![]() |
|
|
|
#1
|
|||
|
|||
|
ขอขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
500องค์กรลดคาร์บอน ขับเคลื่อนพลังงานหมุนเวียน ![]() นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ประเทศไทยต้องเดินตามข้อตกลงของการประชุม COP26 เพื่อไม่ให้เกิดการถูกกีดกันทางการค้าในรูปแบบที่ไม่ใช่ภาษี โดยประเทศไทยได้กำหนดเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหลือศูนย์ภายในปี 2065 ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเนื่องจากเป็นผู้ปล่อย ซึ่งเป็นผู้ใช้พลังงานและปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 70% ในวันนี้จุดยืนของภาคอุตสาหกรรมจะต้องเร่งลดการผลิตที่สร้าง Carbon footprint ให้เร็ว เมื่อประเทศพัฒนาแล้วกว่า 75% ต่างเรียกร้องให้ด้านผู้ผลิตสินค้าเริ่มปฏิบัติจริงเพื่อลดการทำลายสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้รัฐได้กำหนดมาตรการเพื่อมุ่งสู่ทิศทางการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง ดังนี้ ตั้งเป้าให้ผลิตพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดมากกว่า 50% และผลักดันให้เกิดการผลิตพลังงานใหม่ก้าวสู่การเป็น RE100 (Renewable energy 100%) รวมทั้งผลักดันยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้แท้จริงตั้งแต่ต้นทาง การลดปริมาณการใช้พลังงาน ซึ่งทำได้ด้วยการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ให้เกิดการผลิตที่ประหยัดพลังงานมากกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 30% สำหรับการผลักดันพลังงานสะอาด RE100 จะสร้างจุดขายให้ไทยนอกเหนือจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนในด้านอื่นๆ เมื่อนักลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาเองมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จะเกิดขึ้นเร็วกว่าเป้าหมายระดับชาติ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยี อาทิ ระบบคลาวด์ , เอไอ , ดาต้า เซ็นเตอร์ , ดิจิทัล , สมาร์ตอิเล็กทรอนิกส์ ที่จำเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาล ทั้งนี้ หากไทยจ่ายพลังงานงานสะอาดและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนว่าในอนาคตไทยจะมีการเพิ่มสัดส่วนของพลังงานสะอาดมากขึ้นเพื่อให้โรงงานใช้ในการผลิตและบริการได้ ก็จะเพิ่มโอกาสในการดึงนักลงทุนเข้ามา และมุ่งหวังว่าหลังจากมีอุตสาหกรรมใหม่เข้ามาลงทุนจะทำให้เกิดการต่อยอดโดยเยาวชนไทยและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ส.อ.ท.รู้ถึงความสำคัญของความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปี 2564 และที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการหลายอย่างเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าวและเพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม และสมาชิก ส.อ.ท.ให้ช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ล่าสุดได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย (Thailand Carbon Credit Exchange Platform) ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มซื้อขายได้จริงครั้งแรก 2 ก.พ.2565 นายวีระเดช เตชะไพบูลย์ รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ส.อ.ท. และ ประธาน RE100 Thailand Club กล่าวว่า RE100 Thailand Club มีการกำหนดวิสัยทัศน์เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของภาคอุปสงค์และอุปทานของพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนเครดิต ในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียน 100% ในระดับองค์กร อีกทั้งส่งเสริมให้พลังงานหมุนเวียน (RE) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (EE) เป็นเครื่องมือหลักในการ Decarbonization ผ่านการดำเนินงานของภาครัฐในด้าน Deregulation, Decentralization และ Digitalization มุ่งไปสู่การแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนและรักษาระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียนและความเป็นกลางทางคาร์บอน ดังนี้ ใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างน้อย 25% ภายในปี 2025 อย่างน้อย 50% ภายในปี 2030 อย่างน้อย 80% ภายในปี 2035 อย่างน้อย 90% ภายในปี 2040 และถึง 100% ภายในปี 2045 ทั้งนี้ การกำหนดเป้าหมายดังกล่าวของ RE 100 Thailand Club ได้สอดคล้องกับนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ของประเทศไทยให้มีการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ตามที่นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงไว้ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP26) ณ เมืองกลาสโกลว์ ประเทศสก๊อตแลนด์ ![]() RE 100 Thailand Club มีสมาชิกร่วมก่อตั้ง 21 องค์กร และปัจจุบันมีสมาชิก 500 บริษัทรวมบริษัทในเครือของสมาชิก ซึ่งบริษัทสมาชิกร่วมก่อตั้งได้กำหนดเป้าหมายชัดเจน เช่น ส.อ.ท. มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ บมจ.ซุปเปอร์เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น บมจ.ปตท บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กลุ่มเซ็นทรัล สภาสถาปนิก บมจ.สหวิริยาสตีลอินตัสตรี บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการกำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ในปี 2035 บริษัท เด็นโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กำหนดเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียน (RE 100) ในสัดส่วน 100% ภายในปี 2025 และกำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2035 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีนโยบายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (EGAT Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|