![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ดร.ธรณ์ประกาศข่าวดี "เกาะโลซิน" ถูกยกเป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเลตามกฎหมายแล้ว ดร.ธรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล ได้ออกมาเผยข่าวดีต่อคนรักทะเลไทย หลังเกาะโลซินกลายเป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเลตามกฎหมาย ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว ลั่นเป็นแค่เสียงเฮแรก เชื่อโลซินจะเป็นตัวชี้วัดผลกระทบโลกร้อนและความหลากหลายของทะเลไทยด้วย ![]() วันนี้ (8 เม.ย.) เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" หรือ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ระบุข้อความว่า "หลังจากรอมา 5 ปี เกาะโลซินกลายเป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเลตามกฎหมาย ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้วครับ พร้อมกันนั้น ข้อมูลการสำรวจที่กรมทะเล/ปตท.สผ./มหาวิทยาลัยต่างๆ ทำร่วมกัน บัดนี้ได้เสร็จสิ้นแล้ว จึงนำมาบอกเพื่อนธรณ์ อันดับแรกบอกได้ นี่คือเกาะระดับป๋าของทะเลไทย โดยเฉพาะในด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เพราะในเกาะเล็กๆ แห่งเดียว ในการสำรวจครั้งเดียว เราเจอสัตว์ที่ไม่เคยมีรายงานมาก่อนในไทยอย่างน้อย 11 ชนิด ยิ่งไปกว่านั้น 10 ชนิดเป็นปลา โอกาสที่เราจะเจอปลาใหม่ในไทยเป็นไปได้ยาก เพราะเราสำรวจกันมานับร้อยปีแล้วครับ อีกชนิดหนึ่งเป็นปูเสฉวนน่าร้ากกก ลองดูภาพนะครับ คราวนี้มาลองดูความหลากหลายโดยรวมบ้าง ปะการัง 46 ชนิด อยู่ในเกณฑ์ปรกติอ่าวไทย ปลา 116 ชนิด อันนี้ไม่ธรรมดาสำหรับอ่าวไทยแล้วครับ มีแม้กระทั่งฉลามวาฬ แมนต้า โรนัน และหาเจอที่อื่นยากคือกระเบนนก โลซินยังมีปลานกแก้ว 13 ชนิด ปลาผีเสื้อ 10 ชนิด ไม่มีที่ใดในอ่าวไทยมีปลาสองกลุ่มนี้หลากหลายเท่าโลซิน ที่สำคัญคือปลานกแก้วหัวโหนก ในไทยหายากมากแม้ในฝั่งอันดามัน หากเป็นอ่าวไทย เราเจอที่โลซิน และนานๆ ทีที่เกาะเต่า (นานมากๆๆ) ฟองน้ำ 21 ชนิด ปลิง/ดาว/เม่น 7 ชนิด ปูก็มีเยอะ 21 ชนิด หนึ่งในนั้นคือเสฉวน Calcinus vachoni ที่คาดว่าจะเป็นรายงานใหม่ ยังมีนี่นั่นอีกมาก สรุปง่ายๆ ว่านี่แหละทะเลเทพ เอกลักษณ์ของโลซินเกิดจากตำแหน่งที่ตั้งห่างไกลชายฝั่ง เป็นแนวปะการังกลางทะเลขนานแท้ ยังได้รับอิทธิพลจากทะเลจีนใต้ ทำให้เจอสัตว์แปลกที่ไม่มีในเกาะอ่าวไทย ทีมสำรวจสมุทรศาสตร์ทำงานหนัก ปล่อยทุ่นลอยวัดกระแสน้ำนาน 15 วัน ลอยไปทั้งสิ้น 203 กม. หากตัดการลอยไปลอยกลับ ยึกยือไปมา วัดระยะทางสุทธิได้ 62 กม. ในแนวตะวันออกเฉียงเหนือ มุ่งไปกลางอ่าวไทย เมื่อลองหย่อนเครื่องวัดลงลึก พบว่าน้ำแบ่งเป็น 2 ชั้นที่ความลึก 30 เมตร ชั้นบนใสกว่า อุ่นกว่า เค็มน้อยกว่า แต่มีปริมาณออกซิเจนมากกว่า บริเวณนี้ได้รับอิทธิพลจากคลื่นใต้น้ำ internal wave ยังมีการวิจัยเรื่องอื่นๆ อีกเพียบครับ เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิระยะยาวที่อาจเกี่ยวข้องกับโลกร้อน แพลงก์ตอน คุณภาพน้ำ ฯลฯ ยังมีงานเรื่องไมโครพลาสติก ที่ผมเคยเล่าให้เพื่อนธรณ์ฟัง นำมาเทียบกับใกล้ฝั่งแล้วโลซินน้อยกว่ามาก อีกทั้งชนิดพลาสติกยังไม่เหมือนกัน จะไปคล้ายกับน้ำรอบแท่นผลิตปิโตรเลียมที่อยู่ห่างฝั่งออกไปมากกว่า ทั้งหมดที่เล่ามา