เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 13-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


ดร.ธรณ์ วอนอย่าซื้อ-กินปูไข่นอกกระดอง ชี้ไม่อร่อยแล้วยังทำลายหลายล้านชีวิตมีความหมายต่อผู้คน



12 ก.ย.63 - ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว "Thon Thamrongnawasawat" ระบุว่า ภาพที่เพื่อนธรณ์เห็นอยู่นี้คือแม่ปูขาว (ปูทะเล) ที่กำลังมีไข่ล้นออกมานอกกระดอง ดูแล้วมันฟูฟ่อง เต็มไปด้วยชีวิตตัวน้อยๆ ไข่ล้านใบจะกลายเป็นลูกปูล้านตัว กลายเป็นปูใหญ่มากมาย ช่วยชาวบ้านมีรายได้ ช่วยเป็นอาหารเป็นค่าเทอมเด็กน้อย

ช่วงนี้คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ กำลังเน้นงานช่วยพี่น้องคนริมทะเลแบบเต็มเหนี่ยว เพราะเราทราบดีถึงสถานการณ์เศรษฐกิจ รู้ดีว่าถึงเวลาที่หลายคนต้องปรับตัว ปูหนึ่งตัว ไข่ล้านใบ สามารถต่อยอดได้ หากเราเพาะฟักจนกลายเป็นลูกปูที่มีอัตรารอดสูงขึ้น จะเลี้ยงต่อให้ครบวงจร จะนำไปปล่อยเพื่อช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ของทะเลริมฝั่ง ทำได้ทั้งนั้น

ปูม้า ปูทะเล คือสองสัตว์พิเศษที่จะช่วยให้คนริมฝั่งผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก หน่วยต่างๆของคณะประมง ไม่ว่าที่บางเขนใจกลางกรุงเทพฯ หรือสถานีต่างๆ ในทุกชายฝั่งทะเลไทย จึงเดินหน้างานวิจัย/ช่วยให้ความรู้ ยังขอร้องเพื่อนธรณ์ช่วยทะเลช่วยชาวบ้าน อย่าซื้ออย่ากินปูไข่นอกกระดอง นอกจากไม่อร่อย ยังทำลายอีกหลายล้านชีวิตที่มีความหมายต่อผู้คน

สำหรับผู้สนใจอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อที่ดร.สหภพ (ม.เกษตร บางเขน) หรือสถานีต่างๆ ของคณะประมงที่ประจวบ ระนอง ศรีราชา และสมุทรสงคราม

รักปูไทย ช่วยชาวทะเลไทย ไม่กินปูไข่นอกกระดองครับ


http://www.thaipost.net/main/detail/77234

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 13-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


ไฟป่าในสหรัฐฯ ทำคุณภาพอากาศเลวร้าย

ควันจากไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐโอเรกอน ทำหลายเมืองใหญ่ในพื้นที่แถบชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกต้องเผชิญปัญหาคุณภาพอากาศเลวร้ายที่สุดในโลก



วันนี้ (12 ก.ย.2563) ควันจากไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐโอเรกอนเข้าปกคลุมเมืองซานฟรานซิสโก เมืองซีแอตเทิลและเมืองพอร์ตแลนด์ ทำให้เมืองเหล่านี้เผชิญปัญหาคุณภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดในโลก

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นต้องเตือนให้ประชาชนอยู่ในบ้าน ปิดประตูหน้าต่าง เปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อหมุนเวียนอากาศ หรือบ้านใดมีเครื่องฟอกอากาศก็ให้เปิดใช้

นอกจากนี้กำลังพิจรณาว่าจะเปิดศูนย์หลบควันสำหรับคนไร้บ้าน หรือคนที่ไม่สามารถเข้าถึงอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 หรือไม่ คาดว่าควันไฟป่าจะปกคลุมตลอดช่วงสุดสัปดาห์นี้

ผู้เชี่ยวชาญของสมาคมโรคปอดอเมริกา เตือนว่ามลพิษจากไฟป่าจะทำให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมีความเสี่ยงต่อเชื้อไวรัส เช่นไวรัสไข้หวัดใหญ่และ COVID-19 โดยมลพิษในอากาศ ซึ่งเป็นอนุภาคเล็ก ๆ จะทำให้ความต้านทานของปอดอ่อนแอลง



ล่าสุดสถานการณ์ไฟในสหรัฐฯ ยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะในรัฐโอเรกอน ยังมีไฟไหม้รุนแรง 2 จุดใหญ่ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจำนวนมากเร่งหาทางควบคุมไฟที่กำลังลุกลามเข้าใกล้พื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุด

ขณะที่นางเคท บราวน์ ผู้ว่าการรัฐโอเรกอน เปิดเผยว่า ประชาชนกว่า 40,000 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงไปอยู่ในที่ปลอดภัย และอีก 500,000 คน ต้องเตรียมพร้อมอพยพ

ด้านหน่วยงานฉุกเฉินของรัฐเตรียมรับมือความสูญเสียครั้งใหญ่จากวิกฤตไฟป่า ซึ่งเผาทำลายบ้านรวมถึงสิ่งปลูกสร้างไปแล้วหลายพันหลัง มีผู้เสียชีวิต 24 คน และสูญหายหลายคน


https://news.thaipbs.or.th/content/296370

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 13-09-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก PPTV


ภายในปี 2050 วิกฤตสภาพอากาศอาจทำให้คน 1.2 พันล้านคนต้องพลัดถิ่น

วิกฤตสภาพภูมิอากาศโลกอาจทำให้ผู้คนมากกว่าพันล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านในอีก 30 ปีข้างหน้า



"ทะเบียนภัยคุกคามทางนิเวศวิทยา" ซึ่งจัดทำโดยสถาบันเศรษฐศาสตร์และสันติภาพ (IEP) ในซิดนีย์คาดการณ์ว่าจะมีผู้คนมากถึง 1.2 พันล้านคนทั่วโลกต้องพลัดถิ่นภายในปี 2050 และจะไม่มีประเทศใดสามารถรอดพ้นจากผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้ โดยประชากรที่ยากจนและเปราะบางที่สุดในโลกจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด

รายงานดังกล่าวระบุว่า "ภัยคุกคามทางนิเวศวิทยาและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นความท้าทายที่ร้ายแรงต่อการพัฒนาและความสงบสุขของโลก ... ประเทศที่มีความยืดหยุ่นน้อยเมื่อเผชิญกับการล่มสลายของระบบนิเวศ ก็มีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาความไม่สงบ ความไม่มั่นคงทางการเมือง การกระจัดกระจายทางสังคม และการล่มสลายทางเศรษฐกิจ"

รายงานดังกล่าวได้รับข้อมูลจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) ศูนย์ตรวจสอบการเคลื่อนย้ายภายใน (IDMC) องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และต่อยอดจากการวิจัยก่อนหน้านี้ของ IEP เกี่ยวกับระดับความยืดหยุ่นของประเทศต่าง ๆ จากนั้นใช้ตัวเลขเหล่านี้คำนวณภัยคุกคามที่สัมพันธ์กันของการเติบโตของประชากร ความไม่มั่นคงทางอาหาร ภัยแล้ง ภาวะขาดแคลนน้ำ น้ำท่วม พายุ อุณหภูมิและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น

รายงานดังกล่าวจึงพบว่า มีผู้คนมากกว่าพันล้านคนอาศัยอยู่ใน 31 ประเทศที่มีความยืดหยุ่นต่ำ ซึ่งหมายความว่า พวกเขาไม่มีความพร้อมที่จะทนต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศในทศวรรษต่อ ๆ ไป



รายงานระบุว่า ภูมิภาคที่เผชิญกับภัยคุกคามมากที่สุด ได้แก่ อนุภูมิภาคซาฮาราแอฟริกา เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ

"ไม่ใช่ว่าคนในพื้นที่เหล่านี้ทั้งหมดจะพลัดถิ่น อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มว่า "ส่วนใหญ่" ของพวกเขาจะเป็นแบบนั้น" IEP กล่าว

ประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรที่ดีกว่า เช่น อเมริกาเหนือ และยุโรป จะสามารถจัดการผลกระทบจากภัยพิบัติได้มากกว่า แต่พวกเขาอาจต้องเผชิญกับผู้ที่ต้องอพยพจำนวนมากจากพื้นที่อื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

สตีฟ คิลเลเลีย (Steve Killelea) ผู้ก่อตั้ง IEP กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางนิเวศวิทยานั้นเป็น "ภัยคุกคามระดับโลกครั้งใหญ่ต่อไปสำหรับโลกของเรา"

ปัจจุบันประชากรทั่วโลกอยู่ที่ 7.8 พันล้านคน ตัวเลขดังกล่าวคาดว่าจะสูงขึ้นไปถึง 1 หมื่นล้านคนภายในปี 2050



การวิจัยขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลก World Resource Institute รายงานคาดการณ์ว่า ภายในปี 2050 ความต้องการอาหารทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 50% และผู้คน 3.5 พันล้านคนอาจต้องทนทุกข์ทรมานจากความไม่มั่นคงด้านอาหาร

นอกจากนี้ มีผู้คนมากกว่า 2.6 พันล้านคนที่อาจต้องเผชิญกับภาวะขาดน้ำ โดยไม่มีน้ำเพียงพอสำหรับความต้องการหรือมีความเสี่ยงที่น้ำประปาจะไม่ไหล

ภายในปี 2040 ประชากรทั้งหมด 5.4 พันล้านคน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลกตามที่คาดการณ์ไว้ จะอาศัยอยู่ในประเทศที่เผชิญกับภาวะเสี่ยงขาดแคลนน้ำ รายงานระบุว่า อินเดียและจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุด 2 อันดับแรกของโลก จะอยู่ในกลุ่มประเทศเหล่านั้นด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีภัยธรรมชาติเพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนมานานแล้วว่า เป็นผลจากวิกฤตสภาพอากาศที่เลวร้าย ทั้งไฟป่าในสหรัฐฯ และออสเตรเลีย คลื่นความร้อนทั่วยุโรป พายุต่าง ๆ

ทั้งนี้ เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด การศึกษาพบว่า 29% ของภัยธรรมชาติทั้งหมดในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นในภูมิภาคดังกล่าว รองลงมาคือยุโรป



ภัยธรรมชาติเหล่านี้คร่าชีวิตผู้คนในประเทศที่ด้อยพัฒนาถึง 7 เท่า เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งไม่ใช่เพราะภัยพิบัติมักเกิดในประเทศที่ยากจน แต่เป็นเพราะประเทศเหล่านั้นไม่สามารถรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที

ภัยคุกคามทั้งหมดเหล่านี้จะก่อให้เกิดวิกฤตการพลัดถิ่น ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อเนื่อง เช่น ความไม่มั่นคงทางการเมือง ความไม่มั่นคงของโลก และความเป็นปรปักษ์ต่อผู้อพยพที่อาจมากขึ้น


https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8...0%B8%99/133044

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:09


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger