าจะเป็นแมงกะพรุนไฟและ แมงกะพรุนกล่อง ซึ่งการเล่นน้ำทะเลนั้นไม่ควรลงเล่นน้ำหลังฝนตกและในช่วงเวลากลางคืน ถ้ารู้สึกว่าโดนแมงกะพรุน ให้รีบล้างด้วยน้ำทะเลและใช้น้ำส้มสายชูราดบริเวณถูกพิษ ถ้าบริเวณนั้นมีผักบุ้งทะเลให้นำใบผักบุ้งมาบดทาบริเวณที่โดนจะสามารถลดความเจ็บปวดได้ อย่าแกะหรือทุบเด็ดขาดเพราะจะยิ่งปล่อยพิษ แต่หากเป็นแมงกะพรุนพิษหรือแบบกล่องต้องรีบส่งโรงพยาบาลโดนด่วน รศ.นพ.นภดล กล่าวว่า แมงกะพรุนกล่อง เป็นสัตว์น้ำที่อยู่อาศัยในแถบทะเลเแถวอินโดจีน และทะเลแปซิฟิก มีหลายสายพันธุ์ ชนิดที่รุนแรงมากที่สุด ได้แก่ Chironex fleckeri ซึ่งพบมากที่สุดด้านเหนือของทวีปออสเตรเลีย แถบน่านน้ำของมาเลเซียพบ Chiropsalmus quadrigatus ส่วนในประเทศญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์มักพบเป็นชนิด Chironex yamaguchi สำหรับในประเทศไทยสามารถพบแมงกะพรุนกล่องได้ตั้งแต่บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ฤดูที่แมงกะพรุนกล่องจะเข้าใกล้ชายฝั่ง จะต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น ในออสเตรเลียความเสี่ยงจะสูงสุดช่วงระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคม แมงกะพรุนชนิดนี้โปร่งแสง ทำให้มองเห็นในน้ำได้ยาก ลำตัวของ Chironex fleckeri (bell) เป็นรูปสี่เหลี่ยมเหมือนกล่อง ขนาดโตเต็มที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 16-24 ซม มีหนวด (tentacles) ที่มุมทั้งสี่จำนวน 15 หนวดต่อมุม ขณะว่ายน้ำหนวดจะหดตัวทำให้มีความยาวเพียง 15 เซ็นติเมตร แต่ขณะออกล่าเหยื่อหนวดจะยืดยาวได้ถึง 3 เมตร แมงกะพรุนกล่องสามารถว่ายน้ำล่าเหยื่อได้ด้วยความเร็วสูง ต่างจากแมงกะพรุนแท้ (scyphozoan) ที่จะลอยไปมารอให้เหยื่อมาสัมผัสเอง แมงกะพรุนกล่องจะล่าปลาขนาดเล็กเป็นอาหาร อันตรายจากแมงกะพรุนกล่อง เมื่อหนวดของแมงกะพรุนสัมผัสได้ถึงตัวกระตุ้นที่เป็นแรงกดร่วมกับสารเคมีที่อยู่บนผิวของเหยื่อ จะมีการฉีดสารพิษเข้าสู่ผิวของเหยื่อ เมื่อโดนพิษของแมงกะพรุนกล่องจะมีอาการปวดแสบอย่างรุนแรงทันทีในบริเวณที่โดน ส่วนใหญ่ผู้ที่โดนแมงกะพรุนกล่องจะมีอาการเพียงเล็กน้อย แต่บางคนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ พิษจากแมงกะพรุนชนิดนี้มีความรุนแรงมาก หากบริเวณสัมผัสเกินร้อยละ 10 ของผิวหนังทั่วตัวอาจทำให้เสียชีวิตได้ภายใน 5 นาที หรืออาจจะเสียชีวิตภายในเวลา 20 นาทีหลังจากการสัมผัสแมงกะพรุนกล่อง แต่หากเกิน 20 นาทีไปแล้วยังมีชีวิตอยู่แสดงว่าอาการไม่รุนแรงมากจนถึงแก่ชีวิต ทั้งนี้สารพิษจากแมงกะพรุนกล่องสามารถออกฤทธิ์ได้หลายรูปแบบ เช่น ทำให้ระบบหมุนเวียนของโลหิตและปอดล้มเหลว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ผิวหนังแพ้หรือผิวหนังตายได้ จากสถิติในประเทศออสเตรเลียพบผู้เสียชีวิตจากพิษแมงกะพรุนดังกล่าวอย่างน้อย 63 ราย ในระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1884-1996 และเด็กจะมีโอกาสเสี่ยงเลียชีวิตมากที่สุด สำหรับการป้องกันอันตรายจากแมงกะพรุนกล่องทำได้หลายวิธี เช่น ไม่ลงเล่นน้ำขณะที่มีแมงกะพรุน หรือเจ้าหน้าที่ชายหาด