เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 20-01-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


พม่าประกาศยกเลิกสัญญาสัมปทานบริษัทไทยในโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย



เอเอฟพี - พม่าประกาศวันนี้ (18) ว่าได้ยกเลิกสัญญากับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมของไทยในการทำงานในโครงการท่าเรือน้ำลึกของประเทศ

โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (Dawei) ได้รับการขนานนามว่าเป็นช่องทางในการส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติในพม่า หลังประเทศหลุดพ้นจากการปกครองของทหาร เช่นเดียวกับโครงการท่าเรือน้ำลึกที่อยู่ทางตอนใต้ของเมืองทวาย ก็มีเป้าหมายที่จะช่วยพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมราว 200 ตารางกิโลเมตร แต่โครงการขนาดใหญ่นี้กำลังเผชิญกับอุปสรรคปัญหาต่างๆ ทั้งปัญหาด้านทุนและการคัดค้านต่อต้านของคนในท้องถิ่น

คณะกรรมการที่ดูแลเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ระบุว่า คณะกรรมการสูญเสียความเชื่อมั่นในบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) หลังมีปัญหาซ้ำๆ



ในการประกาศยกเลิกสัญญา คณะกรรมการบริหารงานเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายได้อ้างถึง "ความล่าช้าซ้ำๆ การละเมิดภาระผูกพันทางการเงินภายใต้สัญญาอย่างต่อเนื่อง และความล้มเหลวของผู้ได้รับสัมปทานที่จะยืนยันความสามารถทางการเงินในการดำเนินการพัฒนาโครงการ"

ตุน นาย ประธานคณะกรรมการบริหารงานเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย กล่าวว่า พม่าจะมองหาผู้พัฒนารายใหม่เพื่อลงทุนในโครงการนี้.


https://mgronline.com/indochina/detail/9640000005217


*********************************************************************************************************************************************************


ไฟป่าที่รุนแรงขึ้น น้ำมือมนุษย์!! งานวิจัยเผยสายพันธุ์พืชและสัตว์กว่า 4,400 ชนิด สุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์


จิงโจ้วิ่งผ่านบ้านที่ไฟไหม้ใน Conjola เมื่อวันส่งท้ายปีเก่า 2020 (Photo Credit MATTHEW ABBOTT / NEW YORK TIMES / REDUX / EYEVINE)

"จากสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงทั่วโลก ในรอบหลายปี ได้เผาไหม้พื้นที่ป่าเป็นวงกว้าง และใช้เวลานานกว่าจะดับ กำลังส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงในถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยเฉพาะต่อการอยู่รอดของสายพันธุ์พืชและสัตว์ทั่วโลก"

เมื่อเร็วๆ นี้ รายงานฉบับใหม่ของมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ระบุว่า พืชและสัตว์กว่า 4,400 ชนิดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จากสาเหตุไฟป่าที่เผาผลาญพื้นที่ป่าเป็นวงกว้าง ซึ่งเป็นการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของพืชพันธุ์และสัตว์ป่าจนเปลี่ยนไปจากเดิม

ตามรายงานเผยว่า มีนกราว 19% สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 16% พืชตระกูลถั่ว 19% ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์ (CR) สิ่งมีชีวิตที่ใกล้การสูญพันธุ์ (EN) และสิ่งมีชีวิตที่เกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์ (VU)

ปัจจุบัน ผลจากไฟป่าที่เผาผลาญ ทำให้ระบบนิเวศป่าเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในป่าเขตร้อนของควีนส์แลนด์ เอเชียตะวันออกเฉียงใหต้ อเมริกาใต้ ตลอดจนทุนดราของวงแหวนอาร์กติก

นอกจากนี้ ยังพบการเกิดเพลิงไหม้กระจายเป็นวงกว้างขนาดใหญ่ และมีความรุนแรงมากกว่าเก่า และยังพบด้วยว่าระยะการเกิดเพลิงไหม้กินเวลายาวนานกว่าในอดีต และมีความถี่ที่บ่อยขึ้น เช่น ในพื้นที่ป่าและพื้นที่ไม้พุ่ม ของออสเตรเลีย ยุโรปตอนใต้ และทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา

ตัวอย่างของไฟป่าที่ลุกลามพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2019 ถึงมีนาคม 2020 ที่ไหม้พื้นที่ไป 12.6 ล้านเฮกตาร์ ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ทีมวิจัยระบุว่า การค้นหาต้นตอสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไฟในสถานที่ต่าง ๆ จะช่วยให้เราค้นพบวิธีแก้ไขที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้คนและธรรมชาติ

