![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
ตองกาเจอสึนามิ 1.2 เมตร หลังภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิดรุนแรง ญี่ปุ่น-มะกันเจอคลื่นสูงถล่ม ![]() picture from Tonga Geological Services ประเทศตองกาเจอคลื่นสึนามิสูงสุดถึง 1.2 เมตรพัดถล่ม เมื่อวันที่ 15 มกราคม หลังภูเขาไฟใต้ทะเลเกิดระเบิดขึ้น ซึ่งส่งเสียงดังจนกระทั่งประเทศข้างเคียงได้ยิน และทำให้เกิดสึนามิขึ้นตามมาในพื้นที่ดังกล่าว สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียระบุว่า พบสึนามิสูง 1.2 เมตร ที่กรุงนูกูอาโลฟา เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของตองกา โดยยังคงมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ล่าสุด พบสึนามิที่ดินแดนอเมริกัน ซามัว สูง 2 ฟุต ก่อนที่จะมีการยกเลิกการเตือนภัย ขณะที่ฟิจิก็ประกาศเตือนภัยสึนามิด้วยเช่นกัน พร้อมกับขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่ชายฝั่ง เหตุภูเขาไฟระเบิดจนเกิดคลื่นสึนามิดังกล่าวนับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 วัน หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ที่ 14 มกราคม เพิ่งเกิดเหตุภูเขาไฟระเบิดซึ่งทำให้มีสึนามิสูง 30 เซนติเมตรมาแล้ว เหตุภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิดครั้งนี้ทำให้มีการเตือนภัยสึนามิต่อหลายชาติซึ่งเป็นเกาะในแปซิฟิกใต้ ล่าสุดมีรายงานว่านิวซีแลนด์และออสเตรเลียก็ได้ประกาศเตือนภัยสึนามิเช่นกัน โดยโฆษกรัฐบาลออสเตรเลียระบุว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือหากได้รับการร้องขอ ทางการออสเตรเลียยังได้มีการเตือนภัยสึนามิในพื้นที่ชายฝั่งด้านตะวันออกของประเทศรวมถึงบนเกาะแทสเมเนีย นอกจากนี้ยังมีการเตือนแจ้งเตือนประชาชนในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศให้ออกห่างจากทะเลและพื้นที่เสี่ยง ส่วนที่นิวซีแลนด์ซึ่งห่างจากตองกาถึง 2,300 กิโลเมตร หน่วยงานบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่พื้นที่ชายฝั่งทางด้านเหนือและตะวันออกของเกาะเหนือ อาจเผชิญกับคลื่นแรงที่ไม่ปกติ รวมถึงคลื่นพัดฝั่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ต่อมาสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นได้เตือนภัยประชาชนในพื้นที่ริมฝั่งทะเลติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกให้ออกห่างจากชายฝั่ง เนื่องจากอาจเกิดสึนามิซึ่งเป็นผลจากภูเขาไฟระเบิดในแปซิฟิกใต้ตามมา ที่ญี่ปุ่นพบคลื่นสูง 1.2 เมตรทางตอนใต้ของประเทศ ขณะที่ในสหรัฐมีรายงานคลื่นสูงในหลายพื้นที่ตั้งแต่รัฐแคลิฟอร์เนียไปจนถึงแอลาสกา โดยคลื่นที่พัดขึ้นฝั่งมีความสูงตั้งแต่ 1.3-1 เมตร ส่วนในฮาวายมีรายงานคลื่นสูง 2.7-1.6 ฟุตเกิดขึ้น หลังเกิดภูเขาไฟระเบิด มีการเผยแพร่วิดีโอบนโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นคลื่นขนาดใหญ่พัดขึ้นฝั่งและกลืนกินบ้านเรือนรวมถึงอาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในตองกา อย่างไรก็ดีเบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหาย เนื่องจากอินเตอร์เน็ตทั้งหมดในประเทศตองกาขาดการติดต่อไปตั้งแต่เวลา 18.40 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยคาดว่าน่าจะเป็นเพราะสายเคเบิลสำหรับอินเตอร์เน็ตใต้ทะเลได้รับความเสียหาย ภูเขาไฟฮังกา ตองกา ฮังกา ฮาอาปาย เกิดระเบิดครั้งล่าสุดหลังจากที่เพิ่งเกิดระเบิดขึ้นในวันศุกร์ และมีการยกเลิกการเตือนภัยสึนามิเพียงไม่นาน โดยเหตุระเบิดครั้งใหม่กินเวลานานราว 8 นาที ส่งผลให้เกิดกลุ่มควัน เถ้าภูเขาไฟ และกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงถึง 20 กิโลเมตร ขณะที่ผู้คนซึ่งอาศัยอยู่ริมฝั่งถูกขอให้ขึ้นไปอยู่บนที่สูง เหตุระเบิดครั้งล่าสุดของภูเขาไฟฮังกา ตองกา ฮังกา ฮาอาปาย ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปทางตอนเหนือของกรุงนูกูอาโลฟาราว 65 กิโลเมตร รุนแรงจนได้ยินเสียงคล้ายฟ้าผ่าดังสนั่นในฟิจิ ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปมากกว่า 800 กิโลเมตร แต่ยังดีที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวแต่อย่างใด https://www.matichon.co.th/foreign/news_3133528