อาจจะติดตั้งตาข่ายสีแดงโอบล้อมทะเลและชายหาดเพื่อลดจำนวนแมงกะพรุน เนื่องจากแมงกะพรุนกล่องไม่ชอบสีแดง หากแมงกะพรุนไม่ได้สัมผัสกับผิวหนังของคนเรา ก็จะไม่มีการปล่อยสารพิษออกมา หรือหากเจอะเจอแมงกะพรุนกล่อง ลอยขึ้นมาติดบนชายหาด ก็ห้ามใช้มือหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายไปสัมผัสแมงกะพรุนกล่องเล่น เพราะอาจจะไปสัมผัสโดนหนวดแมงกะพรุนและได้รับสารพิษจนเกิดอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยวิธีการเล่นน้ำทะเลที่ดีควรสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด เช่น ชุดดำน้ำ หรือเอาถุงน่องบางๆ ที่สุภาพสตรีใส่มาใส่ปิดบริเวณแขนขาจะสามารถป้องกันการปล่อยพิษจากแมงกะพรุนกล่องได้ ในประเทศออสเตรเลียเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณชายหาด จะใส่ถุงน่องเพื่อป้องกันตัวเองจากแมงกะพรุนกล่อง นอกจากนี้เมื่อไปเล่นน้ำทะเลควรจะมีน้ำส้มสายชูติดตัวไปที่ชายหาดด้วยเผื่อกรณีฉุกเฉินด้วย วิธีการรักษาโดยส่วนใหญ่ผู้ที่โดนแมงกะพรุนกล่องที่ผิวหนัง จะมีอาการเพียงเล็กน้อย (ขึ้นกับความกว้างของบริเวณที่โดนพิษ) แต่บางคนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ในเบื้องต้นหากโดนหนวดของแมงกะพรุ่นกล่อง อย่าแกะหรือขยี้เนื่องจากหนวดยังสามารถปล่อยพิษต่อได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง ให้ใช้น้ำส้มสายชู (ความเข้มข้นของกรดอะซิติคอยู่ระหว่างร้อยละ 3-10) ชะล้างบริเวณที่หนวดเกาะอยู่และบริเวณรอบ ๆ เป็นเวลา 30 วินาที ค่อยแกะเอาหนวดออกโดยใช้ผ้าปัดออก หากโดนในตา ให้ล้างด้วยน้ำเกลือ 0.9 เปอร์เซ็นต์หรือน้ำเปล่า แล้วรีบไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูแผลและสังเกตอาการ หากมีอาการระบบหัวใจและปอดล้มเหลว จะต้องปฏิบัติการกู้ชีพโดยด่วน การรักษาโดยทั่วไปจะเป็นการรักษาตามอาการ ในประเทศออสเตรเลียได้มีการผลิตซีรั่มต้านพิษแมงกะพรุนกล่อง แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการนำเข้าซีรั่มดังกล่าว เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยที่โดนพิษแมงกะพรุนกล่องยังมีไม่มากนัก ตลอดจนการใช้ซีรั่มจะต้องใช้โดยด่วนที่สุดโดยตั้งแต่เริ่มโดนพิษใหม่ ๆ จึงจะได้ผลดีเป็น ประโยชน์ และการใช้ซีรั่มสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการภาวะล้มเหลวของระบบหลอดเลือดและปอดยังไม่เป็นที่แน่ชัด นอกจากนี้การใช้ซีรั่มอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยเนื่องจากผลิตจากซีรั่มของวัวแมงกะพรุนกล่องเป็นสัตว์อันตรายที่แทบมองไม่เห็นในน้ำ แต่การเตรียมตัวป้องกันอย่างดีก่อนลงเล่นน้ำตามชายทะเล จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงจากการได้รับพิษจากแมงกะพรุนกล่องได้ หากโดนพิษแมงกะพรุนกล่องให้รีบใช้น้ำส้มสายชูล้างบริเวณที่โดนหนวดแมงกะพรุน แล้วรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ www.dst.or.th http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/670406
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|