เพื่อนธรณ์คงพอทราบแล้วว่า โลซินมีความหมาย ทำให้คนไทยมีเสียงเฮ การประกาศโลซินเป็นพื้นที่คุ้มครอง นั่นคือเสียงเฮแรก การที่เราทุ่มเทสำรวจจนมีข้อมูลรายละเอียดเยอะ นั่นคือเสียงเฮสอง การอนุรักษ์และการสำรวจได้ข้อมูลมีประโยชน์ต่อกิจกรรมดำน้ำ SCUBA ที่กำลังจะเปิดฤดูโลซินในอีกไม่ช้า นั่นคือเสียงเฮสาม เสียงเฮสี่สำคัญมาก เพราะโลซินจะเป็นตัวชี้วัดผลกระทบโลกร้อนและด้านความหลากหลายของทะเลไทย เราหาเกาะในอ่าวไทย ที่อยู่ห่างไกล จนไม่ค่อยมีมลพิษจากชายฝั่งได้ยากยิ่งนัก สำหรับผม เสียงเฮสี่สำคัญมาก เฮห้าหก?จะตามมา หากเราสามารถดูแลโลซินไว้ได้ ดูแลเรื่องการประมงผิดกฎหมาย จัดการปัญหาขยะทะเล/อวนในแนวปะการัง เชื่อว่ากรมทรัพยากรทางทะเลฯ จะทำได้ เพราะเรารอคอยกันมานานเหลือเกิน กว่าจะเป็นกฎหมาย เมื่อสำเร็จแล้ว การดูแลย่อมมีหวัง ขอบคุณปตท.สผ. และเพื่อนพี่น้องจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ พวกเรานักวิทยาศาสตร์ทางทะเลจับมือร่วมกันเสมอมาและเสมอไปเพราะในหัวใจมีหนึ่งเดียวในหัวใจมีทะเลไทย?ครับ การสำรวจครั้งต่อไปคงจะเริ่มในไม่ช้า ขอฝาก ปตท.สผ.ช่วยกรุณาสนับสนุนโครงการดีๆ แบบนี้อย่าให้ขาดตอน เพราะนี่แหละคือผลลัพธ์ที่จำเป็นเหลือเกินสำหรับการรักษาทะเลครับ" https://mgronline.com/onlinesection/.../9650000034203
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์
ชะลอขุดลอกร่องน้ำทะเลตรัง หวั่นกระทบแหล่งพะยูน ระดมนักวิชาการ-ประมงพื้นบ้านร่วมศึกษา ![]() 8 เม.ย.2565 - นายจรัญ ดำเนินผล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 3 กรมเจ้าท่า เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อศึกษาผลกระทบโครงการขุดลอกร่องน้ำทะเลตรัง ว่า ตอนนี้ได้ส่งเรื่องให้กับคณะอนุกรรมการพะยูนจังหวัดตรัง ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ เพื่อร่วมรวบรายชื่อคณะกรรมการร่วม แล้วส่งให้กรมเจ้าท่าตามลำดับ ซึ่งจริงๆแล้วมีผลการศึกษาการขุดลอกอยู่แล้ว แต่เมื่อนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการพะยูนจังหวัดตรัง ได้มีข้อสงสัยอีกหลายประเด็น และทางกลุ่มอนุรักษ์เรียกร้องให้ไปศึกษาเพิ่มเติม เช่น เรื่องการเคลื่อนย้ายของตะกอนในหน้ามรสุมว่าไปในทิศทางใด การฟุ้งกระจายของตะกอน หากมีการขยายร่องน้ำจะส่งผลกระทบด้านใดบ้าง การนำหินสายสมอในร่องน้ำออก . "ในปี 2565-2566 จะไม่มีการขุดลอกร่องน้ำ เพื่อให้ทุกอย่างตกผลึก มีการศึกษาที่ชัดเจนว่าหากขุดแล้วจะไม่มีผลกระทบ การจะเข้ามาดำเนินการได้นั้นต้องดูว่าจะมีผลกระทบต่อหญ้าทะเลหรือไม่ การกำหนดจุดทิ้งตะกอน ว่าจะทิ้งในทะเล หรือ ทิ้งบนบก ต้องกำหนดจุดที่ชัดเจน ปริมาณต้องชัดเจนเพื่อไม่ให้ตะกอนกระทบต่อหญ้าทะเลและสิ่งแวดล้อม" นายจรัญกล่าว ทั้งนี้กรมเจ้าท่าได้ดำเนินโครงการขุดลอกร่องน้ำบริเวณปากแม่น้ำตรัง สนับสนุนการเดินเรือและการพัฒนาภาคธุรกิจแถบภาคใต้ แต่นักอนุรักษ์และชาวบ้านเชื่อว่าจะส่งผลกระทบแหล่งอนุรักษ์พะยูนที่สำคัญของเมืองไทย ปัจจุบันมีการสำรวจพบว่า แหล่งหญ้าทะเลบริเวณเกาะลิบงได้ถูกตะกอนดินจากโครงการขุดลอกร่องน้ำกันตังที่เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2562 ทับถมจนเกิดความเสียหายหลายพันไร่ เสี่ยงต่อการคุกคามการดำรงชีวิตของพะยูน อาจส่งผลให้มีการอพยพย้ายถิ่น เนื่องจากพะยูนขาดแหล่งอาหารที่เหมาะสม และยังส่งผลกระทบต่อการทำประมงของชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากสัตว์ทะเลหลายชนิดที่อาศัยแหล่งหญ้าทะเลเป็นพื้นที่อนุบาลได้ลดจำนวนลงอย่างมาก ชาวบ้านไม่สามารถจับสัตว์น้ำมาขายได้ จึงควรมีการศึกษาผลกระทบอย่างละเอียดก่อนดำเนินการ นายจรัญ กล่าวอีกว่า จริงๆแล้วการขุดลอกร่องน้ำกันตัง มีการขุดมาตลอดตั้งแต่ปี 2509 และมีปัญหาเมื่อราวปลายปี2562 ซึ่งยังฟันธงไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุของมรสุม คลื่นลมแรง หรืออะไรกันแน่ และไม่มีการขุดมาตั้งแต่ปี2563 แต่ปัจจุบันยังพบว่าหญ้าทะเลยังมีตายเพิ่มเติม ไม่ได้เฉพาะที่เกาะลิบง จากข้อมูลที่มีการสำรวจ พบว่าหญ้าทะเลบริเวณหาดเจ้าไหม อ่าวหยงหลำ อำเภอสิเกา รวมถึงจังหวัดสตูล จังหวัดกระบี่ ก็ตายจำนวนมากเช่นกัน หรือแม้แต่ปะการังในจังหวัดภูเก็ตก็ตายเช่นเดียวกัน จึงต้องศึกษาให้ชัดว่าหญ้าทะเลตายเพราะอะไร เพราะภาวะโลกร้อน หรือการเปลี่ยนแปลงของน้ำทะเล ซึ่งต้องหาคำตอบและตกผลึกให้ได้ ดังนั้น คณะกรรมการร่วมนอกจากจะมีคณะอนุกรรมการพะยูนแล้ว ยังต้องมีนักวิชาการสิ่งแวดล้อมภาคส่วนอื่นมาร่วมด้วย เช่น นักวิชาการสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนักวิชาการจากมูลนิธิอันดามันด้วย ![]() ด้านนายภาคภูมิ วิธานติรวัฒน์ ผู้ประสานงานมูลนิธิอันดามัน จังหวัดตรัง กล่าวว่า คาดว่าทางฝ่ายวิชาการของมูลนิธิอันดามัน รวมถึงกลุ่มประมงพื้นบ้าน นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม จะเข้าเป็นคณะกรรมการร่วมด้วย เราไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการขุดลอก เพราะมองว่าการเดินเรือขนส่งสินค้าในแม่น้ำตรังก็เป็นเรื่องจำเป็น เมื่อแม่น้ำตื้นเขินก็ต้องมีการขุดลอก ตามหลักที่ตกลงกันไว้ว่าจะขุดลอกเฉพาะที่จำเป็น และกรมเจ้าท่าก็ไม่ควรขยายร่องน้ำให้ลึก หรือกว้างเกินที่ได้รับประกันความลึกร่องน้ำไว้ที่ 55 เมตร หากจะขุดลึกกว่านี้ ปากร่องน้ำที่จะขยายให้กว้างต้องทุบหินสายสมอออกบางส่วน ฉะนั้นจะก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะปริมาณหิน ทราย จากการขุดลอกมีจำนวนมหาศาล และชาวประมงพื้นบ้านใช้หินสายสมอเป็นที่หลบพายุ ดังนั้นการทุบหินสายสมอจะกระทบต่อระบบนิเวศ "ปริมาณการจราจรการขนส่งทางน้ำ มีความถี่ มีการสัญจรตลอด 24 ชั่วโมงหรือเปล่า ซึ่งข้อมูลที่ทราบในปัจจุบันไม่ได้มีความหนาแน่น วันหนึ่งมีแค่ขบวนเดียว บางวันก็ไม่มีเลย ฉะนั้นสามารถบริหารจัดการการเดินเรือได้อยู่ หากการขนส่งทางน้ำต้องรอน้ำขึ้นบ้าง 2-3 ชั่วโมง ก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียที่รุนแรง การขุดลอกและการเดินเรือ ไม่มีใครขัดข้อง แต่จำเป็นต้องศึกษาหารือกันอย่างรอบคอบ ทำตามความจำเป็น ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากร เพราะปากแม่น้ำตรังและเกาะลิบง ที่ได้รับผลกระทบจากตะกอนทราย เป็นแหล่งหญ้าทะเลที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดตรัง เป็นแหล่งอาศัยของพะยูนที่มีความหนาแน่นนับร้อยๆตัว และที่สำคัญไม่สามารถหาพื้นที่ไหนทดแทนแหล่งหญ้าทะเลบริเวณนั้นได้อีกแล้ว"นายภาคภูมิ กล่าว https://www.thaipost.net/district-news/120568/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|