![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
รู้หรือไม่! วาฬ1ตัวในทะเลดูดซับคาร์บอนได้25เท่าของต้นไม้หนึ่งต้น ![]() ปัจจุบันโลกของเรานั้นพบเจอปัญญามลภาวะทางอากาศมลภาวะทางน้ำและปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหา ?โลกร้อน? เป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ และเราทุกคนจะทำอย่างไรให้โลกกลับมามีสภาพอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ฉะนั้น การปลูกต้นไม้ เป็นวิธีการต่อสู้กับปัญหามลภาวะทางอากาศ และแก้ปัญหาโลกร้อนได้ดีที่สุด แต่ต้นไม้ 1 ต้น ดูดซับคาร์บอน ได้ไม่เกิน 22 กิโลกรัม แต่ต้องปลูกต้นไม้กี่ต้นจึงจะพอต่อโลกใบนี้ มีงานวิจัยล่าสุด พบว่า ?วาฬเพียงหนึ่งตัว อาจสามารถช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เท่ากับต้นไม้ 1,000 ต้น? หรือวาฬนั้นจะเป็นตัวหลักในการช่วยให้โลกเรากลับมาอุดมสมบูรณ์ได้อีกครั้ง เมื่อมีการนำข้อมูลการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ของวาฬและต้นไม้มาเปรียบเทียบกัน ซึ่งทำให้เราทราบว่า ?ต้นไม้ 1 ต้น? สามารถดูดซับคาร์บอน ?ไม่เกิน 22 กิโลกรัม? ต่อปี ในขณะที่ ?วาฬ 1 ตัว? สามารถดูดซับคาร์บอน ?ได้ถึง 550 กิโลกรัม? หรือ 25 เท่าของต้นไม้ 1 ต้น เมื่อวาฬตายลง ร่างของวาฬก็จะจมลงสู่ก้นทะเลพร้อมคาร์บอนไดออกไซด์ที่เก็บไว้ในตัวประมาณ 33 ตันทีเดียวแทนที่จะหลุดลอยไปในบรรยากาศ ความสำคัญของวาฬกับคาร์บอนยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เนื่องจากมูลของวาฬ สามารถช่วยลดโลกร้อนได้อีกหนึ่งส่วน ซึ่งมูลของวาฬนั้นประกอบไปด้วย ธาตุเหล็ก จึงเป็นปุ๋ยชั้นดีให้เหล่าสาหร่ายทะเล และพืชทะเล อันเป็นอาหารของไฟโทแพลงก์ตอน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ช่วยดักจับคาร์บอนได้อย่างน้อย 37,000 ล้านตันต่อปี หรือมากกว่าป่าแอมะซอนถึง 4 เท่า ปัจจุบันทั่วโลกมีวาฬราว 1.3 ล้านตัว หากมีปริมาณเพิ่มเป็น 4-5 ล้านตัวได้ จะสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 2.2-2.7 ล้านตันต่อปีทีเดียว อย่างไรก็ตาม หลายคนคงสงสัยและอาจจะยังไม่ทราบว่า วาฬ นั้น ไม่ใช่ปลา วาฬ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หายใจทางปอด อาศัยอยู่ในมหาสมุทรเป็นสัตว์เลือดอุ่น วาฬ นับว่าเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก วาฬจะรักษาความอบอุ่นในร่างกายด้วยไขมันในชั้นใต้ผิวหนัง ปลาวาฬใช้เวลาตั้งท้องทีละ 1 ตัว และใช้เวลาในตั้งครรภ์ประมาณ 1 ปี และทันทีที่คลอดลูกออกมา แม่ปลาวาฬจะใช้ลำตัวดันลูกขึ้นสู่ผิวน้ำ เพื่อสูดอากาศเข้าปอดเป็นครั้งแรกของชีวิต แต่ในยุคปัจจุบันนี้มักจะมีข่าวออกมาให้เราเห็นเป็นที่น่าสลดใจอยู่ไม่น้อย จำนวนวาฬทั่วโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง วาฬ และสัตว์ทะเลจำนวนมากตกเป็นเหยื่อของมลพิษพลาสติก แต่ด้วยเหตุนี้ยิ่งชี้ให้เห็นว่า เราทุกคนนั้นควรจะช่วยกันอนุรักษ์ วาฬ แลสัตว์ทะเลชนิดอื่นให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งควรจะเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของการแก้ไข นอกจากการปลูกต้นไม้แล้ว ซึ่งวาฬเพียงตัวเดียวไม่สามารถที่จะช่วยโลกของเราได้ทั้งใบ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องช่วยกันดูแลรักษาระบบนิเวศ ลดพลาสติกกันให้ได้มากที่สุดไเพื่อให้ทุกชีวิตสามารถเกื้อกูลกันได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต ภาพและข้อมูลจาก : www.time.com / www.bluecarbonsociety.org https://www.naewna.com/likesara/526600
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
เผยญี่ปุ่นจะลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายใน 2050 ![]() โตเกียว 21 ต.ค. ? หนังสือพิมพ์นิกเคอิ ของญี่ปุ่น รายงานวันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศในเร็ว ๆ นี้ที่จะให้คำมั่นในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นิกเคอิ รายงานโดยไม่ระบุแหล่งข่าวที่มาว่า นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ จะเป็นผู้ประกาศเป้ามหมายใหม่ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของญี่ปุ่น ในระหว่างที่เขากล่าวคำปราศรัยครั้วแรกต่อรัฐสภาในสัปดาห์หน้า หลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่นเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นเคยกล่าวว่า จะเดินหน้าบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในช่วงครี่งหลังของคริสศตวรรษนี้ แต่ไม่ได้ระบุปีที่เป็นเป้าหมาย ซึ่งการระบุปี 2050 ถือเป็นความพยายาที่ท้าทายของรัฐบาลญี่ปุ่น นิกเคอิ รายงานว่า การเปลี่ยนแปลงท่าทีเรื่องนี้ของญี่ปุ่นหมายความว่า ญี่ปุ่นกำลังดำเนินตามแนวทางของสหภาพยุโรปที่กำหนดเป้าหมายไว้เมื่อปีที่แล้วว่า จะลดก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050. https://tna.mcot.net/world-567381
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
นักธรณีวิทยา เตือน "เขาตะปู" เสี่ยงถล่ม นักธรณีวิทยา ชี้ "เกาะทะลุ" เป็นเขาหินปูน มีลักษณะเปราะ บวกกับมีรอยแตก ฐานของหินเล็ก ทำให้พังถล่ม เตือน "เขาตะปู" แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง อีกจุดที่ต้องเฝ้าระวัง ![]() วันนี้ (21 ต.ค.2563) นายอานนท์ อินทะโส ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 สุราษฎร์ธานี กล่าวถึงกรณีหินเกาะทะลุพังถล่ม ว่า ก่อนหน้านี้กรมทรัพยากรณีได้ทำการสำรวจ "เกาะทะลุ" มีอายุประมาณ 260 ล้านปี เป็นหินปูนมีลักษณะเปราะ มีรอยแตก ฐานของหินเกาะทะลุเล็กประกอบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาภาคใต้มีฝนตกและคลื่นลมทะเลมีกำลังแรง จึงทำให้หินเกาะทะลุแตกและพังถล่มลงมา เป็นปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ "เขาหินปูนจะมีคุณสมบัติในการละลายน้ำได้หากฝนตกลงมามาก น้ำฝนจะทำปฏิกิริยากับหินปูนทำให้เกิดการละลายประกอบกับมีรอยแยก รอยแตก มีฝนตกและมีลมแรง มีน้ำแทรกเข้ามาก จนสูญเสียเสถียรภาพทำให้เกิดการถล่ม ซึ่งสามารถเกิดในบนบกและในทะเล" นักธรณีวิทยา กล่าวว่า การถล่มเป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่ผ่านมาขนาดเล็กร่องรอย 1 เมตร และบางทีก็จมในทะเล ซึ่งในพื้นที่ จ.กระบี่ บนบกก็เคยมีเขาหินปูนถล่ม ปัจจัยจากการเปิดหน้าดินบนภูเขาเพื่อสร้างรีสอร์ตพื้นที่ลาดชันเชิงเขาเป็นสิ่งที่อันตราย "หลายจุดท่องเที่ยวทางทะเลที่มีลักษณะคล้ายกันเช่น เขาตะปู จ.พังงา ก็ถือเป็นจุดที่มีความเสี่ยง เพราะมีน้ำเข้าไปแทรก มีรอยแยก มีปัจจัยเรืองคลื่นลม และอาจต้องเฝ้าระวังและแจ้งเตือนนักท่องเที่ยว" ![]() ขณะที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี และสำนักงานทรัพยากรธรณี เตรียมลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย และเร่งตรวจสอบเขาหินปูนลูกอื่น ๆ ในพื้นที่ เพราะยังมีอีกหลายลูกที่มีความเสี่ยงแตกหัก พัง ถล่มลงมาได้อีก "ขอประชาชนในพื้นที่ระวังอันตราย ทั้งภูเขาหินปูนและดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน" ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุเกาะหินแตกถล่ม ที่หมู่เกาะสุรินทร์ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อ ก.ย.2563 ซึ่งมีการถล่มลงในทะเลเป็นบริเวณกว้าง ร้อยละ 15-20 ของพื้นที่เกาะ โดยจากการตรวจสอบสันนิษฐานว่าเกิดจากการเคลื่อนตัวของชั้นหินและชั้นดินที่ถูกกัดเซาะจากฝนตกหนักและคลื่นลมแรง ![]() "เขาหินปูน" หมู่เกาะอ่างทอง (ภาพ : กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช) สำรวจใต้น้ำพบโพรงอากาศ เสี่ยงถล่มซ้ำ ขณะที่วันนี้ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ดำน้ำสำรวจพบว่าบริเวณรอบเกาะทะลุยังมีรอยร้าวอีกหลายจุด มีความเสี่ยงที่จะถล่มลงมาได้ จึงได้ประกาศเตือนนักท่องเที่ยว ให้ระมัดระวัง ห้ามเข้าใกล้จุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดำน้ำสำรวจที่ระดับความลึกประมาณ 20 เมตร พบก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมาก บางส่วนมีรอยแตกชิ้นส่วนกระจัดกระจายทั่วบริเวณ นอกจากนั้นยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่อยู่บนเขาทะลุ หักโค่นลงมาทั้งต้น และพบว่ายังมีโพรงอากาศด้านล่างของเกาะทะลุ มีความเสี่ยงที่จะพังถล่มลงมาได้ตลอดเวลา นักดำน้ำจึงต้องรีบขึ้นมาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ นายประยูร พงศ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจ เพื่อห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวหรือเรือประมงเข้ามาใกล้บริเวณดังกล่าว https://news.thaipbs.or.th/content/297622
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|