![]() |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ประมงแห่ออกเรือ จับแมงกะพรุนจานทะเลกระบี่ ทำรายได้ลำละ 5-7 พันบาทต่อวัน ชาวประมงพื้นบ้านกระบี่ และเรือหางยาวนำเที่ยว ที่หยุดให้บริการนักท่องเที่ยวเพราะโควิดนับ 100 ลำ นำเรือออกจับแมงกะพรุนจานในทะเล ส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าจาก จ.สตูล ระนอง พังงา สร้างรายได้งดงาม ![]() ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.63 ชาวประมงพื้นบ้าน และเรือหางยาวนำเที่ยว ที่หยุดให้บริการนักท่องเที่ยว ผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 นับ 100 ลำ นำเรือออกจับแมงกะพรุนจานในทะเลกระบี่ ส่งขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าจาก จ.สตูล ระนอง พังงา ซึ่งมาเปิดจุดรับซื้อหลายสิบราย บริเวณอ่าวบ้านคลองทราย บ้านดินแดงน้อย ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ทำให้บรรดาเจ้าของเรือขนาดเล็ก ที่ขาดรายได้จากการท่องเที่ยว สามารถทำเงินสร้างรายได้ในช่วงวิกฤติได้เป็นอย่างดี สำหรับแมงกะพรุนที่จับมาได้ พ่อค้าแม่ค้าที่มาเปิดจุดรับซื้อ จะรับซื้อในราคาตัวละ 5 บาท เพื่อนำไปขายให้กับพ่อค้ารายใหญ่ในตลาดมหาชัย เพื่อส่งออกไปยังประเทศจีน ญี่ปุ่น ซึ่งประเทศเหล่านี้นิยมรับประทาน เพราะเชื่อว่าเป็นเมนูยาชูกำลัง โดยในปีนี้พบว่า แมงกะพรุนมีจำนวนมากกว่าทุกๆ ปีในช่วงเดียวกัน ถือว่ามีมากที่สุดในรอบ 8 ปี นายธีระยุทธิ์ ช้างชู พ่อค้ารับซื้อแมงกะพรุนจาก จ.สตูล กล่าวว่า แมงกะพรุนที่รับซื้อ เป็นแมงกะพรุนจาน ซึ่งสามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารได้ ไม่มีพิษ โดยในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.ของทุกปี จะมีแมงกะพรุนชนิดนี้ลอยอยู่ในทะเลแถบฝั่งอันดามันจำนวนมาก ตั้งแต่ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง ซึ่งปีนี้พบว่า แมงกะพรุน มีจำนวนมากที่สุด ในรอบ 8 ปี นอกจากชาวประมงพื้นบ้าน รวมถึงบรรดาคนขับเรือนำเที่ยวที่ออกจับแมงกะพรุนขาย จะมีรายได้แล้ว ยังมีการจ้างงานคนในพื้นที่ ให้มาช่วยกันคัดแยกแมงกะพรุนให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ โดยเรือแต่ละลำจะมีรายได้ถึงวันละ 5-7 พันบาท ส่วนคนในพื้นที่กว่า 100 คนที่มีการจ้างมาทำงานคัดแยกแมงกะพรุน ซึ่งเป็นคนพื้นที่อยู่ในช่วงว่างงานจากสถานการณ์โควิด-19 ก็จะมีรายได้จากค่าจ้างรายวันอีกคนละ 400-500 บาทต่อวันด้วย. https://www.thairath.co.th/news/local/south/1856003 ********************************************************************************************************************************************************* ล็อตใหญ่ จับเรือลอบขนน้ำมันเถื่อน 5 หมื่นลิตร กลางทะเลเมืองจันทร์ บุกจับเรือประมงดัดแปลง ลักลอบบรรทุกน้ำมันดีเซลหนีภาษี 5 หมื่นลิตร กลางทะเล เมืองจันทร์ รวบลูกเรือ 4 คน ส่งคุมสอบขยายผลดำเนินคดี ![]() เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 28 พ.ค.63 นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าฯจันทบุรี พร้อมด้วย พล.ร.ต.ชาติชาย ทองสะอาด ผอ.สำนักงานฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ภาค 1, พล.ร.ต.พินิจ ชื่นรุ่ง รอง ผบ.ป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.), ผู้แทน มทบ.19, กอ.รมน.จ.