เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 16-03-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


บราซิลพบ "หินพลาสติก" สะท้อนมลภาวะฝีมือมนุษย์



นักวิจัยในบราซิลพบหินที่มีพลาสติกเป็นส่วนประกอบ ที่เกาะตรินดาจี ซึ่งเป็นแหล่งวางไข่ของเต่าตนุและอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่เป็นพันกิโลเมตร ย้ำชัดว่ามลพิษจากฝีมือมนุษย์ไปทั่วถึงทุกหนแห่งและเป็นเครื่องเตือนใจให้รีบแก้ไขสถานการณ์
ก้อนหินที่มีบางส่วนเป็นสีเขียวสด คือ หินที่มีพลาสติกละลายปะปนเป็นส่วนหนึ่งของก้อนหินไปด้วย ถูกพบที่เกาะตรินดาจี ที่เป็นเกาะภูเขาไฟในบราซิล

นักวิจัยเรียกสิ่งนี้ว่า plastiglomerates คำนิยามคือ เป็นหินชนิดใหม่ที่สมาคมธรณีวิทยาอเมริกาค้นพบตั้งแต่ปี 2013 ก่อตัวจากพลาสติกเมื่อถูกความร้อนและละลายรวมตัวกับทราย หิน เปลือกหอย และปะการัง ซึ่งพลาสติกจะยึดเอาเศษวัสดุต่าง ๆ เชื่อมติดไว้ด้วยกัน

เกาะแห่งนี้ที่พบตั้งอยู่ห่างจากรัฐ Espirito Santo ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิลไปกว่า 1,140 กิโลเมตร ทำให้การค้นพบครั้งนี้สะท้อนถึงระดับความรุนแรงจากมลภาวะที่มนุษย์ก่อขึ้นบนส่งและกำลังแผ่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ จนกลายเป็นเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรทางธรณีวิทยา

จากการตรวจสอบพบว่า พลาสติกที่พบหลัก ๆ มาจากแห ซึ่งเป็นขยะที่พบได้ปกติตามหาดบนเกาะนี้ เพราะกระแสน้ำมักพัดพาเอาเศษแหอวนมาสะสมบนหาด และเมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น พลาสติกจึงละลาย จนหลอมกลายเป็นเนื้อเดียวกับวัสดุในธรรมชาติบนชายหาดของเกาะนี้

ขณะที่เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับการอนุรักษ์เต่าตนุที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะแต่ละปีจะมีเต่าตนุหลายพันตัวว่ายมาวางไข่ที่เกาะ และบนเกาะยังปลอดภัยเพราะไม่มีประชาชนอาศัยอยู่ มีเพียงทหารจากกองทัพเรือบราซิลจำนวนหนึ่งเท่านั้น ที่ตั้งฐานอยู่บนเกาะเพื่อดูแลเต่าเหล่านี้ และตัวอย่างพลาสติกต่าง ๆ ที่นักวิจัยพบก็อยู่ในบริเวณเดียวกันกับที่เต่าวางไข่


https://www.thaipbs.or.th/news/content/325607

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 16-03-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


นักวิทยาศาสตร์เฝ้าติดตามภูเขาน้ำแข็งยักษ์ขนาดเท่าลอนดอน


ภูเขาน้ำแข็ง A76a มีขนาดใหญ่กว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร

ทีมนักวิทยาศาสตร์อังกฤษเฝ้าติดตามภูเขาน้ำแข็งยักษ์ 2 ลูกอย่างใกล้ชิด ในขณะที่มันกำลังเคลื่อนเข้าสู่บริเวณที่อาจส่งผลกระทบต่อการเดินเรือ การประมง และสัตว์ทะเล

ภูเขาน้ำแข็งยักษ์ดังกล่าวประกอบไปด้วย ภูเขาน้ำแข็งชื่อ A81 ซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากรุงลอนดอน ส่วนอีกลูกชื่อ A76a มีขนาดใหญ่กว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใกล้เคียงกับมณฑลคอร์นวอลล์ อีกทั้งมีรูปทรงยาวคล้ายโต๊ะรีดผ้าเหมือนกัน

