![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก GREENPEACE
เมื่อภาพแทนสวนทางกับความจริง : เรื่องราวของฉลามผ่านมุมมองนักดำน้ำ .................. โดย Jack Bullet ![]() ? Alex Hofford / Greenpeace ตั้งแต่ Jaws (1975), Deep Blue Sea (1999) ไปจนถึง The Shallows (2016) ภาพยนตร์จากอดีตจนถึงปัจจุบันหลายต่อหลายเรื่องมักวาดฉลามให้เป็นอสูรกายที่พร้อมขย้ำเหยื่อทุกครั้งที่ได้กลิ่นคาวเลือด แจ็ค บุลเลต (Jack Bullet) เป็นหนึ่งคนที่ติดภาพ "ฉลามนักฆ่า" จนกระทั่งอายุยี่สิบกว่าเพราะรายการทีวีที่เขาดูตั้งแต่เด็ก แม้กระทั่งตอนดำน้ำครั้งแรกก็ยังคิดว่าฉลามคือนักฆ่าเลือดเย็น "ครั้งแรกที่เห็นฉลามตัวเป็นๆ ผมคิดว่ามันจะมุ่งเข้ามาทำร้ายผมทันที แต่ฉลามไม่ได้สนใจผมเลยด้วยซ้ำ มันก็ว่ายน้ำ ใช้ชีวิตของมันไป" แต่เมื่อเขาดำน้ำบ่อยขึ้น จากความกลัวกลับเปลี่ยนเป็นความอัศจรรย์ใจ แจ็คเริ่มตกหลุมรักฉลาม และหาโอกาสไปว่ายน้ำกับพวกมันบ่อยๆ เขาเล่าว่าฉลามที่ใหญ่และน่าหวั่นเกรงมากที่สุดที่เขาเคยดำน้ำด้วยคือฉลามหางยาวที่ยาวถึง 4 เมตร "ตอนว่ายน้ำคู่กับมันผมเหมือนอยู่บนสวรรค์ ถ้าเป็นผมตอนอายุ 12 ขวบคงเป็นลมไปละ" "มันเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปเลยเมื่ออยู่กับสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์พวกนี้ ผมอยู่ในบ้าน ในถิ่นอาศัยของ 'นักล่า' แต่พวกมันกลับไม่แสดงอาการเกรี้ยวกราดเลยแม้แต่น้อย" ![]() ? Paul Hilton / Greenpeace เมื่ออยู่กับฉลามมากขึ้น เริ่มเข้าใจธรรมชาติของพวกมันมากขึ้น ทำให้แจ็ครู้สึกว่าภาพแทนของฉลามที่ถูกเผยแพร่ออกไปเป็นอะไรที่ "ไม่แฟร์" เอาเสียเลย ในขณะที่คนหลายพันดำน้ำเล่นกับฉลามทุกวันโดยไม่ได้รับอันตราย แต่คนจำนวนมากยังคงมีภาพจำของฉลามแบบผิดๆ เพราะการนำเสนอภาพแทนแบบผิดๆ ภาพแทนที่สวนทางกับความจริง "เวลาไปดำน้ำที่ไหนแล้วเห็นฉลาม ตรงนั้นจะเป็นที่ๆปะการังมีความสมบูรณ์และเต็มไปด้วยสัตว์น้ำ น่าเสียดายที่ปัจจุบันมันยากแล้วที่จะเห็นฉลามตอนดำน้ำ" แจ็คกล่าว ดั่งที่แจ็คเล่า ฉลามเป็นภาพแทนของความอุดมสมบูรณ์ พวกมันอยู่คู่กับโลกมากว่าห้าร้อยล้านปี เป็นนักล่าที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างสมดุลของมหาสมุทร คัดสรรสิ่งที่ชีวิตที่อ่อนแอและป่วยออกไป รักษาสมดุลกับนักล่าอื่นๆ ถ้าไม่มีฉลาม ระบบนิเวศใต้ทะเลจะไร้เสถียรภาพและล่มสลายในที่สุด ![]() ฉลามสีเทา ? Paul Hilton / Greenpeace แต่คนจำนวนมากก็ยังกลัวฉลาม ติดภาพพวกมันในคราบนักฆ่า ทั้งที่จริงแล้วความเป็นไปได้ที่ฉลามจะโจมตีมนุษย์น้อยกว่าโอกาสที่คนจะเดินตกท่อในกรุงเทพฯอีก กลับกัน ทุกๆหนึ่งชั่วโมงจะมีฉลาม 11,415 ตัวตายด้วยน้ำมือมนุษย์ รวมกันมากกว่าร้อยล้านตัวต่อปี พวกมันถูกจับไปทำหูฉลาม นำไปเป็นส่วนผสมของอาหารเสริม อาหารสัตว์ และเครื่องสำอาง และนับวันจำนวนของมันก็ยิ่งน้อยลงทุกที ร่วมกันปกป้องฉลาม ฉลามจำนวนมากถูกฆ่าในอุตสาหกรรมประมง เช่น ในประมงทูน่า ฉลามมักติดอวนขณะเรือประมงลากทูน่าขึ้นจากท้องทะเล ในปี 2019 กรีนพีซรายงานว่าเรือประมงในแอตแลนติกเหนือคร่าชีวิตปลาฉลามมาโก (mako shark) กว่า 25,000 ตัวทุกปี เรือประมงเหล่านี้ตั้งใจจะจับปลากระโทงดาบ (swordfish) แต่ฉลามกลับถูกฆ่ามากกว่าปลาที่พวกเขาตั้งใจจะจับถึงสี่เท่า ![]() ภาพฉลามถูกจับและถูกดึงขึ้นไปบนเรือบริเวณทางตอนใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก ? Tommy Trenchard / Greenpeace ถ้าจะปกป้องฉลามก็ต้องเริ่มจากการปกป้องมหาสมุทรจากอุตสาหกรรมประมงทำลายล้าง ปัจจุบันเพียง 5% ของท้องทะเลได้รับการปกป้องจากทั้งอุตสาหกรรมประมงทำลายล้างและการเจาะน้ำมัน สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือร่วมผลักดันให้เกิด "เขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเล" โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องมหาสมุทรโลกอย่างน้อย 1 ใน 3 ส่วนให้ได้ภายในปี พ.ศ.2573 เขตคุ้มครองระบบนิเวศนี้จะเกิดขึ้นได้ผ่าน สนธิสัญญาทะเลหลวง ร่วมกันเป็นกระบอกเสียงในการเรียกร้องเพื่อมหาสมุทรและสัตว์ทะเลได้กลับมาอาศัยอยู่ในบ้านที่อุดมสมบูรณ์ ร่วมผลักดันสนธิสัญญาทะเลหลวงกับกรีนพีซ https://www.greenpeace.org/thailand/...rotect-sharks/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
ขยะอวกาศคืออะไร และสร้างปัญหาอย่างไรให้ชาวโลก ![]() นับแต่มนุษย์ส่งยานอวกาศ ดาวเทียม และคนขึ้นไปสำรวจอวกาศในช่วงทศวรรษที่ 1950 ก็ทำให้เกิดขยะขึ้นในห้วงอวกาศ ยิ่งเราดำเนินโครงการอวกาศเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งทำให้ชิ้นส่วนขยะอวกาศที่ล่องลอยอยู่ในวงโคจรโลกนับวันจะยิ่งแน่นหนาขึ้น และกำลังกลายเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่จะสร้างความเดือดร้อนให้มนุษย์เราได้ทุกเมื่อ ขยะอวกาศคืออะไร ขยะอวกาศ (space junk หรือ space debris) คือวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้วถูกทิ้งไว้ในห้วงอวกาศเมื่อเลิกใช้งานแล้ว โดยมีทั้งวัตถุขนาดใหญ่ เช่น ยานอวกาศปลดระวาง วัตถุที่สลัดทิ้งระหว่างภารกิจเดินทางขึ้นสู่อวกาศ ชิ้นส่วนเครื่องจักรและดาวเทียมที่เสีย หรือเลิกใช้งานแล้ว นอกจากนี้ยังรวมถึงวัตถุขนาดเล็ก เช่น เศษซากการชนกันของวัตถุที่ลอยอยู่ในห้วงอวกาศ หรือแม้แต่แผ่นสีที่หลุดลอกออกจากยานอวกาศ รวมถึงของเหลวแข็งตัวที่ถูกขับออกจากยานอวกาศ เป็นต้น ขยะอวกาศส่วนมากมักล่องลอยอยู่รอบโลก แต่มนุษย์ก็เคยทิ้งอุปกรณ์บางอย่างไว้บนดวงจันทร์ในช่วงทศวรรษที่ 1960 - 1970 ![]() คาดว่าปัจจุบันมีขยะอวกาศที่ขนาดใหญ่กว่า 10 ซม. ลอยอยู่ในวงโคจรโลกมากกว่า 30,000 ชิ้น ........ ที่มาของภาพ,ESA มีขยะอวกาศมากแค่ไหน ปัจจุบันมีขยะอวกาศที่ขนาดใหญ่กว่า 10 เซนติเมตรล่องลอยอยู่ในวงโคจรโลกมากกว่า 30,000 ชิ้น และคาดว่าจะมีชิ้นส่วนขนาดเล็กกว่า 1 เซนติเมตรอยู่มากถึง 128 ล้านชิ้น ศาสตราจารย์ มอริบา จาห์ วิศวกรการบินและอวกาศจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสและคณะได้จัดทำแผนที่ขยะอวกาศที่เรียกว่า AstriaGraph สำหรับเฝ้าติดตามวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งหมดในอวกาศ เพื่อช่วยนักวิทยาศาสตร์ในการติดตามและพยากรณ์พฤติการณ์ของพวกมัน "เราติดตามวัตถุกว่า 26,000 ชิ้น ตั้งแต่ที่มีขนาดเท่าสมาร์ทโฟน ไปจนถึงขนาดเท่าสถานีอวกาศ อาจมีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ 3,500 ดวง ซึ่งยังมีประโยชน์อยู่ แต่นอกเหนือจากนั้นก็คือขยะ" ศาสตราจารย์ จาห์ กล่าว ขยะอวกาศก่อให้เกิดปัญหาอะไร ยิ่งมีขยะอวกาศมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีอันตรายมากขึ้นเท่านั้น แม้ขยะอวกาศโดยมากจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชาวโลก เพราะส่วนใหญ่จะถูกเผาไหม้และหายไปเมื่อตกลงสู่ชั้นบรรยากาศโลก แต่ปัญหาอาจเกิดขึ้นในห้วงอวกาศ เพราะมีความเสี่ยงที่ขยะอวกาศจะพุ่งชนดาวเทียมสำคัญต่าง ๆ เช่น ดาวเทียมที่ให้บริการบอกตำแหน่ง การนำทางด้วยระบบจีพีเอส การบอกเวลา การสื่อสาร การทำธุรกรรมทางการเงิน และการเตือนภัยสภาพอากาศ จนทำให้ดาวเทียมเหล่านี้ได้รับความเสียหายและหยุดทำงานลง แม้แต่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ยังเคลื่อนตัวในวงโคจรโลกด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อวินาที นี่หมายความว่าการชนกันที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายได้อย่างมาก ปัญหาดังกล่าวทำให้ในแต่ละปี ต้องมีการบังคับดาวเทียม หรือแม้แต่สถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ให้หลบหลีกการพุ่งชนของขยะอากาศหลายร้อยครั้ง เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีขยะอวกาศชิ้นหนึ่งเคลื่อนตัวเข้าใกล้แคปซูลขนส่งนักบินอวกาศ "ดรากอน" ของบริษัทสเปซเอ็กซ์ ในขณะที่กำลังเตรียมเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ สร้างความแตกตื่นให้กับนักบินอวกาศ 4 คนที่อยู่ด้านใน แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีการชนกันเกิดขึ้น ![]() ที่มาของภาพ,GETTY CREATIVE แผนที่ขยะอวกาศ ภัยคุกคามที่กล่าวมา ทำให้ศาสตราจารย์ จาห์ และทีมงานจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส สร้างแผนที่ AstriaGraph ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเปิดให้สาธารณชนใช้งานได้ เพื่อติดตามการเคลื่อนตัวของวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นทุกชนิดที่ลอยอยู่ในวงโคจรโลก ด้วยระบบที่สามารถรายงานผลแทบจะสดในทันที ศาสตราจารย์ จาห์ บอกว่า ข้อมูลที่ได้จากแผนที่นี้เผยให้เห็นแนวโน้มของสิ่งที่เรียกว่า "การแพร่กระจายครั้งใหญ่" หรือการที่ขยะอวกาศขนาดใหญ่เกิดการแตกตัวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่อาจเกิดขึ้นได้ 200 จุด ในวงโคจรโลก "จรวดขนาดใหญ่ ที่ลอยอยู่ในห้วงอวกาศนานหลายทศวรรษ กำลังเป็นเหมือนระเบิดเวลา เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิด หรือถูกวัตถุบางอย่างพุ่งชน แล้วมันจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหลายหมื่นชิ้น" การที่ปัจจุบันหลายบริษัท เช่น สเปซเอ็กซ์ และแอมะซอน ต่างส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ ก็ยิ่งทำให้วงโคจรโลกเนืองแน่นไปด้วยวัตถุต่าง ๆ องค์การสหประชาชาติ ระบุว่า ทุกบริษัทต้องกำจัดดาวเทียมของตัวเองออกจากวงโคจรโลกภายใน 25 ปีหลังจากปลดระวางแล้ว ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ กำลังมองหาวิธีการกำจัดขยะอวกาศเหล่านี้ออกไป อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ จาห์ ชี้ว่า ขยะอวกาศขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่รอบโลกในปัจจุบันนั้น เป็นของชาติมหาอำนาจอย่างน้อย 3 ประเทศ และเขาไม่มั่นใจว่า ประเทศเหล่านี้จะยอมทุ่มงบประมาณเพื่อแก้ปัญหานี้หรือไม่ ในขณะที่โลกกำลังเผชิญภัยคุกคามมนุษยชาติอื่น ๆ อีกมากมาย "ประเทศเหล่านี้จะใช้ทรัพยากรเพื่อกำจัดชิ้นส่วนจรวดพวกนี้ หรือ "การแพร่กระจายครั้งใหญ่" หรือไม่ ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาคุกคามมนุษยชาติ...ทำไมพวกเขาต้องสนใจด้วย" https://www.bbc.com/thai/international-57041484
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|