จันทบุรี, ตำรวจน้ำ, ประมงจังหวัด, เจ้าท่าภูมิภาค, สรรพสามิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบหลังมีการจับกุมเรือลักลอบบรรทุกน้ำมันหนีภาษี โดย ศรชล.ภาค 1 ร่วมกับ กปช.จต.บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาข่าว พบเรือต้องสงสัยอยู่กลางทะเล เมื่อเวลา 23.30 น. คืนวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยหมวดเรือลาดตระเวนชายแดน ได้นำเจ้าหน้าที่ดำเนินการยุทธวิธี ติดตามเรือที่ดัดแปลงเป็นเรือลักลอบบรรทุกน้ำมันหนีภาษี พบเรือต้องสงสัย เจเอ็มพี 85 สัญชาติไทย บริเวณห่างจากฝั่งบ้านปากน้ำแขมหนู อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ประมาณ 4 ไมล์ทะเล ภายในเรือพบคนประจำเรือ 4 นาย ซึ่งไม่มีการต่อสู้ ขัดขวาง ตรวจพบน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซลจำนวน 50,000 ลิตร จึงควบคุมเรือและน้ำมันลักลอบหนีภาษีไว้ตรวจสอบ โดยชุดหมวดเรือลาดตระเวนชายแดนและตำรวจน้ำได้ควบคุมผู้กระทำผิดไว้ ก่อนที่จะประสานส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ด้าน พล.ร.ต.ชาติชาย ทองสะอาด ผอ.สำนักงานฝ่ายอำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ภาค 1 เปิดเผยว่า การลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนเป็นการทำลายผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ทำให้ประเทศชาติสูญเสียผลประโยชน์ด้านภาษี อันเป็นรายได้ในการพัฒนาประเทศ และการกระทำของผู้กระทำผิดอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ที่หน่วยงานเกี่ยวข้องจะดำเนินการสืบสวนสอบสวน ขยายผลหาที่มาที่ไป ร่วมถึงผู้ร่วมขบวนการ ส่วนผู้กระทำผิดที่จับได้นั้น จะถูกดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป ด้าน นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าฯจันทบุรี กล่าวว่า การบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดครั้งนี้ สามารถจับน้ำมันลักลอบหนีภาษีได้มากถึง 50,000 ลิตร ที่ผ่านมาทางจังหวัดได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจ ติดตามหาข่าว และดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดแต่ส่วนใหญ่จะเป็นรายย่อยและจับได้บนฝั่ง ที่มีการนำขึ้นรถขนย้าย ครั้งนี้ถือเป็นการแสดงถึงความเข้มแข็งของการบูรณาการ ด้านการข่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและความอดทน เสียสละของเจ้าหน้าที่ในการปกป้องความมั่นคงทางทะเล ซึ่งการจับน้ำมันลักลอบหนีภาษีล็อตใหญ่ทางทะเล จ.จันทบุรี ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2557 และปี 2560 จนกระทั่งในครั้งนี้ ที่มีปริมาณมากกว่า 50,000 ลิตร https://www.thairath.co.th/news/local/east/1856074 ********************************************************************************************************************************************************* พบขยะหน้ากากอนามัย ถุงมือแพทย์เกลื่อนก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พบหน้ากากอนามัย ถุงมือแพทย์ ใช้แล้วกลายเป็นขยะเกลื่อนก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นับเป็นผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ตามมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ![]() นักดำน้ำที่เป็นสมาชิกกลุ่มเอ็นจีโอ เคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเล "โอเปอเรชั่น คลีน ซี" (Op?ration mer propre) บันทึกภาพระหว่างการลงไปดำน้ำสำรวจก้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รอบชายฝั่งเมืองอองทีบส์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส พบว่าตลอด 2 วันที่ออกสำรวจ พบขยะหน้ากากอนามัยเกือบ 10 ชิ้น และถุงมือยางลาเท็กซ์ 14 ชิ้น ปะปนอยู่กับขยะอื่นๆ บริเวณก้นทะเล กลุ่มโอเปอเรชั่น คลีน ซี โพสต์คลิปวิดีโอนี้ลงในเพจเฟซบุ๊ก Op?ration Mer Propre เรียกร้องให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาขยะที่ตามมาหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย นายโลรองต์ ลอมบาร์ด ผู้ก่อตั้งกลุ่มโอเปอเรชั่น คลีน ซี เปิดเผยว่า การสำรวจทะเลก่อนหน้านี้ นักดำน้ำไม่ได้พบขยะประเภทหน้ากากอนามัยมานานแล้ว และเชื่อว่าการพบในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของขยะมลพิษประเภทใหม่ ที่เป็นสัญญาณเตือนว่าหากไม่ระวังให้ดี จะมีหน้ากากอนามัยใช้แล้วหลายล้านชิ้นต้องมาอยู่ในสภาพนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลฝรั่งเศสสั่งให้มีการผลิตหน้ากากอนามัยกว่า 2 พันล้านชิ้นออกสู่ท้องตลาดเพื่อรองรับความต้องการใช้ ซึ่งอยู่ที่กว่า 200 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์. https://www.thairath.co.th/news/foreign/1855233 ********************************************************************************************************************************************************* รอยเท้าเตตระพอดว่ายน้ำที่เก่าแก่ ![]() Credit : Journal of Paleontology (2020) เตตระพอด (tetrapod) เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง 4 ขา เคยอาศัยอยู่ในโลกเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว เคยมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ หรือฟอสซิล รอยเท้าของเตตระพอดเมื่อเกือบ 80 ปีก่อนในเหมืองหินทรายที่เขตเบโรว์รา ชานเมืองซิดนีย์ ในออสเตรเลีย จากนั้นก็นำซากฟอสซิลนี้ไปเก็บที่พิพิธภัณฑ์ออสเตรเลียในซิดนีย์ รอยเท้าเหล่านี้ปรากฏบนหินที่ก่อตัวบริเวณด้านล่างของแม่น้ำขนาดใหญ่ ที่ครั้งหนึ่งเคยปกคลุมนครซิดนีย์ในกลางยุคไทรแอสสิค ประมาณ 240 ล้านปีที่แล้ว ก่อนการปรากฏตัวของไดโนเสาร์ และในที่สุดทรายที่อยู่ด้านล่างของแม่น้ำก็กลายเป็นหิน ปัจจุบันถูกเรียกว่าโขดหินทรายซิดนีย์ ฟอสซิลรอยเท้ามีเส้นทางยาว 4.2 เมตร นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์ ระบุว่าน่าจะเป็นของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำพวกเท็มโนสปอนดิล (temnospondyl) มีรูปร่างคล้ายซาลาแมนเดอร์ที่สูญพันธุ์ รอยเท้าดังกล่าวมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นสถิติที่เก่าแก่ที่สุดของเตตระพอดในออสเตรเลีย รอยเท้า มือ รวมถึงลำดับช่องว่างระหว่างร่องรอย ทำให้นักวิจัยเชื่อว่าสัตว์กำลังว่ายน้ำในน้ำ ซึ่งปกติแล้วรอยเท้าของเตตระพอดยุคต้นมักพบว่าเกิดขึ้นบนพื้นดิน ทว่ารอยเท้าของเตตระพอดที่เกิดจากการที่มันว่ายน้ำ จึงเป็นหลักฐานที่มีค่าสำหรับการศึกษาว่าสัตว์เหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างไรเมื่อ 240 ล้านปีก่อน. https://www.thairath.co.th/news/foreign/1854884
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|