![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
บางจากฯขับเคลื่อนเกาะหมาก Low Carbon Destination แห่งแรกของไทย ![]() ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี ฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ นายสุธารักษ์ สุนทรวิภาต ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 3 องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ร่วมลงพื้นที่ประสานความร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่ตำบลเกาะหมาก อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด เพื่อศึกษาโอกาสในการสนับสนุนการพัฒนาเกาะหมากให้เป็น Low Carbon Destination แห่งแรกของทะเลไทย ครอบคลุมกิจกรรมทั้งบนบกและในทะเล มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นแหล่งท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ เบื้องต้น บางจากฯ ให้การสนับสนุนคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ทำการศึกษาการใช้แหล่งหญ้าทะเลเพื่อช่วยในการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกในแนวปะการังบริเวณเกาะหมากและเกาะกระดาด จังหวัดตราด ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการดูดซับและกักเก็บคาร์บอนผ่านระบบนิเวศทางธรรมชาติทางทะเล (Blue Carbon) รอบพื้นที่เกาะหมาก และจากการลงพื้นที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้หารือความร่วมมือกับชุมชนในพื้นที่ผ่านวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกาะหมาก รวมถึงจะมีการทำงานร่วมกับ อบต. เกาะหมาก ทุกฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกันในการสร้างความยั่งยืนและมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อดูแลสภาพแวดล้อมทั้งบนบกและในทะเล ผ่านภารกิจและกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตกระแสไฟฟ้า การส่งเสริมการใช้ยานพาหนะพลังงานสะอาด การจัดการขยะ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในทะเลด้วยโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูปะการัง ตลอดจนการฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลในแนวปะการังบริเวณเกาะหมาก เป็นต้น ทั้งนี้ การสนับสนุนการศึกษา Blue Carbon ของแหล่งหญ้าทะเลในแนวปะการังภาคตะวันออกและการร่วมดำเนินงานเพื่อพัฒนาเกาะหมากเป็น Low Carbon Destination นั้นช่วยตอกย้ำยุทธศาสตร์ของกลุ่มบางจากฯ ที่กำลังมุ่งหน้าสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ภายในปี 2050 โดยมีเป้าหมายแรกคือความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2030 https://www.matichon.co.th/economy/news_3271514
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์
องค์การอนามัยโลกเตือน ประชากรเกือบทั้งโลกกำลังหายใจอากาศเสีย องค์การอนามัยโลกกระตุ้นเตือนให้เห็นอันตรายของมลพิษทางอากาศที่สามารถฆ่าคนทั่วโลกได้หลายล้านคนต่อปี และชี้ให้เห็นว่าการใช้พลังงานทางเลือกจะเป็นตัวช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้ ![]() แฟ้มภาพ ถ่ายเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 เผยให้เห็นหมอกควันพิษปกคลุมเมืองลียง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส แม้ว่าการปล่อยมลพิษจะลดลงเนื่องจากการมาตรการควบคุมโควิด-19 แต่ชาวยุโรปเกือบทั้งหมดต้องเผชิญกับระดับมลพิษทางอากาศที่เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ในปี 2563 (Photo by PHILIPPE DESMAZES / AFP) เอเอฟพีรายงานคำแถลงเตือนขององค์การอนามัยโลกเมื่อวันจันทร์ที่ 4 เมษายน กล่าวว่า ผู้คนบนโลกกว่า 99% กำลังสูดอากาศที่มีมลพิษเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป และอ้างว่า ในแต่ละปีทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตหลายล้านคนเนื่องมาจากคุณภาพอากาศที่ไม่ดี ข้อมูลใหม่จากหน่วยงานด้านสุขภาพของสหประชาชาติแสดงให้เห็นว่าทุกมุมโลกกำลังเผชิญกับมลพิษทางอากาศ และสถานการณ์มักรุนแรงหนักในบรรดาประเทศยากจน "เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกยังคงหายใจด้วยอากาศที่อันตรายเกินมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ซึ่งนั่นเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญอย่างมาก" มาเรีย เนย์รา ผู้อำนวยการด้านสิ่งแวดล้อม, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสุขภาพขององค์การอนามัยโลก กล่าวกับผู้สื่อข่าว แม้ข้อมูลขององค์การสหประชาชาติในปีที่แล้วระบุว่า การล็อกดาวน์จากการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาและมาตรการจำกัดการเดินทาง ทำให้เกิดการปรับปรุงคุณภาพอากาศขึ้นมาในช่วงระยะเวลาเหล่านั้น แต่มลพิษทางอากาศยังคงเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไขให้หมดไปอยู่ดี เนย์รากล่าวว่า "เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ผู้คนพยายามเอาชีวิตรอดจากโรคระบาดใหญ่ แต่กลับต้องมาเสียชีวิตกว่า 7 ล้านคน จากมลพิษทางอากาศ ทั้งๆที่สามารถป้องกันได้ และยังไม่รวมสุขภาพดีๆที่สูญเสียไปอีกนับไม่ถ้วน" จากข้อมูลดาวเทียมและแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก ชี้ให้เห็นว่า คุณภาพอากาศที่แย่ที่สุดพบได้ในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา องค์การอนามัยโลกได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการควบคุมการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และหวังว่าสถานการณ์ราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย น่าจะช่วยขับเคลื่อนให้มีการเปลี่ยนแปลงไปใช้พลังงานทางเลือกที่สะอาดกว่าเพื่อผลที่ดีอย่างยั่งยืนของคุณภาพอากาศทั่วโลก อากาศเป็นพิษตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกคืออากาศที่มีความเข้มข้นของอนุภาคอันตรายซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) รวมไปถึงสารพิษอย่างซัลเฟตและเขม่าดำจากการเผาไหม้ ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพมากที่สุด เนื่องจากสามารถเจาะลึกเข้าไปในปอดหรือระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ และไนโตรเจนไดออกไซด์ซึ่งจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคหอบหืด. https://www.thaipost.net/abroad-news/118011/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|