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก บ้านเมือง
"หัวหิน" น้ำทะเลเป็นสีเขียว จากปรากฏการณ์ "ขี้ปลาวาฬ" ![]() เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณชายหาดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ได้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า "แพลงก์ตอนบลูม" หรือขี้ปลาวาฬ ส่งผลทำให้น้ำทะเลมีสีเขียวพัดเข้าชายฝั่งและมีกลิ่นเหม็นตั้งแต่บริเวณท่าเทียบเรือสะพานปลาไปทางศาลเจ้าแม่ทับทิมระยะทางประมาณ 500 เมตร แต่ยังไม่พบว่ามีปลาตายแต่อย่างใด ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบางรายต่างไม่กล้าลงเล่นน้ำทะเล ขณะที่บางคนถ่ายเซลฟี่เก็บไว้ดูด้วยความสนใจเพราะไม่เคยพบเห็น ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ หรือ แพลงก์ตอนบลูม เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกปี โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการปล่อยน้ำเสียจากชุมชนลงสู่ทะเลจนทำให้แพลงตอนได้รับสารอาหารและเกิดการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและเมื่อออกซิเจนในน้ำทะเลหมดลง แพลงตอนก็จะตายจนทำให้น้ำทะเลกลายสีเขียว หรืออาจเป็นเป็นช่วงที่เปลี่ยนฤดูจึงเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้น ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่าน้ำทะเลเปลี่ยนสีเขียวหรือแพลงก์ตอนบลูม ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่ลงเล่นน้ำทะเล เพียงแต่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าลงเล่นน้ำเนื่องจากบางจุดจะมีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง และทำให้หวั่นว่าจะเกิดผลกระทบต่อผิวหนัง หากบางคนผิวแพ้ง่ายก็อาจทำให้มีผื่นคันได้ อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ดังกล่าวคาดว่าหากมีลมทะเลพัดแรงเพียง 4-7 วันก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ. https://www.banmuang.co.th/news/region/265952
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก บ้านเมือง
"หัวหิน" น้ำทะเลเป็นสีเขียว จากปรากฏการณ์ "ขี้ปลาวาฬ" ![]() เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณชายหาดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ได้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า "แพลงก์ตอนบลูม" หรือขี้ปลาวาฬ ส่งผลทำให้น้ำทะเลมีสีเขียวพัดเข้าชายฝั่งและมีกลิ่นเหม็นตั้งแต่บริเวณท่าเทียบเรือสะพานปลาไปทางศาลเจ้าแม่ทับทิมระยะทางประมาณ 500 เมตร แต่ยังไม่พบว่ามีปลาตายแต่อย่างใด ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบางรายต่างไม่กล้าลงเล่นน้ำทะเล ขณะที่บางคนถ่ายเซลฟี่เก็บไว้ดูด้วยความสนใจเพราะไม่เคยพบเห็น ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ หรือ แพลงก์ตอนบลูม เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นทุกปี โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการปล่อยน้ำเสียจากชุมชนลงสู่ทะเลจนทำให้แพลงตอนได้รับสารอาหารและเกิดการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและเมื่อออกซิเจนในน้ำทะเลหมดลง แพลงตอนก็จะตายจนทำให้น้ำทะเลกลายสีเขียว หรืออาจเป็นเป็นช่วงที่เปลี่ยนฤดูจึงเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้น ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่าน้ำทะเลเปลี่ยนสีเขียวหรือแพลงก์ตอนบลูม ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่ลงเล่นน้ำทะเล เพียงแต่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าลงเล่นน้ำเนื่องจากบางจุดจะมีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง และทำให้หวั่นว่าจะเกิดผลกระทบต่อผิวหนัง หากบางคนผิวแพ้ง่ายก็อาจทำให้มีผื่นคันได้ อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ดังกล่าวคาดว่าหากมีลมทะเลพัดแรงเพียง 4-7 วันก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ. https://www.banmuang.co.th/news/region/265952
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|