เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 22-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์


ผลกระทบสิ่งแวดล้อมแนวโน้มใหญ่ที่ธุรกิจต้องปรับตัว
......... คอลัมน์ ตลาดนัดการเงิน โดย...สุรัสวดี ไพเราะ ที่ปรึกษาบริหารทรัพย์ลูกค้าบุคคลพิเศษ AFPTTM ธนาคารกสิกรไทย



ในรอบหลายปีที่ผ่านมาเรื่องที่ทุกคนยังคงต้องให้ความสำคัญคงหนีไม่พ้นเรื่องของสภาวะโลกร้อน หรือ global warming โดยนิยามของภาวะโลกร้อนคือ การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศเพิ่มสูงขึ้น ทั้งอุณหภูมิบริเวณผิวโลกและอุณหภูมิจากน้ำทะเลในมหาสมุทร โดยสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในอากาศมาจากการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก (greenhouse gas) ที่เกิดจากการทำกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ในเกือบทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้าหรือการบริการ การขนส่งหรือการส่งมอบสินค้า การตัดไม้ทำลายป่า เกษตรกรรม การปศุสัตว์นำมาซึ่งขยะมูลฝอย การกระทำดังกล่าวมีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ ทำให้รังสีของดวงอาทิตย์ที่ควรสะท้อนกลับออกไปในปริมาณที่เหมาะสม กลับถูกก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้กักเก็บไว้ทำให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในปัจจุบัน ทำให้เกิดเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (climate change)


สภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบกับเรามากกว่าที่คิด

สภาวะโลกร้อนที่รุนแรงต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นสาเหตุของการเกิดภัยพิบัติ สร้างความเสียหายต่อภาคเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตมนุษย์ เช่น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ภัยแล้ง ความรุนแรงของพายุ รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพที่ลดลง โดยในประเทศไทยเองซึ่งเป็นประเทศเมืองร้อนก็รู้สึกได้ถึงอากาศบ้านเราที่ร้อนขึ้นทุกปี และจากหน้าหนาวที่เคยมีกลายเป็นมีเพียงแค่อากาศร้อนกับร้อนมากเท่านั้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางสหประชาชาติได้ให้ความสำคัญและช่วยกันกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหา โดยมีผู้แทนจากทั่วโลกมากกว่า 195 ประเทศ ให้ความเห็นชอบและร่วมลงนามความตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งเป็นความร่วมมือที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว


ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกันภัยพิบัติ

จากเวทีโลกที่มีการกระตุ้นให้เกิดการแก้ไขปัญหาระดับประเทศ และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาระดับองค์กร หลายบริษัทจากหลายภาคส่วนได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ ภาคการผลิตหันไปใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ลดการพึ่งพาการใช้ก๊าซธรรมชาติ เช่น การใช้พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานทางเลือกที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะที่หน่วยงานอื่นๆ เช่น การคมนาคม ก็มีการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยควันเสียมาทำร้ายสภาพแวดล้อม โดยระยะยาวค่าใช้จ่ายเพื่อการซ่อมบำรุงรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ายังมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่า ไม่เพียงเท่านี้ผู้ประกอบการค้าปลีกก็หันมาส่งเสริมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้ถุงพลาสติกและส่งเสริมให้ลูกค้านำถุงผ้ามาใช้ ขณะที่ระดับบุคคลทั่วไปก็สามารถช่วยเป็นส่วนหนึ่งเพื่อหยุดภาวะโลกร้อนได้ ผ่านการประหยัดไฟ และการปลูกต้นไม้


ภาวะโรคระบาดเป็นตัวเร่งให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

การปรับตัวในช่วงที่มีโรคระบาดเป็นการบังคับทางอ้อมให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยบริษัทห้างร้านต่างๆ มีการปรับตัวในแนวทางที่ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ขอความร่วมมือเพื่อหลีกเลี่ยงการกระจุกตัวในที่ชุมชน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการแพร่กระจายของโรคระบาด การทำงานที่บ้านหรือการเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ จึงเข้ามาแก้ไขปัญหาให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ ยิ่งกิจกรรมในการออกไปที่ชุมชนน้อยลงโอกาสในการสร้างขยะหรือใช้พลาสติกที่เป็นปัจจัยสำคัญให้เกิดภาวะเรือนกระจกก็จะน้อยลง การทำงานหรือการสร้างเอกสารผ่านระบบออนไลน์ที่มากขึ้นก็ทำให้การตัดต้นไม้เพื่อนำมาผลิตเป็นกระดาษก็น้อยลงเช่นเดียวกัน


ธรรมชาติได้ฟื้นฟูในขณะที่บริษัทก็เติบโตอย่างยั่งยืน

ผลพลอยได้จากการที่บริษัทต่างๆ ดำเนินการหรือกำหนดกลยุทธ์ในการทำธุรกิจเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระยะสั้นจะเห็นได้จากความสามารถในการลดค่าใช้จ่ายของบริษัทที่สิ้นเปลือง เช่น ค่าน้ำค่าไฟในสำนักงาน ค่าเดินทางของพนักงาน ค่าใช้จ่ายทางเอกสารและการจัดเก็บ ขณะที่ระยะยาวแรกจะส่งผลให้บริษัทต่างๆ มีการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะในประเทศที่มีนโยบายให้สิทธิพิเศษทางภาษีแก่บริษัทที่สามารถลดก๊าซ Co2 ได้จะส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการประหยัดค่าใช้จ่ายทางภาษี และในอีกด้านหนึ่ง บริษัทที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจะสามารถลดความเสี่ยงจากการมีปัญหากับคนในพื้นที่ ซึ่งจะนำมาซึ่งการฟ้องร้องในอนาคต ส่งผลให้บริษัทสามารถที่จะดำเนินธุรกิจได้อย่างราบเรียบมากขึ้น เช่น NIKE ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายรองเท้าและอุปกรณ์กีฬาชั้นนำของโลก ได้หันมาใช้พลังงานทางเลือกในการผลิต 100% และสามารถรีไซเคิลของเสีย การผลิตเส้นใยจากขวดพลาสติก


ลงทุนอย่างไรในภาวะที่โลกกำลังตื่นตัวในการดูแลสิ่งแวดล้อม

กระแสของการหันมาดูแลสิ่งแวดล้อมนำมาซึ่งโอกาสของนักลงทุนในการเข้าลงทุนในบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบรับไปกับทิศทางการเติบโตของโลก โดยเม็ดเงินจากการลงทุนจะเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่มีส่วนร่วมในการช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามการลงทุนไปกับบริษัทที่ให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่ กองทุนประเภทนี้จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นักลงทุนสามารถทยอยลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงของผู้ลงทุนจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว และเชื่อได้ว่าในอนาคตอันใกล้การลงทุนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมจะกลายเป็นกระแสหลักในธีมการลงทุนที่ผู้ลงทุนจะเลือกไว้เป็นอันดับต้นๆ โดยเราสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสิ่งแวดล้อมได้ง่ายๆผ่านการลงทุน


https://www.posttoday.com/finance-st...lumnist/636061

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 22-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


รู้หรือไม่! วาฬ1ตัวในทะเลดูดซับคาร์บอนได้25เท่าของต้นไม้หนึ่งต้น



ปัจจุบันโลกของเรานั้นพบเจอปัญญามลภาวะทางอากาศมลภาวะทางน้ำและปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหา ?โลกร้อน? เป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ และเราทุกคนจะทำอย่างไรให้โลกกลับมามีสภาพอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ฉะนั้น การปลูกต้นไม้ เป็นวิธีการต่อสู้กับปัญหามลภาวะทางอากาศ และแก้ปัญหาโลกร้อนได้ดีที่สุด แต่ต้นไม้ 1 ต้น ดูดซับคาร์บอน ได้ไม่เกิน 22 กิโลกรัม แต่ต้องปลูกต้นไม้กี่ต้นจึงจะพอต่อโลกใบนี้ มีงานวิจัยล่าสุด พบว่า ?วาฬเพียงหนึ่งตัว อาจสามารถช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เท่ากับต้นไม้ 1,000 ต้น? หรือวาฬนั้นจะเป็นตัวหลักในการช่วยให้โลกเรากลับมาอุดมสมบูรณ์ได้อีกครั้ง

เมื่อมีการนำข้อมูลการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ของวาฬและต้นไม้มาเปรียบเทียบกัน ซึ่งทำให้เราทราบว่า ?ต้นไม้ 1 ต้น? สามารถดูดซับคาร์บอน ?ไม่เกิน 22 กิโลกรัม? ต่อปี ในขณะที่ ?วาฬ 1 ตัว? สามารถดูดซับคาร์บอน ?ได้ถึง 550 กิโลกรัม? หรือ 25 เท่าของต้นไม้ 1 ต้น เมื่อวาฬตายลง ร่างของวาฬก็จะจมลงสู่ก้นทะเลพร้อมคาร์บอนไดออกไซด์ที่เก็บไว้ในตัวประมาณ 33 ตันทีเดียวแทนที่จะหลุดลอยไปในบรรยากาศ



ความสำคัญของวาฬกับคาร์บอนยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เนื่องจากมูลของวาฬ สามารถช่วยลดโลกร้อนได้อีกหนึ่งส่วน ซึ่งมูลของวาฬนั้นประกอบไปด้วย ธาตุเหล็ก จึงเป็นปุ๋ยชั้นดีให้เหล่าสาหร่ายทะเล และพืชทะเล อันเป็นอาหารของไฟโทแพลงก์ตอน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ช่วยดักจับคาร์บอนได้อย่างน้อย 37,000 ล้านตันต่อปี หรือมากกว่าป่าแอมะซอนถึง 4 เท่า



ปัจจุบันทั่วโลกมีวาฬราว 1.3 ล้านตัว หากมีปริมาณเพิ่มเป็น 4-5 ล้านตัวได้ จะสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 2.2-2.7 ล้านตันต่อปีทีเดียว อย่างไรก็ตาม หลายคนคงสงสัยและอาจจะยังไม่ทราบว่า วาฬ นั้น ไม่ใช่ปลา วาฬ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หายใจทางปอด อาศัยอยู่ในมหาสมุทรเป็นสัตว์เลือดอุ่น วาฬ นับว่าเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก วาฬจะรักษาความอบอุ่นในร่างกายด้วยไขมันในชั้นใต้ผิวหนัง ปลาวาฬใช้เวลาตั้งท้องทีละ 1 ตัว และใช้เวลาในตั้งครรภ์ประมาณ 1 ปี และทันทีที่คลอดลูกออกมา แม่ปลาวาฬจะใช้ลำตัวดันลูกขึ้นสู่ผิวน้ำ เพื่อสูดอากาศเข้าปอดเป็นครั้งแรกของชีวิต



แต่ในยุคปัจจุบันนี้มักจะมีข่าวออกมาให้เราเห็นเป็นที่น่าสลดใจอยู่ไม่น้อย จำนวนวาฬทั่วโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง วาฬ และสัตว์ทะเลจำนวนมากตกเป็นเหยื่อของมลพิษพลาสติก แต่ด้วยเหตุนี้ยิ่งชี้ให้เห็นว่า เราทุกคนนั้นควรจะช่วยกันอนุรักษ์ วาฬ แลสัตว์ทะเลชนิดอื่นให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งควรจะเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของการแก้ไข นอกจากการปลูกต้นไม้แล้ว ซึ่งวาฬเพียงตัวเดียวไม่สามารถที่จะช่วยโลกของเราได้ทั้งใบ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องช่วยกันดูแลรักษาระบบนิเวศ ลดพลาสติกกันให้ได้มากที่สุดไเพื่อให้ทุกชีวิตสามารถเกื้อกูลกันได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

ภาพและข้อมูลจาก : www.time.com / www.bluecarbonsociety.org


https://www.naewna.com/likesara/526600

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 22-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


เผยญี่ปุ่นจะลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายใน 2050



โตเกียว 21 ต.ค. ? หนังสือพิมพ์นิกเคอิ ของญี่ปุ่น รายงานวันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศในเร็ว ๆ นี้ที่จะให้คำมั่นในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นิกเคอิ รายงานโดยไม่ระบุแหล่งข่าวที่มาว่า นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ จะเป็นผู้ประกาศเป้ามหมายใหม่ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของญี่ปุ่น ในระหว่างที่เขากล่าวคำปราศรัยครั้วแรกต่อรัฐสภาในสัปดาห์หน้า หลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นเคยกล่าวว่า จะเดินหน้าบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในช่วงครี่งหลังของคริสศตวรรษนี้ แต่ไม่ได้ระบุปีที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งการระบุปี 2050 ถือเป็นความพยายาที่ท้าทายของรัฐบาลญี่ปุ่น นิกเคอิ รายงานว่า การเปลี่ยนแปลงท่าทีเรื่องนี้ของญี่ปุ่นหมายความว่า ญี่ปุ่นกำลังดำเนินตามแนวทางของสหภาพยุโรปที่กำหนดเป้าหมายไว้เมื่อปีที่แล้วว่า จะลดก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050.


https://tna.mcot.net/world-567381

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 22-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


นักธรณีวิทยา เตือน "เขาตะปู" เสี่ยงถล่ม

นักธรณีวิทยา ชี้ "เกาะทะลุ" เป็นเขาหินปูน มีลักษณะเปราะ บวกกับมีรอยแตก ฐานของหินเล็ก ทำให้พังถล่ม เตือน "เขาตะปู" แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง อีกจุดที่ต้องเฝ้าระวัง



วันนี้ (21 ต.ค.2563) นายอานนท์ อินทะโส ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 สุราษฎร์ธานี กล่าวถึงกรณีหินเกาะทะลุพังถล่ม ว่า ก่อนหน้านี้กรมทรัพยากรณีได้ทำการสำรวจ "เกาะทะลุ" มีอายุประมาณ 260 ล้านปี เป็นหินปูนมีลักษณะเปราะ มีรอยแตก ฐานของหินเกาะทะลุเล็กประกอบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาภาคใต้มีฝนตกและคลื่นลมทะเลมีกำลังแรง จึงทำให้หินเกาะทะลุแตกและพังถล่มลงมา เป็นปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ

"เขาหินปูนจะมีคุณสมบัติในการละลายน้ำได้หากฝนตกลงมามาก น้ำฝนจะทำปฏิกิริยากับหินปูนทำให้เกิดการละลายประกอบกับมีรอยแยก รอยแตก มีฝนตกและมีลมแรง มีน้ำแทรกเข้ามาก จนสูญเสียเสถียรภาพทำให้เกิดการถล่ม ซึ่งสามารถเกิดในบนบกและในทะเล"

นักธรณีวิทยา กล่าวว่า การถล่มเป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่ผ่านมาขนาดเล็กร่องรอย 1 เมตร และบางทีก็จมในทะเล ซึ่งในพื้นที่ จ.กระบี่ บนบกก็เคยมีเขาหินปูนถล่ม ปัจจัยจากการเปิดหน้าดินบนภูเขาเพื่อสร้างรีสอร์ตพื้นที่ลาดชันเชิงเขาเป็นสิ่งที่อันตราย

"หลายจุดท่องเที่ยวทางทะเลที่มีลักษณะคล้ายกันเช่น เขาตะปู จ.พังงา ก็ถือเป็นจุดที่มีความเสี่ยง เพราะมีน้ำเข้าไปแทรก มีรอยแยก มีปัจจัยเรืองคลื่นลม และอาจต้องเฝ้าระวังและแจ้งเตือนนักท่องเที่ยว"



ขณะที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี และสำนักงานทรัพยากรธรณี เตรียมลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย และเร่งตรวจสอบเขาหินปูนลูกอื่น ๆ ในพื้นที่ เพราะยังมีอีกหลายลูกที่มีความเสี่ยงแตกหัก พัง ถล่มลงมาได้อีก

"ขอประชาชนในพื้นที่ระวังอันตราย ทั้งภูเขาหินปูนและดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน"

ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุเกาะหินแตกถล่ม ที่หมู่เกาะสุรินทร์ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อ ก.ย.2563 ซึ่งมีการถล่มลงในทะเลเป็นบริเวณกว้าง ร้อยละ 15-20 ของพื้นที่เกาะ

โดยจากการตรวจสอบสันนิษฐานว่าเกิดจากการเคลื่อนตัวของชั้นหินและชั้นดินที่ถูกกัดเซาะจากฝนตกหนักและคลื่นลมแรง


"เขาหินปูน" หมู่เกาะอ่างทอง (ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช)


สำรวจใต้น้ำพบโพรงอากาศ เสี่ยงถล่มซ้ำ

ขณะที่วันนี้ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ดำน้ำสำรวจพบว่าบริเวณรอบเกาะทะลุยังมีรอยร้าวอีกหลายจุด มีความเสี่ยงที่จะถล่มลงมาได้ จึงได้ประกาศเตือนนักท่องเที่ยว ให้ระมัดระวัง ห้ามเข้าใกล้จุดเกิดเหตุ

เจ้าหน้าที่ดำน้ำสำรวจที่ระดับความลึกประมาณ 20 เมตร พบก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมาก บางส่วนมีรอยแตกชิ้นส่วนกระจัดกระจายทั่วบริเวณ

นอกจากนั้นยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่อยู่บนเขาทะลุ หักโค่นลงมาทั้งต้น และพบว่ายังมีโพรงอากาศด้านล่างของเกาะทะลุ มีความเสี่ยงที่จะพังถล่มลงมาได้ตลอดเวลา นักดำน้ำจึงต้องรีบขึ้นมาเพื่อความปลอดภัย

ขณะที่ นายประยูร พงศ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจ เพื่อห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวหรือเรือประมงเข้ามาใกล้บริเวณดังกล่าว




https://news.thaipbs.or.th/content/297622

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:18


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger