![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ใกล้ฤดูฝุ่น! กลับมาหาชาวกรุงอีกแล้ว .................... รศ.ดร. วิษณุ อรรถวานิช ![]() เมื่อฤดูฝุ่นใกล้จะกลับมาหาชาวกรุงฯ อีกครั้ง ทายกันสิครับว่าชาวกรุงเทพฯ ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ป้องกันฝุ่นพิษ PM2.5 เท่าไหร่ในปีที่ผ่านมา?... คำตอบคือ 6,124.89 บาท/ครัวเรือน/ปี! หากนำไปพิจารณาร่วมกับจำนวนครัวเรือนในกรุงเทพฯ ปี 2562 จำนวน 2,837,360 ครัวเรือน ที่ระบุว่าได้ใช้จ่ายเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ป้องกันฝุ่นพิษ (คิดจากร้อยละ 93.3 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด) ผลการศึกษาพบว่า ต้นทุนทางสังคมที่ชาวกรุงเทพฯ ต้องควักจ่ายเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ป้องกันฝุ่นพิษ PM2.5 ในฤดูฝุ่นพิษปี 2562/2563 ที่ผ่านมาจะมีค่าสูงถึง 17,379 ล้านบาท/ปี!! ติดตามอ่านรายละเอียดได้ดังนี้ครับ... งานศึกษาครั้งนี้เป็นงานศึกษาค้นคว้าอิสระของนิสิตปริญญาโทที่ผมเป็นที่ปรึกษา งานวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจาก 564 ครัวเรือนที่อาศัยในกรุงเทพมหานคร ระหว่างเดือนธันวาคม 2562-กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ฝุ่นพิษ PM2.5 มีค่าอยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพอย่างมากเมื่อเทียบกันเดือนอื่นๆ ของปี หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า "ฤดูฝุ่น" โดยได้กระจายเก็บข้อมูลทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แก่ กรุงเทพเหนือ กรุงธนเหนือ กรุงธนใต้ กรุงเทพกลาง กรุงเทพตะวันออก และกรุงเทพใต้ โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิตามสัดส่วนประชากรทั้ง 6 พื้นที่ข้างต้น ![]() ภาพที่ 2 ข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง ภาพที่ 2 แสดงข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่างทั้ง 564 ครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 55 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด ส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรีร้อยละ 54.3 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด มีอายุในช่วง 40-49 ปี มากที่สุด และส่วนใหญ่ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชนและรับจ้างทั่วไปร้อยละ 30.7 และ 24.1 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด ตามลำดับ เมื่อพิจารณาถึงรายได้ต่อคน ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีรายได้ระหว่าง 10,000-30,000 บาทต่อคนต่อปี คิดเป็นร้อยละ 80 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด และหากพิจารณารายได้ต่อครัวเรือน ส่วนใหญ่มีรายได้ระหว่าง 30,000-50,000 บาทต่อครัวเรือนต่อปี คิดเป็นร้อยละ 47.3 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด และเมื่อพิจารณาจำนวนวันที่เสี่ยงอยู่นอกอาคารและสถานที่ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องเสี่ยงอยู่นอกอาคารและสถานที่ 3-5 วันต่อสัปดาห์ ![]() ภาพที่ 3 ผลกระทบของมลพิษทางอากาศ ภาพที่ 3 แสดงผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อกลุ่มตัวอย่าง โดยผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 64.5 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด รายงานว่าได้รับผลกระทบอย่างมากจากมลพิษทางอากาศ และร้อยละ 27.1 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด รายงานว่าได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศในระดับปานกลาง ขณะที่เพียงร้อยละ 8.3 รายงานว่าไม่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ สำหรับการหลีกเลี่ยงปัญหามลพิษทางอากาศ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 93.3 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด เลือกใส่หน้ากากอนามัย/ผ้าปิดจมูก กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 3.9 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด ซื้อเครื่องฟอกอากาศ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 6.7 ไม่ได้ทำการป้องกันตัวใดๆ เลย สำหรับพฤติกรรมการใส่หน้ากากอนามัย/ผ้าปิดจมูกในวันที่ค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 59.2 ใส่หน้ากากอนามัยทุกวันในวันที่ค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ![]() ภาพที่ 4 ค่าใช้จ่ายในการป้องกัน ภาพที่ 4 แสดงค่าใช้จ่ายในการป้องกันตนเองจากมลพิษทางอากาศ ในทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า "Avoidance Cost" ซึ่งสะท้อนต้นทุนทางสังคม (Social Cost) ส่วนที่ผ่านตลาดเพียงบางส่วนเท่านั้น จัดเป็นต้นทุนความเสียหายของสังคมขั้นต่ำที่สุดจากมลพิษทางอากาศ (ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ผ่านตลาด และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ผ่านตลาด เช่น ความสุขในชีวิต การเจ็บป่วยที่ยังไม่แสดงอาการ) โดยผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายเพื่อป้องกันมลพิษทางอากาศจำนวน 3,001-5,000 บาทต่อครัวเรือนต่อปี คิดเป็นร้อยละ 24.5 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด รองลงมา มีค่าใช้จ่ายเพื่อป้องกันมลพิษทางอากาศจำนวน 1,000-3,000 บาทต่อครัวเรือนต่อปี และจำนวน 7,001-10,000 บาทต่อครัวเรือนต่อปี คิดเป็นร้อยละ 23.9 และ 20.4 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด ตามลำดับ หากนำค่าใช้จ่ายเพื่อป้องกันมลพิษทางอากาศของทุกครัวเรือนมาหาค่าเฉลี่ย พบว่า ในฤดูฝุ่นปี 2562/63 ที่ผ่านมา ชาวกรุงเทพฯ ต้องควักจ่ายเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ป้องกันฝุ่นพิษ PM2.5 จำนวน 6,124.89 บาท/ครัวเรือน/ปี หากนำไปพิจารณาร่วมกับจำนวนครัวเรือนในกรุงเทพฯ ปี 2562 จำนวน 2,837,360 ครัวเรือน ที่ระบุว่าได้ใช้จ่ายเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ป้องกันฝุ่นพิษ (คิดจากร้อยละ 93.3 ของจำนวนตัวอย่างทั้งหมด) ผลการศึกษาพบว่า ต้นทุนทางสังคมที่ชาวกรุงเทพฯ ต้องควักจ่ายเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ป้องกันฝุ่นพิษ PM2.5 ในฤดูฝุ่นพิษปี 2562/2563 ที่ผ่านมาจะมีค่าสูงถึง 17,379 ล้านบาท/ปี!! ถ้าคุณภาพอากาศดีขึ้นและแต่ละครัวเรือนนำเงินจำนวน 6,124.89 บาท ไปซื้อขนมให้เด็กๆ หรือไปซื้อสินค้าหรือไปท่องเที่ยวอื่นๆได้ ความสุขของชาวกรุงเทพฯ น่าจะเพิ่มได้อีก จริงมั้ยครับ https://mgronline.com/greeninnovatio.../9630000111331
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
สุดยื้อพะยูนมาหยา ![]() กระบี่ 27 ต.ค. 63 ? เจ้าหน้าที่สุดยื้อชีวิตพะยูนสาว ทนพิษบาดแผลจากใบพัดเรือไม่ไหว ตายนะหว่างนำตัวรักษา หลังจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี พบพะยูนเพศเมีย ลอยกลางทะเลบริเวณอ่าวมาหยาหมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามันตอนบน เข้าพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือพะยูนตัวดังกล่าว โดยเป็นพะยูน เพศเมีย ขนาดความยาว 1.7เมตร น้ำหนัก 115 กิโลกรัม มีสภาพอ่อนแรง สาหร่ายปกคลุมบริเวณหลัง และพบแผลฉกรรจ์ มีลักษณะเป็นแผลเนื้อตาย เปื่อยยุ่ย บริเวณด้านหลังขนาดแผลยาวประมาณ 20 เซ็นติเมตร กว้าง 7 เซ็นติเมตร มีภาวะท้องอืดลอยตัวเอียงด้านขวา ไม่สามารถทรงตัวว่ายน้ำได้ตามปกติ จึงร่วมกันล้อมจับและรีบขนย้ายด้วยเรือเร็วของเอกชนมาส่งยังท่าเทียบเรืที่ศูนย์วิจัยฯ ภูเก็ต เพื่อรักษา ณศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร โดยระหว่างการขนย้ายเจ้าหน้าที่ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและประคองอาการ แต่เนื่องจากสภาพพะยูนอ่อนแอมาก จึงเกิดภาวะช๊อกและเสียชีวิตลงในที่สุด ทั้งนี้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะผ่าชันสูตรเพื่อวินิจฉัยสาเหตุการเสียชีวิตในวันที่ 28 ตุลาคม 2563 https://tna.mcot.net/environment-571867 ********************************************************************************************************************************************************* ทช. เร่งฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลแหล่งอาหารสัตว์น้ำ จ.ตรัง ![]() กรุงเทพฯ 27 ต.ค. ? อธิบดี ทช. เผยผลศึกษาแนวทางแก้ปัญหาหญ้าทะเลที่เกาะลิบงตายเป็นเนื้อที่ 400 ไร่ ซึ่งร่วมกับภาคประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย โดยห้ามหน่วยงานที่ขุดลอกร่องน้ำนำโคลน ทราย และหินมาทิ้งในทะเล แล้วเร่งปลูกฟื้นฟูหญ้าทะเลให้กลับมาสมบูรณ์เป็นแหล่งอาหารของพะยูนและสัตว์น้ำอื่นๆ นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 7 รายงานความคืบหน้าเรื่องการตายของหญ้าทะเล พื้นที่เกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรังว่า ร่วมกับเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ปลัดอำเภอกันตัง ประมงอำเภอกันตัง สำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 3 นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง กลุ่มพิทักษ์ดุหยง ผู้นำท้องท้องถิ่น และชาวบ้านตำบลเกาะลิบงตรวจสอบแหล่งหญ้าทะเลระหว่างอ่าวทุ่งจีน ? หาดตูบพบว่า หญ้าทะเลชนิดหญ้าชะเงาใบยาวตายเป็นบริเวณวงกว้าง เนื้อที่ประมาณ 400 ไร่ คณะผู้ตรวจสอบเห็นร่วมกันว่า จากนี้ไปจะไม่ให้หน่วยงานเจ้าท่าที่ขุดลอกร่องน้ำและแม่น้ำต่างๆ นำโคลน ทราย และหินมาทิ้งในทะเล โดยเฉพาะบริเวณแหล่งหญ้าทะเลซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญ โดยต้องนำไปทิ้งบนฝั่งเท่านั้น พร้อมเสนอแผนฟื้นฟูแหล่งหญ้าชะเงาใบยาวเพื่อลดผลกระทบต่อการอยู่อาศัยของสัตว์น้ำประเภท กุ้ง หอย ปู ปลา เป็นต้น ส่วนการสำรวจพบว่าในสภาพพื้นที่ที่เป็นดินทรายมีหญ้าใบมะกรูดขยายเพิ่มมากขึ้นซึ่งเป็นหญ้าที่พะยูนกินเป็นอาหารหลักจึงยังไม่กระทบต่อพะยูนที่เป็นสัตว์ป่าสงวนใกล้สูญพันธุ์ ![]() นายโสภณ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ตลอดจนรับฟังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วน โดยจะทำแผนเร่งปลูกฟื้นฟูหญ้าทะเลให้กลับสู่สภาพเดิม จากนั้นติดตามและศึกษาผลการฟื้นฟูหลังจากที่ปลูกไปเป็นระยะในเวลา 3 ปี ทั้งการฟื้นตัวของแหล่งหญ้าและความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ทะเลประเภท กุ้ง หอย ปู ปลาบริเวณที่ฟื้นฟูแหล่งหญ้า นอกจากนี้จะทำศึกษาและเก็บตัวอย่างปัจจัยคุกคามที่อาจทำให้หญ้าทะเลเสื่อมโทรมและตายได้เช่น มลพิษที่เกิดน้ำเสียจากแหล่งต่างๆ ที่ลงมาจากแม่น้ำและชุมชนบริเวณที่ติดต่อกับแนวแหล่งหญ้าทะเล ตะกอนดินจากพังทลายของหน้าดินจากแหล่งที่สูงแล้วพัดพาเอาตะกอนดินลงมาในทะเล ที่สำคัญคือ จะกำหนดให้ต้องศึกษาผลกระทบสำหรับโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ที่มาดำเนินการภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมายก่อนดำเนินการการ "สำหรับการขุดลอกของกรมเจ้าท่าพื้นที่แม่น้ำตรัง ประจำปีงบประมาณ 2564 ทุกภาคส่วนนัดหมายในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ในพื้นที่ดำเนินการเพื่อทำประชาคมเรื่องจุดทิ้งตะกอนบนฝั่ง โดยต้องได้รับการยอมรับจากชาวบ้านผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด" นายโสภณกล่าว . https://tna.mcot.net/latest-news-571076
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|