นักวิทยาศาสตร์ 27 คน จากสถาบันวิจัย 25 แห่งทั่วโลก สรุปในรายงานว่า "มนุษย์มีส่วนในการทำให้พฤติกรรมไฟเปลี่ยนแปลงด้วยเหตุ 3 ประการ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การใช้ที่ดิน และการรุกรานทางชีวภาพ"

นอกจากนี้ ยังเสนอว่า เราต้องพัฒนางานอนุรักษ์ในรูปแบบใหม่ ๆ อย่างจริงจังมากขึ้น เช่น การฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าในพื้นที่ขนาดใหญ่ การรักษาสายพันธุ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ช่วยลดเชื้อเพลิงในระบบนิเวศ การดูแลพื้นที่ไม่ให้ไวต่อการเกิดไฟ และควบคุมพฤติกรรมของไฟให้เกิดขึ้นใต้สภาวะที่เหมาะสม


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000005625

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 20-01-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวอิศรา


แมงดาทะเล : สัตว์ผู้ไถ่บาป! .................... เขียนโดยวีระศักดิ์ โควสุรัตน์



"...และนี่เองที่เป็นกุญแจไขปริศนาว่า ทำไมแมงดาทะเลจึงอยู่รอดในทะเลมาได้ยาวนานกว่า400ล้านปี ทั้งที่ในทะเลและชายฝั่งของโลกยุคโบราณมีเชื้อโรคสารพัดแบบ แต่ก็ทำอะไรแมงดาทะเลเหล่านี้ไม่ได้ แมงดาทะเลเคลื่อนที่ช้า แถมมีแหล่งอาศัยอยู่ตามชายทะเลตื้นๆ มันอยู่ตามพื้นทราย อยู่บนพื้นเลนซึ่งหาตัวเจอได้ไม่ยาก มันไม่เป็นศัตรูทางธรรมชาติของสัตว์ใดๆ เพราะมันกินได้แค่สาหร่าย กุ้งปูขนาดเล็กๆตามชายฝั่ง แต่มันมีผู้คุกคามตามธรรมชาติที่พร้อมจะกินไข่แมงดาอันโอชะ ทั้งโดยนกทะเล และสัตว์ทะเลต่างๆ ส่วนลูกแมงดาที่กว่าจะโตเต็มวัยจะถูกปลาใหญ่ๆ เต่าทะเล รวมทั้งคนเรานี่แหละ จับกิน ตัวเมียที่จะวางไข่ได้แค่คราวละหลักร้อยฟอง มักต้องรอจนตัวเมียอายุถึง10ปีขึ้นไป แถมอัตรารอดจนโตไปได้ก็แค่3%..."

.......................................................................................

ในช่วงอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติระหว่างเทศกาลปีใหม่ที่ไทยเจอโควิดระรอกใหม่ อันเนื่องมาจากกลุ่มกิจกรรมใต้ดิน ทั้งบ่อนและการลักลอบข้ามชายแดนนั้น

ผมในฐานะที่สนใจงานด้านสิ่งแวดล้อม จึงได้มีเวลาขุดคุ้ยและค้นคว้าเรื่อง''แมงดา''มาเล่าสู่กันฟังครับ

แมงดาทะเลนะครับ อย่าเพิ่งตกใจ

แมงดาที่เราคนไทยเห็นอยู่ในเมนูร้านอาหารทะเลนั่นแหละ ฝรั่งเรียกว่า Horseshoe crab คงเพราะมองว่ามันตัวโค้งๆแข็งๆเหมือนเกือกม้า

ลูกค้าที่สั่งมาเปิปต้องให้แน่ใจว่าได้กินแมงดาจาน ไม่ใช่แมงดาถ้วยที่มีพิษร้ายแรงถึงตาย (ซึ่งจุดแตกต่างสำคัญคือดูที่หางของมัน ว่าหางแมงดาตัวนั้นเป็นแท่งก้านทรงกลมหรือเป็นสามเหลี่ยม ถ้ากลมก็คือชนิดมีพิษร้ายแรง) แต่ที่ตลาดคนชั้นกลางของไทยกินๆกันมักจะกินไข่แมงดาทะเลมากกว่า เช่นเอาไข่แมงดาทะเลมายำ ซึ่งว่ากันไป ไข่มันก็อาจมีพิษเหมือนกัน แต่พิษเบากว่าเนื้อแมงดาทะเล

ยำไข่แมงดา ส่วนใหญ่จานนึงไม่ค่อยเกิน500บาท

แต่เชื่อหรือไม่ว่าเลือดแมงดาทะเลที่สหรัฐอเมริกา ราคาแกลลอนละประมาณหนึ่งล้านกับแปดแสนบาท!!