ภูเขาน้ำแข็งทั้งสองอาจใช้เวลาหลายทศวรรษกว่าจะละลายหมดไป และเมื่อถึงตอนนั้นก็จะทำให้น้ำจืดปริมาณมหาศาลไหลสู่มหาสมุทร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลแถบนั้น

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป เพราะเมื่อน้ำแข็งละลายตัวก็จะปล่อยแร่ธาตุในยุคโบราณที่ติดอยู่ในน้ำแข็งลงสู่ทะเล

ตะกอนและแร่ธาตุเหล่านี้อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ ในทะเล

ศาสตราจารย์ เกอไรนต์ ทาร์ลิง ซึ่งทำงานวิจัยในทวีปแอนตาร์กติกากำลังโดยสารเรือวิจัย Royal Research Ship Discovery เพื่อเดินทางกลับอังกฤษพร้อมทีมงาน ขณะนั้นเองเรือได้แล่นเข้าใกล้ภูเขาน้ำแข็ง A76a ที่ถูกกระแสน้ำพัดออกจากทะเลเวดเดลล์ ในแอนตาร์กติกาเข้าสู่มหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้

ทีมนักวิทยาศาสตร์จึงถือโอกาสในการสำรวจภูเขาน้ำแข็งยักษ์ลูกนี้ ด้วยการเก็บตัวอย่างน้ำแข็งมาศึกษาโดยใช้ท่อชนิดพิเศษที่ไม่มีการปนเปื้อน

ก่อนจะล่องลอยอยู่กลางทะเล ภูเขาน้ำแข็ง A76a ได้แตกออกจากหิ้งน้ำแข็งฟิลช์เนอร์-รอนน์ (Filchner-Ronne Ice Shelf) ในเดือน พ.ค. 2021

จากนั้นก็ถูกกระแสคลื่นลมพัดพาขึ้นเหนือมุ่งหน้าสู่บริเวณช่องว่างระหว่างหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ และเกาะเซาท์จอร์เจีย ดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษ

นักวิทยาศาสตร์กังวลว่า ภูเขาน้ำแข็งลูกนี้อาจลอยไปติดอยู่บริเวณน้ำตื้นใกล้กับเกาะเซาท์จอร์เจีย หรือหมู่เกาะขนาดเล็กที่อยู่ใกล้เคียงที่เรียกว่า "แชกร็อคส์"

หากเป็นเช่นนั้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลในท้องถิ่น และต่อผู้คน เนื่องจากอาจส่งผลต่อการทำประมงและการเดินเรือ

ส่วนภูเขาน้ำแข็ง A81 แตกตัวออกจากหิ้งน้ำแข็งบรันต์ (Brunt Ice Shelf) เมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา แม้ว่าเหล่านักวิทยาศาสตร์จะคาดการณ์ว่ามันจะแยกตัวออกมาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน

คาดว่าภูเขาน้ำแข็งขนาดเท่ากรุงลอนดอนลูกนี้จะมีชะตากรรมเดียวกับ A76a โดยจะเคลื่อนที่เข้าสู่เส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้

ทีมนักวิจัยอังกฤษได้มีโอกาสบินสำรวจเหนือภูเขาน้ำแข็งลูกนี้มาแล้วในขณะที่มันกำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้สถานีวิจัยฮาลลีย์ ซึ่งตั้งอยู่ส่วนปลายสุดของซีกโลกใต้เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว


https://www.bbc.com/thai/international-64957497


******************************************************************************************************


ทำไมวาฬเพชฌฆาตจึงฆ่าฉลามเพื่อกินแต่ตับ


ซากฉลามเจ็ดเหงือกที่ถูกกัดกินเอาแต่ตับบนชายหาดประเทศแอฟริกาใต้

วาฬเพชฌฆาต 2 ตัวได้ออกล่าเหยื่ออย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง โดยล่าสุดได้ฆ่า ?ฉลามเจ็ดเหงือก? (broadnose sevengill shark) ไป 19 ตัวในวันเดียว เพื่อมุ่งกินแต่ตับ แล้วทิ้งร่างเหยื่อให้เน่า ก่อนที่จะถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งทางตอนใต้สุดของประเทศแอฟริกาใต้

ซากฉลามที่ปรากฏได้กระตุ้นความสนใจของ ดร.อลิสัน ค็อก นักชีววิทยาทางทะเลประจำสำนักอุทยานแห่งชาติแอฟริกาใต้ ที่ทวีตเรื่องราวของสองคู่หูวาฬเพชฌฆาตเพศผู้ที่ชื่อ "พอร์ต" และ "สตาร์บอร์ด" บอกเล่าการล่าเหยื่ออย่างบ้าระห่ำของพวกมันเมื่อ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับวาฬเพชฌฆาตคู่นี้ เพราะเมื่อปี 2017 มีรายงานว่าพวกมันได้ฆ่าฉลามขาวไปอย่างน้อย 8 ตัว โดยในจำนวนนี้ 7 ตัวมีร่องรอยถูกกัดกินเอาแต่ตับ แล้วทิ้งร่างที่เหลือให้เน่าเปื่อยในทะเล

พฤติกรรมดังกล่าวทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมวาฬเพชฌฆาตสองตัวนี้จึงมุ่งกินแต่ตับของปลาฉลาม

ดร.ค็อก ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าววิทยาศาสตร์ Live Science ว่า ?พวกมันน่าจะเรียนรู้จากประสบการณ์ตอนที่ได้ล่าเหยื่อชนิดใหม่เป็นครั้งแรก?

นี่หมายความว่า เมื่อวาฬเพชฌฆาตรู้ตำแหน่งของตับในร่างกายฉลาม ?พวกมันจะจดจำได้ตลอดไป และกลายเป็นนักล่าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น?

ดร.ค็อก อธิบายว่า ตับฉลาม "มีคุณค่าทางสารอาหารมาก โดยอุดมไปด้วยไขมัน และวิตามินต่าง ๆ? ดังนั้น ?วาฬเพชฌฆาตอาจได้เรียนรู้ว่าการกินตับฉลามทำให้พวกมันได้รับพลังงานและสารอาหารปริมาณมาก"

นอกจากนี้ ตับฉลามยังมีขนาดใหญ่และลอยตัวได้ ดังนั้นเมื่อฉลามตาย ตับก็จะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำทำให้วาฬเพชฌฆาตสังเกตเห็นและเข้ากินได้โดยง่าย ต่างจากอวัยวะภายในชนิดอื่น ๆ ที่อาจจมลงสู่ก้นทะเล

วาฬเพชฌฆาตมีพฤติกรรมการล่าเหยื่อเป็นกลุ่มหรือเป็นคู่ เพื่อให้สามารถหลอกล่อและต้อนเหยื่อให้จนมุม

วาฬเพชฌฆาตมีพฤติกรรมการล่าเหยื่อเป็นกลุ่ม หรือเป็นคู่ เพื่อให้สามารถหลอกล่อและต้อนเหยื่อให้จนมุม ซึ่งเป็นพฤติกรรมสำคัญที่ช่วยให้พวกมันได้เปรียบเหยื่อ

ดร.ค็อก บอกว่า วาฬเพชฌฆาตตัวหนึ่งอาจทำหน้าที่หลอกล่อเหยื่อ ส่วนอีกตัวรับหน้าที่ในการสังหาร "กลยุทธ์การล่าแบบนี้ต้องใช้ความชาญฉลาดสูง และความร่วมมือกันในหมู่วาฬเพชฌฆาต"

เธออธิบายว่า วาฬเพชฌฆาตอาจใช้หางขนาดใหญ่ในการฟาด หรือทำให้ฉลามพลิกคว่ำ แล้วตกอยู่ในภาวะอัมพาตชั่วคราว ซึ่งพฤติกรรมการล่าเหยื่อลักษณะนี้ของวาฬเพชฌฆาตพบได้ทั่วโลก เช่น อเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะพบการล่ากินตับฉลามขาวและฉลามเจ็ดเหงือกเกิดขึ้นบ่อยครั้งในแอฟริกาใต้

ดร.ค็อก ชี้ว่าการพบฉลามซึ่งเป็นสัตว์นักล่าบนสุดของห่วงโซ่อาหารตายหลายตัวภายในเวลาเพียง 1 วันถือเป็นเรื่องน่ากังวลว่าจะทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศในท้องถิ่น


https://www.bbc.com/thai/articles/cxwjl0384zlo

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:52


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger