เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 27-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


บทเรียนเฉียดตาย! น้องสโนว์ (กวางเลี้ยง) กินถุงพลาสติก-สายชาร์ต-หนังยาง


ตอนนี้น้องสโนว์ปลอดภัยแล้ว กลับมากินอาหารได้เป็นปกติ

ที่บอกว่าเป็นบทเรียน เพื่อบอกทุกคนว่า ควรตระหนักเรื่องการทิ้งขยะให้เป็นที่ ถ้าดูแล้วอาจทำอันตรายต่อสัตว์ป่า สัตว์ทะเลเราควรเก็บขยะกลับไปด้วย

โดยเฉพาะเมื่อนักท่องเที่ยวเข้าไปในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ เหมือนเราอยู่ในบ้านของสัตว์ป่า ขยะเศษอาหารที่อยู่กับพลาสติกหุ้มห่อ หากทิ้งไม่เป็นที่ สัตว์ป่ามากิน เขาแยกแยะไม่ได้จึงกินทั้งห่อพลาสติกซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต

อย่างกรณี น้องสโนว์ ดีที่ว่าเป็นกวางเลี้ยง จึงอยู่ใกล้หน่วยศัลยกรรมสัตว์ใหญ่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ น้องกินถุงพลาสติก สายชาร์ตโทรศัพท์ หนังยางมัด และเศษผ้า พบอยู่ในกระเพาะอาหาร อาการตอนที่พบคือกินอะไรก็อ้วกออกมา





วัสดุแปลกปลอมที่พบอยู่ในกระเพาะอาหาร ของน้องสโนว์

เมื่อวานนี้ (25 ต.ค.2563) เพจเฟซบุ๊ค Wildlife Unit, Kasetsart University -หน่วยสัตว์ป่า รพส. ม.เกษตรศาสตร์ โพสต์ภาพน้องสโนว์ และสิ่งที่พบในกระเพาะอาหาร จึงฝากเตือนทุกคนว่า

น้องแอบเผลอไปกินถุงพลาสติกกับสายชาร์ตโทรศัพท์ จนทำให้กระเพาะอาหารอุดตัน กินอะไรก็อ้วกออกมาหมด
ดีที่ทีมคุณหมอได้ทำการผ่าตัดเพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออกจากกระเพาะ และช่วยชีวิตไว้ได้ทัน

ตอนนี้น้องสโนว์ปลอดภัย กลับมากินอาหารได้ตามปกติแล้วค่ะ

ยังดีที่น้องสโนว์เป็นกวางเลี้ยง เจ้าของสังเกตอาการและนำมารักษาได้อย่างท่านท่วงที หากเป็นกวางป่าก็คงไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ทัน เพราะฉะนั้น #ขยะในมือท่านลงถังเถอะนะคะ #อย่าลืมปิดฝาถังด้วยน้า และ #มาลดการใช้พลาสติกกันเถอะค่ะ

ปล.ขอขอบคุณหน่วยศัลยกรรมสัตว์ใหญ่ ที่ช่วยเหลือในการผ่าตัดครั้งนี้ค่ะ


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000111147

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 27-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


ญี่ปุ่นเตรียมปล่อย "น้ำเสีย" ลงทะเล หลังทะเลสะอาดเกินไป จนสัตว์ขาดสารอาหาร



ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ และพบได้ในญี่ปุ่นเท่านั้น คงหนีไม่พ้นภาพคูคลองที่สะอาดจนเห็นปลาสีสวย แหวกว่ายอย่างสนุกสนาน ที่มีผลพลอยได้มาจากระบบการบำบัดน้ำเสียจนสะอาด แต่ใครจะไปรู้ว่าการบำบัดน้ำสะอาดเกินไปก็ส่งผลกระทบได้เช่นกัน

น้ำเสีย มักจะมีสิ่งเจือปน ไม่ว่าจะเป็น ขยะ ตะกอน หรือสารเคมีอยู่มากมาย ซึ่งสารบางชนิดที่เจือปนอยู่นั้นกลับเป็นแหล่งพลังงานให้กับ แพลงตอนพืช ในกลุ่มไดโนแฟลกเจลเลต ที่สามารถเติบโตได้ดีในทะเลที่มี แอมโมเนีย ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส มาก ซึ่งแพลงตอนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตมีบทบาทสำคัญต่อทะเลเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นผู้ผลิตขั้นต้นของห่วงโซ่อาหาร และเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตหลายชนิด

ทำให้ กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น เตรียมวางแผนที่จะใช้มาตรการที่จะป้องกันไม่ให้ ทะเลในเซโตะ "สะอาดเกินไป" อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการประมง หลังจากพบว่า ทะเลในเซโตะนั้นมีความหนาแน่นของเกลือ ไนโตรเจน และฟอสฟอรัสลดลง ส่งผลให้สาหร่ายเปลี่ยนสี และจำนวนปลาที่ลดน้อยลง



ก่อนหน้านี้ทะเลในเซโตะเสื่อมโทรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากการปล่อยน้ำเสียจากอุตสาหกรรมลงทะเล ในช่วงที่เศรษฐกิจมีการเติบโตสูง ในปี 1973 ให้กระทรวงสิ่งแวดล้อมจึงได้ออกกฏหมาย เริ่มต้นบำบัดน้ำเสียโดยการลดเกลือที่มีส่วนสร้างสารอาหารในน้ำลง

ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำขุ่นมัว เน่าเหม็น และเกิดปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของ แพลงตอนพืช ส่งผลให้พืช และสัตว์น้ำในบริเวณนั้นตายลง รวมถึงเริ่มมีการจำกัดการปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น



แต่การลดการปล่อยเกลือสารอารหารลงน้ำนั้น ทำให้ปริมาณของแพลงตอนลดต่ำลงทำให้สาหร่ายเปลี่ยนสีและจำนวนปลาก็ลดลงด้วย ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการประมงในพื้นที่ และฟาร์มเพาะเลี้ยงสาหร่าย เป็นอย่างมาก

เพื่อไม่ให้ขัดกับข้อกฎหมายเดิม ทำให้ทางกระทรวงได้พิจารณา และจะส่งร่างพระราชบัญญัติเพื่อแก้ไข กฏหมายมาตรการพิเศษเกี่ยว กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของทะเลเซโตะในสภาไดเอทแห่งชาติญี่ปุ่นซึ่งมีกำหนดจัดประชุมในต้นปีหน้า เพื่อกำหนดปริมาณเกลือ และดำเนินมาตรการให้บรรลุเป้าหมาย

โดยมาตรการดังกล่าวจะดำเนินการโดยหน่วยงานของท้องถิ่น เพราะมีความเข้าใจในพื้นที่มากกว่า ซึ่งมาตรการพิเศษดังกล่าว คาดว่าจะเริ่มในช่วงฤดูการเลี้ยงสาหร่ายระหว่างฤดูใบไม้ร่วง จนถึงฤดูใบไม้ผลิในปีถัดไป โดยจะมีการเพิ่มปริมาณเกลือ โดยการปล่อยน้ำออกจากโรงบำบัดน้ำเสีย เขื่อน รวมถึงอ่างเก็บน้ำ เพื่อให้แหล่งเกลือสารอาหารเข้าสู่ทะเล


https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5191187

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 27-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


โลกร้อน ปลุก "แบคทีเรียกินเนื้อ" ว่ายน้ำทะเล กินซีฟู้ด เสี่ยงติดเชื้อ ป่วยพุ่ง!



การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรียวิบริโอ กว่า 80,000 ราย และเสียชีวิตกว่า 100 รายต่อปี เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในรอบทศวรรษ ซึ่งส่วนใหญ่มักติดเชื้อจากการกินอาหารทะเลดิบ หรือสัมผัสกับน้ำทะเล

ศูนย์ควบคุม และป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ แบคทีเรียวิบริโอ ที่มีความเป็นพิษมากถึง 80,000 รายในทุก ๆ ปี แต่มีเพียง 1,200 - 2,000 เคสเท่านั้นที่ัได้รับการยืนยัน เนื่องจากมักถูกวินิจฉัยผิด

โลกร้อน นอกจากจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และทวีความรุนแรงของพายุแล้วนั้น ยังส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของน้ำทะเลและแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในนั้น รวมถึงแบคทีเรียวิบริโอ ที่มีความอันตรายยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ในน้ำที่อุ่น



เมื่อติดเชื้อจากแบคทีเรียดังกล่าว ผู้ป่วยจะมีอาการท้องเสีย ท้องร่วง และถ่ายเหลวเป็นน้ำ มักจะเกิดตะคริวในช่องท้อง , คลื่นไส้, อาเจียนมีไข้และหนาวสั่น ซึ่งอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง ถึงประมาณ 3 วัน อาการที่รุนแรงมักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ

เชื้อแบคทีเรียนี้อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง ขณะที่มีแผลเปิด และไปสัมผัสกับน้ำทะเล รวมไปถึงการรับประทานอาหารทะเล การติดเชื้อแบคทีเรียวิบริโอ นั้นวินิจฉัยโรคได้ยาก และควรจะรักษาอย่างรวดเร็วก่อนที่ขนาดของแผลจะใหญ่ หรือลุกลามมากขึ้น



ผู้ป่วยทุกรายมักมีประวัติการเล่นน้ำ หรือรับประทานอาหารทะเลมาก่อน ฉะนั้นการรับประทานอาหารทะเลที่ทำให้สุกและยังร้อนๆ อยู่ จึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด และไม่ควรนำอาหารทะเลดิบ และปรุงสุกวางปะปนกัน

รวมทั้งควรแยกอุปกรณ์ในการประกอบอาหารหรือทำความสะอาดอุปกรณ์สำหรับอาหารทะเลก่อนนำไปใช้กับอาหารชนิดอื่น และหลีกเลี่ยงการสัมผัสของบาดแผลเปิดกับน้ำทะเลหรือน้ำกร่อย

ในปัจจุบันรัฐเซาท์แคโรไลนาพบเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้มากเป็น 3 เท่า และนอร์ทแคโรไลนาพบเป็น 2 เท่าของปี 2007 และผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากแบคทีเรียวิบริโอ มีตั้งแต่การรักษาหาย สูญเสียอวัยวะ จนกระทั่งเสียชีวิต


จอร์ซ หลุยส์ รูซ ผู้รอดชีวิตจากการติดเชื้อ

ยกตัวอย่างเช่น นายบิลลี่ เบลีย์ เขาเสียชีวิตหลังจากโดนปูหนีบ ก่อนที่จะมีอาหารหนาวสั่น ปวดท้อง เดินลำบากก่อนจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในที่สุด นายรอน เฟลป์ส ถูกหินขูดที่ขา ขณะทำความสะอาดหลังจากเฮอริเคนฟลอเรนซ์ถล่ม หลายวันต่อมาเขาทรุดตัวลง แพทย์ตัดขาของเขา แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ และนายจอร์ซ หลุยส์ รูซ เขารอดชีวิตจากการติดเชื้อ แต่สูญเสียขาไปหนึ่งข้าง

การเจ็บป่วยจากเชื้อแบคทีเรียนี้ทำให้ประเทศเสียค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลหลายสิบล้านดอลลาร์ในแต่ละปี ทำให้หน่วยงานรัฐออกคำเตือน และทำแผนการควบคุมการระบาดจากแบคทีเรีย vibrio ไม่ว่าจะเป็นการลงเล่นน้ำทะเล การกินอาหารทะเล โดยเฉพาะปลาดิบ และหอยนางรมสด


https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5188571
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 27-10-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


ฮือฮา! ชาวประมงกระบี่พบปลาหน้าตาประหลาด



กระบี่ 26 ต.ค.- ฮือฮา! ชาวประมงกระบี่พบปลาหน้าตาประหลาด น้ำหนักเกือบ 3 กก. ขณะไปวางอวนปูที่เกาะบงบง ต.เขาทอง จ.กระบี่ ชาวบ้านไม่เคยพบเห็นมาก่อน บอกหน้าตาคล้ายใบหน้าคนไม่กล้านำไปรับประทาน

วันนี้ ชาวประมงบ้านคลองกรวด ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ จับปลารูปร่างหน้าตาประหลาดขนาดใหญ่ได้ มีชาวบ้านพาไปดูกันด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชาวประมงที่พบปลาดังกล่าวคือนายประเสริฐ ชูกูล จึงนำปลาตัวนี้ขึ้นจากเรือ ที่บริเวณท่าเทียบเรือหลังบ้าน นำไปชั่งมีน้ำหนัก 2.7 กิโลกรัม ยาว 42 ซม. ลำตัวลักษณะลายจุดขาวคล้ายปลาเก๋า แต่ส่วนหัวมีลักษณะแปลกออกไป ตา 2 ข้างตั้งอยู่ด้านบนหัว มีปากใหญ่และหนา และครีบหางมี 3 แฉก

นายประเสริฐเล่าว่าพบปลาตัวดังกล่าวเมื่อวานนี้ หลังออกไปวางอวนที่เกาะบงบง ต.เขาทอง ขณะที่ตนและลูกเรือกำลังดึงอวนขึ้นมา รู้สึกว่าอวนหนักมากเมื่ออวนโผล่พ้นน้ำก็ต้องตกใจเมื่อเห็นตัวปลาหน้าตาประหลาดน่ากลัวไม่เคยเห็นมาก่อน แทบจะวางอวนลงแต่ด้วยความอยากรู้ว่าเป็นปลาอะไรกันแน่จึงนำกลับมาบ้าน สอบถามชาวประมงเก่าแก่ในหมู่บ้านก็ไม่มีใครรู้จัก ไม่เคยเห็น จึงไม่กล้านำไปประกอบอาหาร เพราะหน้าตาคล้ายคนมาก เปลือกปากใหญ่ แต่ไม่มีฟันแม้แต่ซี่เดียว ขณะที่นายยู่โสบ ชูกูล กล่าวว่า ทำประมงมานานกว่า 50 ปี จนขณะนี้อายุ 80 ปีแล้วยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน


https://tna.mcot.net/region-570575

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:48


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger