![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
'สิมิลัน' พร้อมรับนักท่องเที่ยว หลังปิดเกาะนาน 7 เดือน สุดสวยงาม หมู่เกาะสิมิลัน พร้อมรับนักท่องเที่ยว หลังปิดเกาะนาน 7 เดือน ขณะที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างพร้อมให้บริการทุกวัน ![]() หลังจากที่ทางกรมอุทยานแห่งชาติ ได้มีคำสั่งปิดแหล่งท่องเที่ยวจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ประกอบกับการปิดเกาะช่วงหน้ามรสุม ในระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ของทุกปี ทำให้ปีนี้มีการปิดเกาะ นานถึง 7 เดือน ล่าสุดทางอุทยานแห่งชาติ อุทยานหมู่เกาะสิมิลัน ร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว นำคณะสื่อมวลชนเดินทางชมความงดงาม ความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ตั้งแต่เกาะ 8 หรือเกาะสิมิลัน ที่มีหินเรือใบ เป็นสัญลักษณ์แห่งสิมิลันอยู่บนยอดเขาแหลมหินบนอ่าวเกือก ชมความสวยงามของหาดเล็กที่เป็นที่ตั้งของศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเลของกองทัพเรือ ชมจุดชมวิวลานข้าหลวงที่ตั้งอยู่ด้านหลังเกาะ 4 หรือเกาะเมียง ตามเส้นทางเดินจะมีต้นเฟิร์นข้าหลวงหลังลายขึ้นเป็นจำนวนมาก และอาจจะพบนกชาปีไหน ปูไก่ บนลานข้าหลวงเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเกาะต่างๆในหมู่เกาะสิมิลัน และอีกหนึ่งหาดที่สำคัญ คือ หาดเจ้าหญิง หรือหาดหน้า ที่มีหาดทรายขาวยาวที่สุด มีความใสของน้ำทะเลราวกับคริสตัล สำหรับการเปิดเกาะในฤดูกาลท่องเที่ยวนี้ จะมีความพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวจะโดนบังคับด้วยระยะห่าง จากการท่องเที่ยวแบบ New Normal ซึ่งในช่วงแรกจะไม่มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา ทำให้ผู้ที่เดินทางมาสามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติที่เพิ่งจะฟื้นฟูมาได้อย่างเต็มที่ โดยไร้ซึ่งความแออัดของผู้คน หมู่เกาะสิมิลันถือได้ว่าเป็นหนึ่งในหมู่เกาะที่มีความสวยงาม มีความหลากหลายทางธรรมชาติเป็นลำดับต้นๆของโลก จึงเหมาะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยจะใช้โอกาสนี้เข้ามาเยี่ยมชมความสวยงาม ขณะที่ผู้ประกอบการเลิฟอันดามันทัวร์ เปิดเผยว่า ในปีนี้เราจะเน้นในการให้ความรู้นักท่องเที่ยวในการรักและหวงแหน และดูแลธรรมชาติ ท้องทะเล และสัตว์ต่างๆในทะเลของบ้านเรา สำหรับความพร้อมรับนักท่องเที่ยวนั้น ทางบริษัทจะมีเรือนำเที่ยวออกให้บริการทุกวันตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม เป็นต้นไป เพราะมียอดการจองเข้ามาของนักท่องเที่ยวทุกวัน https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/901864
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก GREENPEACE
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ปะการังในไต้หวันกำลังฟอกขาว? .................... โดย Greenpeace East Asia ที่ผ่านมาไต้หวันเป็นเสมือนบ้านที่สุขสบายให้กับปะการังมากมายหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งพบได้อย่างในที่อื่นๆ แต่ในปัจจุบัน สภาพภูมิอากาศที่ร้อนสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์กลับทำให้เหล่าปะการังต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ ?การฟอกขาว? ในระดับรุนแรง ถึงขึ้นที่ระบบสังเกตการณ์แนวปะการังประจำองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Oceanic and Atmospheric Administration : NOAA) ได้ยกระดับการเตือนภัยปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในเขตน่านน้ำทางตอนใต้ของไต้หวันขึ้นเป็นระดับที่สองเป็นที่เรียบร้อย หมายความว่าอัตราการตายของปะการังกำลังพุ่งสูงขึ้น และจะเริ่มส่งผลกระทบกับระบบนิเวศใต้ท้องทะเลในอีกไม่ช้า ![]() หนึ่งในขั้นตอนการตรวจสอบการฟอกขาวของปะการังในไต้หวัน ? Yves Chiu / Greenpeace แต่อะไรล่ะ คือต้นเหตุของปะการังฟอกขาวในไต้หวัน? ผลกระทบที่ตามมาจะมีอะไรบ้าง? ที่สำคัญคือ เราจะหยุดยั้งการฟอกขาวของปะการังได้อย่างไรบ้าง? ปะการังคืออะไร? หลายคนอาจคิดว่าปะการังเป็นเพียงแค่ "พืช" ทั่วๆ ไปชนิดหนึ่งที่เกิดและเติบโตใต้ท้องทะเล แต่ความจริงแล้วปะการัง นับเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน (Colony) ร่วมกับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเรียกว่า "โพลิป" (Polyps) อีกหนึ่งความเข้าใจเกี่ยวกับปะการังคือเรื่องสี เพราะที่จริงแล้วสีของปะการังเป็นสีใส แต่ที่เราเห็นสีสันฉูดฉาดหลากสีเกิดจาก สาหร่ายชนิดหนึ่งมีชื่อเรียกว่า ?ซูแซนเทลลี? (Zooxanthellae) โดยซูแซนเทลลีจะช่วยผลิตอาหารจากการสังเคราะห์แสงให้กับปะการังและพึ่งพาอาศัยกัน ทั้งนี้ ไต้หวันที่เป็นที่รู้จักกันในนาม "อาณาจักรแห่งปะการัง" ถึงแม้จะมีจำนวนปะการังตามเขตเขินติง เกาะกรีนไอแลนด์ และ เกาะออคิดรวมกันไม่มากนักเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ แต่ถ้าเทียบกันในเรื่องของความหลากหลายทางสายพันธุ์แล้ว ถือว่าทะเลไต้หวันมีความหลากหลายสูงมาก โดยหนึ่งในสามของปะการังในโลกที่มีถึงกว่า 700 ชนิดพันธุ์ มีจำนวน 250 สายพันธุ์ที่สามารถพบได้ที่ไต้หวัน ![]() ปะการังสีแดงที่อยู่บนแนวปะการัง Wan Li Tong ? Paul Hilton / Greenpeace ปะการังสำคัญอย่างไรกับท้องทะเล? ปะการังเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศทะเล เพราะปะการังเป็นที่พักพิงให้กับสัตว์ทะเลน้อยใหญ่มากมาย เป็นทั้งบ้าน พื้นที่ขยายพันธุ์ แหล่งหาอาหาร และพื้นที่สำหรับการหลบซ่อนผู้ล่า เกิดเป็นระบบนิเวศอันสมบูรณ์ไปโดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นบ้านให้กับกว่า 1,500 สายพันธุ์ได้อาศัยอยู่ตามแนวปะการัง และนี้คือสาเหตุว่าทำไมแนวปะการังถึงได้เป็นที่รู้จักกันในนาม "ป่าฝนในเขตร้อนแห่งท้องทะเล" ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวคืออะไร? ความจริงแล้วปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่อายุยืนยาวมากที่สุดชนิดหนึ่งเลยทีเดียว ขอเพียงแค่มีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ ยาวนานกว่าร้อยปี หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นสภาพแวดล้อมจึงมีผลอย่างมากต่อการอยู่รอดของปะการัง หากสภาพแวดล้อมแย่ โอกาสรอดของปะการังก็น้อยตามไปด้วย ปะการังมีความอ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อม ความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำ ค่าความด่าง และความขุ่นของน้ำ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกับความสัมพันธ์ของปะการังและสาหร่ายซูแซนเทลลี เพราะถ้าหากสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัย สาหร่ายซูแซนเทลลีก็จะย้ายออกไปหาบ้านใหม่ หรือถูกตัวปะการังเองขับไล่ให้ออกไป และเมื่อไม่มีสาหร่ายซูแซนเทลลี ปะการังจะไร้ซึ่งสีสันและฟอกขาวไปในที่สุด เมื่อสาหร่ายที่อยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาย้ายออกไป ปะการังจะยังไม่ตายไปในทันที หากสภาพแวดล้อมดีขึ้น สาหร่ายซูแซนเทลลีก็จะค่อยๆ หวนคืนกลับมาและปะการังจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ เช่นกัน แต่ถ้าหากถูกปล่อยฟอกขาวนานจนสายเกินแก้ ปะการังจะค่อยๆ อ่อนแอลงและตายไปในที่สุด เพราะฉะนั้นการฟอกขาวเป็นเสมือนสัญญาณเตือนที่ชั้นเจนว่าระยะสุดท้ายของปะการังกำลังใกล้เข้ามา ต้นเหตุของปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว: การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมลพิษจากมนุษย์ อุณหภูมิโลกเปลี่ยน ไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของแนวปะการัง ความเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันของอากาศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกทำให้อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน รวมถึง "ปรากฏการณ์ทะเลเป็นกรดกรด" ก็ผลักให้ประสิทธิภาพของการดูดซึมแคลเซียมคาร์บอเนตของปะการังลดลง และทำให้ปะการังไม่แข็งแรงมากพอที่จะต้านการกัดกร่อนตามธรรมชาติของน้ำทะเลได้ สุดท้ายปะการังก็จะต้องใช้เวลาฟื้นฟูจากการฟอกขาวนานขึ้น ระบบเฝ้าสังเกตการณ์ประจำ NOAA ใช้ดาวเทียมในการเฝ้าตรวจจับอุณหภูมิของผิวน้ำทะเลและบันทึกบริเวณที่มีอุณหภูมิสูงเพื่อส่งสัญญาณเตือนความเสี่ยงของปรากฏการณ์ปะการังฟอกสี และปีนี้ ไต้หวันเจอกับไต้ฝุ่นที่มาจากความกดอากาศสูงในมหาสมุทรแปซิฟิกจำนวนน้อยลง ซึ่งทำให้อุณหภูมิของทั้งบนดินและผืนน้ำสูงขึ้น โดยบริเวณผืนน้ำโดยรอบไต้หวันรวมทั้งหมู่เกาะปราตัสและเกาะไทปิงต้องเจอกับอุณหภูมิที่สูงถึง 30? องศาเซลเซียส แต่ทว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของปะการังกลับอยู่ที่ 20-28? องศาเซลเซียสเพียงเท่านั้น หากอุณหภูมิต่ำกว่า 18? องศาเซลเซียสหรือสูงกว่า 30? องศาเซลเซียส ปะการังจะเริ่มขับไล่สาหร่ายที่อาศัยในเนื้อเยื่อปะการังออกไป ทำให้เกิดอาการฟอกขาวหรืออาจถึงขั้นตายเลยทีเดียว ถ้าหากจำนวนไต้ฝุ่นในไต้หวันยังคงมีจำนวนน้อยต่อไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ สถานการณ์ปะการังฟอกขาวจะเลวร้ายไปยิ่งกว่าที่เคยเป็นในขณะที่อุณหภูมิของทะเลก็จะยังคงสูงต่อไป และอย่าลืมว่าอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นในระยะสั้นๆ ไม่ได้ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว แต่การที่ปะการังจำนวนมากเริ่มฟอกขาวมาจากอากาศที่ร้อนขึ้นอย่างผิดปกติอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ![]() บริเวณทางตอนใต้ของไต้หวัน อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ภาพนี้เป็นหนึ่งในปะการังที่ฟอกขาวบริเวณจุดดำน้ำสามแห่งใน Kenting ที่ถูกถ่ายไว้เมื่อเดือนสิงหาคม ? Yves Chiu / Greenpeace "กิจกรรมของมนุษย์" ผู้ร้ายตัวฉกาจ นอกจากนั้น กิจกรรมของมนุษย์ทั้งบนบกและทางน้ำล้วนเป็นภัยกับแนวปะการังทั้งสิ้น เช่นยาฆ่าแมลงจากอุตสาหกรรมการเกษตรที่ไหลลงสู่แม่น้ำ น้ำเสียจากทั้งโรงงานอุตสาหกรรมและบ้านเรือนที่ถูกปล่อยลงสู่ท้องทะเล หรือแม้กระทั่งครีมกันแดดที่มีสารเบนโซฟีนอล (Benzophenone) และสารอ็อกทิล เมท็อกซีซินนาเมท (Octyl methoxycinnamate) ที่ก่อกวนวงจรการขยายพันธุ์และการเจริญเติบโตของปะการัง เมื่อระบบนิเวศทะเลคือเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย การถูกทำลายและการตายของแนวปะการังนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่กว่า ซึ่งระบบนิเวศทะเลคือผู้เคราะห์ร้ายที่ได้รับผลกระทบนั้นไปเต็มเปา ความจริงแล้วปะการังไม่ได้เติบโตได้ไวอย่างที่หลายคนเข้าใจ พวกเขาเติบโตได้เพียงประมาณหนึ่งเซนติเมตรต่อปีเพียงเท่านั้น เพราะฉะนั้นที่เราได้เห็นปะการังขนาดใหญ่สวยงามตามท้องทะเลคือผลลัพธ์ของการปล่อยให้ปะการังได้เจริญเติบโตมานานนับกว่าสิบๆ ปี หรือเป็นร้อยกว่าปีด้วยซ้ำไป และเมื่อถูกทำร้าย พวกเขาจำเป็นต้องใช้เวลาพอมากพอๆ กันในการกลับไปเจริญงอกงามเช่นเคย ![]() ปะการังที่อุดมสมบูรณ์และมหาสมุทรที่มีสุขภาพดีเป็นประโยชน์ต่อโลกใบนี้และต่อตัวพวกเราเอง ? Paul Hilton / Greenpeace นอกจากปะการังจะช่วยรักษาความหลากหลายของเหล่าสัตว์ทะเลใต้ผืนน้ำ ระบบนิเวศตามแนวปะการังที่สมบูรณ์ ยังเป็นประโยชน์กับทั้งระบบนิเวศทางทะเลและกับมนุษย์อย่างเราๆ เช่นกัน เพราะแนวปะการังไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่การป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งของทะเลเท่านั้น แต่มีค่าทางเศรษฐกิจสูงอีกด้วย เพราะนับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นดี และผลิตเม็ดเงินนับล้านจากการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้น ความเสื่อมถอยของระบบนิเวศจากปะการังฟอกขาวจะต้องส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาแนวปะการังอย่างการท่องเที่ยวและการประมงอย่างแน่นอน แล้วเราจะแก้ปัญหาปะการังฟอกขาวได้อย่างไรบ้าง? รักษาพลังงานและลดการผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อชะลอภาวะโลกร้อนลง ในเมื่ออุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติเกิดจากปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เราจำเป็นต้องจัดการปัญหาที่ต้นตออย่างการลดการผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้ถ่านหินลง และหันมาเลือกใช้พลังงานหมุนเวียนที่สะอาด ใคร ๆ ก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ปะการังได้ ปะการังที่ดูสวยงามเป็นอาหารตาชั้นดีของเราๆ และเป็นบ้านของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด แต่ถึงอย่างนั้นกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์และการพัฒนาชายฝั่งทะเลจนมากเกินพอดี หรือแม้กระทั่งอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้นต่างส่งผลกับเหล่าปะการัง และเมื่อมนุษย์เริ่มได้รู้ซึ้งถึงความสำคัญของแนวปะการังแล้ว พวกเราทุกคนควรช่วยกันร่วมกันอนุรักษ์ปะการังโดยการเริ่มต้นที่ตัวเราเอง https://www.greenpeace.org/thailand/...ing-in-taiwan/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
ไข่เต่าปลอมไฮเทคติดจีพีเอส ช่วยนักอนุรักษ์จับขโมยได้คาหนังคาเขา ![]() รูปลูกเต่าออกจากไข่ที่มาของภาพ,AFP / GETTY IMAGES ประเทศคอสตาริกาในภูมิภาคอเมริกากลาง แก้ปัญหาการลักลอบค้าไข่เต่าทะเลซึ่งเป็นการทำลายระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้ไข่เต่าปลอมไฮเทคที่ผลิตด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ แถมสอดไส้อุปกรณ์ส่งสัญญาณจีพีเอสไว้ภายในด้วย ไข่เต่าปลอมจะถูกนำไปวางผสมปนเปกับของจริงที่แม่เต่าไข่ทิ้งไว้ในหลุมตามชายหาด เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามหัวขโมยที่นำมันไปขายได้ถึงแหล่งส่งมอบสินค้า ซึ่งบางครั้งอยู่ไกลออกไปกว่าร้อยกิโลเมตร ไข่เต่าปลอมไฮเทคถูกคิดค้นขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อนโดย ดร. คิม วิลเลียมส์ - กีเยน นักวิทยาศาสตร์ประจำองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในประเทศนิการากัว เธอได้รับแรงบันดาลใจจากละครซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวน ที่ตำรวจมักจะแอบติดตั้งอุปกรณ์จีพีเอสกับสิ่งของหรือสินค้าที่คนร้ายทำการเคลื่อนย้าย เพื่อให้ล่วงรู้ความเคลื่อนไหวของขบวนการนอกกฎหมายได้ ![]() ไข่เต่าปลอมไฮเทคที่จะนำไปปะปนกับไข่เต่าทะเลของจริงเพื่อจับขโมย ที่มาของภาพ,HELEN PHEASEY ล่าสุดมีการวิจัยถึงประสิทธิผลของไข่เต่าปลอมนี้ โดยดร. เฮเลน ฟีซีย์ จากมหาวิทยาลัยเคนต์ของสหราชอาณาจักร ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาลงในวารสาร Current Biology ระบุว่าสิ่งประดิษฐ์นี้ช่วยลดปัญหาการลักลอบค้าไข่เต่าทะเลลงได้อย่างมาก ทั้งยังไม่เป็นอันตรายต่อไข่เต่าของจริงที่ยังไม่ได้ฟักเป็นตัวด้วย ก่อนหน้านี้ไข่เต่าที่ชายหาดบางแห่งของคอสตาริกาถึง 90% ไม่มีโอกาสจะได้ฟักเป็นลูกเต่า เนื่องจากมีการลักลอบนำไปขายเป็นอาหารที่คนนิยมบริโภค แต่หลังจากนักอนุรักษ์ใช้ไข่เต่าปลอมซึ่งส่งสัญญาณบอกพิกัดตำแหน่งของมันชั่วโมงละครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถติดตามแกะรอยหัวขโมยไปจนถึงแหล่งรับซื้อได้ ![]() แม่เต่าวางไข่ ที่มาของภาพ,AFP / GETTY IMAGES จากการทดลองใช้ไข่เต่าปลอมติดจีพีเอส 101 ใบ หลอกล่อคนร้ายที่ชายหาด 4 แห่ง พบว่าในจำนวนนี้ 25% ไม่ถูกนำออกไปจากหลุม หรือถูกคัดแยกทิ้งไปเสียก่อนที่ตำรวจจะติดตามไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่อย่างไรก็ตาม ไข่เต่าปลอมที่หัวขโมยนำติดตัวไป ทำให้มีการจับกุมผู้ลักลอบค้าทั้งขบวนการได้ถึง 5 ครั้ง โดยติดตามแกะรอยได้ไกลที่สุดถึง 137 กิโลเมตร "ความผิดฐานลักลอบค้าสัตว์ป่าหรือของป่า มีโทษหนักกว่าการขุดเอาไข่เต่าในเขตหวงห้ามเพียงอย่างเดียว ซึ่งอุปกรณ์นี้ช่วยให้เราแกะรอยติดตามและทลายขบวนการค้าไข่เต่าได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ" ดร. ฟีซีย์ กล่าว https://www.bbc.com/thai/features-54452103
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|