คือ6หมื่นเหรียญดอลลาร์ครับพี่น้อง!!

ตกลิตรละ4แสนกว่าบาท...!!!

เป็นเลือดจากสัตว์ที่แพงที่สุดในโลก ก็ว่าได้ แต่ไม่ได้เอาไปกินหรอกนะครับ เพราะเค้าใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทดสอบวัคซีนต่างหาก

ก่อนหน้านั้น มนุษย์เราเคยมองแมงดาทะเลเปลือกแข็งหน้าตาพิลึกพิลั่นเหล่านี้เป็นได้เพียงสัตว์ไร้ประโยชน์ที่เอามาทำให้สุกแล้วบดเป็นผงเพื่อนำไปเติมเป็นแคลเซียมในหัวอาหารสัตว์!! หรือทำปุ๋ยไปซะงั้น

ญาติที่ใกล้ชิดกับแมงดาทะเลคือพวกแมงป่องและพวกแมงมุม ขาของพวกมันจึงมีทั้งตามอง และจมูกดมกลิ่นได้ มีหางที่จับทิศของแสงได้ ฟังๆไปแล้วคล้ายตัวประหลาดในเทพนิยายกรีกยังไงยังงั้น



แถมแมงดาทะเลมันมีหัวใจที่ยาวเท่าๆกับตัวของมัน มันกินอาหารผ่านปากแล้วส่งไปที่สมองก่อนจะไปต่อที่กะเพาะ...

แต่อย่าถามผมนะว่าทำไม เพราะอันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน !!

ส่วนไคลแมกซ์ของเรื่องนี้คือแมงดาทะเลเป็นสัตว์ไม่มากชนิดในโลกที่มีเลือดสีน้ำเงินขุ่น (Hemocyanin)

และเจ้าเลือดสีน้ำเงินขุ่นนี้เอง ที่ต้องใช้กับวัคซีนมนุษย์ ไม่ว่าวัคซีนนั้นจะผลิตจากอะไร ผสมสูตรไหน หากแต่ว่าก่อนที่จะถูกรับรองให้ใช้ในมนุษย์ได้ วัคซีนนั้นจะต้องถูกนำไปผ่านการหยดสารโปรตีนที่สกัดออกมาจากเลือดของแมงดาใส่เสียก่อน เรียกว่า LAL (Limulus Amoebocyte Lysate)

หยดลงไปเพื่อตรวจดูว่าสารสกัดนี้แสดงปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรหรือไม่

ถ้าสารนั้นตอบสนองล่ะก็ วัคซีนที่ว่านั้น ยังไงๆก็จะใช้ฉีดให้คนยังไม่ได้ เพราะแปลว่ายังมีการปนเปื้อนหรือยังมีส่วนประกอบที่อาจไม่เป็นที่ยอมรับในร่างกายตามระบบภูมิคุ้มกันในธรรมชาติของมนุษย์

เลือดแมงดาทะเลถูกพบว่ามีประโยชน์ในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์โดยบังเอิญ เพราะฝรั่งนักวิจัยคนหนึ่งเดินชายหาดในอเมริกา แล้วเห็นซากแมงดาทะเลนอนตายหงายผลึ่งอยู่ แกหยิบมาส่องดูก็พบว่าเลือดสีฟ้าของแมงดากลายเป็นวุ้นแข็งๆ จึงสนใจเอาไปศึกษา

ทำให้พบว่าสัตว์ดึกดำบรรพ์นี้ มีเลือดที่มีส่วนผสมของทองแดงอยู่มาก และเม็ดเลือดขาวในเลือดสีน้ำเงินขุ่นนี้ จะมีปฏิกิริยารวดเร็วมากในการล้อมจับแบคทีเรียและสารพิษใดๆที่ล่วงล้ำเข้าไปในร่างของแมงดาทะเล เพื่อทำให้เชื้อโรคและสารพิษที่เป็นผู้รุกรานเคลื่อนไปในร่างกายของมันต่อไม่ได้ คือขังไว้เสียเลย

และนี่เองที่เป็นกุญแจไขปริศนาว่า ทำไมแมงดาทะเลจึงอยู่รอดในทะเลมาได้ยาวนานกว่า400ล้านปี ทั้งที่ในทะเลและชายฝั่งของโลกยุคโบราณมีเชื้อโรคสารพัดแบบ แต่ก็ทำอะไรแมงดาทะเลเหล่านี้ไม่ได้ แมงดาทะเลเคลื่อนที่ช้า แถมมีแหล่งอาศัยอยู่ตามชายทะเลตื้นๆ มันอยู่ตามพื้นทราย อยู่บนพื้นเลนซึ่งหาตัวเจอได้ไม่ยาก มันไม่เป็นศัตรูทางธรรมชาติของสัตว์ใดๆ เพราะมันกินได้แค่สาหร่าย กุ้งปูขนาดเล็กๆตามชายฝั่ง แต่มันมีผู้คุกคามตามธรรมชาติที่พร้อมจะกินไข่แมงดาอันโอชะ ทั้งโดยนกทะเล และสัตว์ทะเลต่างๆ ส่วนลูกแมงดาที่กว่าจะโตเต็มวัยจะถูกปลาใหญ่ๆ เต่าทะเล รวมทั้งคนเรานี่แหละ จับกิน ตัวเมียที่จะวางไข่ได้แค่คราวละหลักร้อยฟอง มักต้องรอจนตัวเมียอายุถึง10ปีขึ้นไป แถมอัตรารอดจนโตไปได้ก็แค่3%

ฟังดูแล้วเหนื่อยใจ เพราะจากรูปทรง ความเร็วในการเคลื่อนไหว ความนานในการโตเต็มวัยเพื่อสืบพันธุ์ช้าขนาดนี้ แมงดาทะเลน่าจะดับสูญไปนานแล้ว

แต่แปลว่าแมงดาทะเลเป็นผลงานชิ้นเอกอีกอย่างทางธรรมชาติวิทยา มันอยู่กันมาก่อนจะมีไดโนเสาร์ เพราะพบฟอสซิลของบรรพบุรุษของแมงดาทะเลมากมายมาก่อนและนับเป็นฟอสซิลที่เก่าแก่ที่สุดอย่างหนึ่งเสียด้วย อนึ่งแมงดาทะเลมีชีวิตรอดอยู่ต่อมาจนไดโนเสาร์สูญพันธ์ไป แปลว่าในวันที่เกิดเหตุล้างบางสิ่งมีชีวิตบนโลก ผ่านยุคน้ำแข็งปกคลุมจนหมด เกิดภูเขาไฟพ่นลาวา เกิดฝนกรด เกิดน้ำท่วมใหญ่ เกิดฝุ่นในชั้นบรรยากาศจนแสงอาทิตย์ส่องลงมาไม่ได้เป็นเวลานานๆ แต่แมงดาทะเลก็อยู่รอดมาได้โดยไม่เปลี่ยนหน้าตาไปสักเท่าไหร่

แถมมีแนวโน้มว่ามันก็จะยังอยู่ต่อไปได้อีกนาน ถ้ามนุษย์ไม่เอามันมาทำอันตรายจนมันเกิดใหม่ไม่ทันนะ

เพราะเคล็ดลับเรื่องเลือดของมันสามารถตรวจจับสิ่งแปลกปลอมระดับเบาบางที่สุดได้อย่างแม่นยำนี่เอง ที่เป็นคำตอบ

แมงดาทะเลในโลกนี้มี3สายพันธุ์ พันธุ์ที่นิยมใช้เลือดไปทำประโยชน์ทางการแพทย์เวลานี้ยังจำเพาะถูกอ้างถึงอยู่แต่กับพันธุ์แอตแลนติกที่อาศัยอยู่ที่ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ตั้งแต่รัฐเมนลงมาจนถึงรัฐเดลาแวร์และไปถึงเหนืออ่าวเมกซิโก

อีก2สายพันธุ์คือแมงดาถ้วยและแมงดาจาน อาศัยอยู่ตามชายฝั่งของเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งไทยด้วย

ผมค้นคว้าไล่อ่านงานบทความของฝรั่งมาสองอาทิตย์ ยังไม่พบว่าแมงดาทะเลของฝั่งเอเชียถูกพูดถึง ว่าเคยใช้ในการทดสอบความบริสุทธิ์ของวัคซีนกันหรือยัง

แต่บอกเพียงว่าในเอเชียเหนือ เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น มีแมงดาทะเล และมีกลุ่มคนที่กินแมงดาทะเลหรือกินไข่แมงดาทะเลกันพอสมควร

นับว่าน่าเสียดาย

อาจเป็นเพราะระบบวิจัยทางชีวการแพทย์ของซีกโลกฟากนี้มีน้อยกว่า การค้นคว้าเพื่อรับรองวัคซีนตัวเองของซีกโลกนี้มีน้อยกว่า แม้จะผลิตได้มากกว่า เช่นในอินเดียมีสถาบันเซรุ่มที่ใหญ่ที่สุด กำลังผลิตวัคซีนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกก็ตาม

หรือจะเพราะเลือดแมงดาทะเลสายพันธุ์จากฝั่งแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียสอบตกด้านคุณสมบัติการตรวจจับเชื้อที่เข้าไปเจือปนรุกรานหรืออย่างไร ก็ยังไม่เห็นบทความไหนเอ่ยถึง

แม้ปัจจุบันบริษัทเวชภัณฑ์ทางการแพทย์จะค้นพบว่ามีสารสังเคราะห์ใหม่ๆที่สามารถตรวจจับการปนเปื้อนในวัคซีนได้อย่างรวดเร็วทันใจก็ตาม และหลายประเทศในยุโรปก็ยอมรับให้ใช้สารสังเคราะห์แทนการใช้เลือดจริงของแมงดาทะเลแล้ว

แต่องค์กรที่จะให้การรับรองวัคซีนของสหรัฐคือUS FDA ก็ยังคงยืนยันว่า จะยังไม่ยอมรับความแน่นอนของสารสังเคราะห์ใดๆที่พยายามเสนอมาแทนเลือดสีฟ้าขุ่นของแมงดาทะเลได้


(มีต่อ)
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 20-01-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวอิศรา


แมงดาทะเล : สัตว์ผู้ไถ่บาป! ............ ต่อ



การจับแมงดาทะเลในสหรัฐจึงยังคงดำเนินต่อไป ปีละราวๆ5แสนตัวในปีปกติ และในสถานการณ์โควิด19 การจับแมงดาทะเลสหรัฐไปเจาะหัวใจเพื่อดูดเลือดออกมาเป็นเวลาราว20-72ชั่วโมงจึงถูกตั้งคำถามว่า นี่จะทำให้แมงดาทะเลพันธุ์สหรัฐเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เพียงใด

และไม่ว่ากลุ่มอุตสาหกรรมยาจะตอบว่าได้จับแมงดาทะเลมาดูดเลือดออกไม่มากเกิน30%ของแต่ละตัว และอ้างว่าแต่ละตัวจะคืนสู่สภาพมีเลือดเต็มตามปกติในสามสัปดาห์ แต่องค์กร IUCN หรือสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติก็ประกาศให้แมงดาทะเลเป็นหนึ่งในสัตว์ที่อยู่ในบัญชีที่กำลังถูกคุกคาม เพราะเอาเข้าจริงอาจใช้เวลาหลายเดือนหลังถูกเจาะเลือดกว่าจะกลับสู่สภาพปกติของมัน และตัวเมียจะสูญเสียความสามารถในการออกไข่ไปอย่างผิดปกติ

ส่วนในทางชีวจริยศาสตร์ การเจาะเลือดแบบนี้แล้วปล่อยคืนลงทะเลเป็นการทำทารุณกรรมต่อสัตว์ที่สังคมควรโลกยอมรับได้แค่ไหน ก็จะเป็นอีกเรื่อง เพราะมีสถิติว่า15-30%ของตัวที่ถูกเจาะเลือดออกไปนั้นจะตายลง

ทุกวันนี้การทดลองสารเคมีและยาต่างๆในหนู ในกระต่าย ในลิงก็กำลังถูกต้านอย่างมาก

เรื่องประโยชน์ของเลือดแมงดาทะเลนี้ ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีสื่อสารมวลชนเขียนเรื่องนี้ออกมาหลายชิ้นแล้ว มีข่าวทีวี มีคลิปทั้งภาษาไทยและต่างประเทศเรื่องเลือดสีฟ้าราคาแพงลิบนี้ออกมาเยอะพอควร เพราะมนุษย์ใช้เลือดแมงดาทะเลมาทำอย่างนี้กึ่งชั่วอายุคนแล้ว คือใช้กันแพร่หลายตั้งแต่1970

ในเว็บขายสินค้าทางออนไลน์ ระหว่างเขียนต้นฉบับนี้ ผมเริ่มสังเกตเห็นมีการขายสบู่เลือดแมงดาทะเล นัยว่าคงมีคุณสมบัติอะไรต่อผิวคนยังงั้นกระมัง

เท่าที่ผมลองแหย่ถามคนที่อยู่ในระดับนโยบายหลายๆกลุ่ม ปรากฏว่าคงยุ่งอยู่กับสารพัดข่าวสารของปีโควิดที่ลากยาวจนบัดนี้ วุ่นไปทุกวงการ ทั้งการเรียน การสอบ การค้าขาย การว่างงาน การควบคุมโรค การควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงทางสังคม และการจัดการขยะติดเชื้อ

จึงไม่ทันได้รับทราบเรื่องเลือดแมงดาทะเลว่าเกี่ยวอะไรกับ การพิสูจน์วัคซีนว่าบริสุทธิ์หรือไม่อย่างไร

แต่เรื่องแมงดาทะเลนี้อาจกลายเป็นโอกาสครั้งใหญ่ เพราะไม่ใช่ว่าทุกประเทศชายฝั่งในโลกนี้เขาจะมีแมงดาทะเลเสียเมื่อไหร่

แถมในไทยเราก็ดันเอามาเผา มายำกินแกล้มเบียร์กันซะงั้น

ดังนั้น ผมจึงเรียบเรียงเสนอบทความนี้ขึ้นมาเพื่อ

1. ชวนคิดว่าในช่วงที่โลกกำลังค้นหาและพยายามพัฒนาสูตรวัคซีนโควิด19กันอย่างขะมักเขม้นนั้น แมงดาทะเลที่มีในไทยควรมีตัวตนอยู่แถวๆไหนในทางนโยบายสิ่งแวดล้อม ในนโยบายเศรษฐกิจ ในนโยบายวิจัย ในนโยบายประมง ในนโยบายส่งเสริมการลงทุน รวมทั้งมาตรการในทางกฏหมาย และในทางการพัฒนาวิจัยและการขยายพันธุ์ รวมถึงการพัฒนาสายพันธุ์

2.เพื่อจะชวนคิดออกแบบเรื่องเขตรักษาพันธุ์ การคุ้มครองพันธุ์ การเพาะเลี้ยงแมงดาทะเลในไทยหรือในอาเซียน และ BIMSTEC (ความร่วมมือระหว่างประเทศในรอบอ่าวเบงกอล )ว่าเป็นสิ่งที่ควรคิดอ่านร่วมมือกันได้อย่างไรหรือไม่

3. เพื่อรณรงค์ให้ตลาดท้องถิ่นต่างๆหยุดบริโภคไข่แมงดาทะเล แล้วหันมาคิดว่าพอจะมีวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดการจับแมงดาทะเลมาเจาะดูดเลือดขายกันอย่างมั่วๆเพียงเพื่อหวังรวยเร็วจนทำให้ล้างผลาญปริมาณแมงดาทะเลในภูมิภาคนี้ไปอย่างไม่เข้าท่า ดีมั้ย

4.เพื่อชี้ว่าความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งของระบบนิเวศ

ธรรมชาติใส่รหัสการผูกและการแก้สมการไว้ใต้จมูกเราเยอะแยะ เราพบยาสมุนไพรจากพืช เราพบสารที่ใช้แก้ปัญหายากๆจากสิ่งที่เรานึกไม่ถึงเสมอ

นักวิทยาศาสตร์เคยพยายามศึกษาสารในดวงตาจระเข้ กบ เขียด และปลาตีน เพราะสังเกตว่ามันไม่ยักติดเชื้อที่ตา ทั้งที่มันอยู่ในหนองบึงและโคลนเลน มีแบคทีเรียเพียบไปหมด

ถ้างานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเลือดของแมงดาทะเลของไทยชี้ว่าสามารถให้ผลระดับเดียวกับหรือดียิ่งกว่าเลือดแมงดาทะเลของอเมริกา

โควิดครั้งนี้อาจให้โอกาสแก่ไทย แก่อาเซียนและเอเชียใต้ก็ได้ รวมทั้งต่อชีวิตมนุษย์โลกทั้งหลายด้วย

ขอแค่ต้องมี''ความรู้ '' มีความ''เมตตา''ต่อชีวิตอย่างละเอียดอ่อน และความ''ไม่โลภมาก'' ก็คงเป็นจุดเริ่มที่ดีแล้วล่ะครับ

เพราะโรคอุบัติใหม่และการผิดปกติของเซลของเรา จะยังมีเซอร์ไพรส์ใหม่ๆมาให้มนุษย์พบเจออีกไม่มีขาดตอนแน่ๆ


https://www.isranews.org/article/isr...eerasak-6.html

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:47


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger