เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 24-04-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


"คลื่นความร้อน" แผดเผาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำอุณหภูมิพุ่งสูงทุบสถิติ


ที่ตาก อุณหภูมิปรอทสูงขึ้นถึง 114 องศาฟาเรนไฮต์ (45.4 องศาเซลเซียส) ขณะที่เพชรบูรณ์มีอุณหภูมิสูงถึง 110 องศาฟาเรนไฮต์ (43.5 องศาเซลเซียส) อุณหภูมิที่สูงในจังหวัดตากเป็นอุณหภูมิที่สูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ในประเทศ โดยทำลายสถิติเก่าที่ 112 F (44.6 C) ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนในปี 2559

ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว คลื่นความร้อนทวีความรุนแรงปกคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ระดับอุณหภูมิพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ตามรายงานของนักอุตุนิยมวิทยาของ AccuWeather บริษัทพยากรณ์อากาศชั้นนำของโลกซึ่งเปรียบว่าเป็น 'สัตว์ประหลาด' (monster) กำลังคลืบคลานเล่นงานมนุษย์

Bill Deger นักอุตุนิยมวิทยาอาวุโสของ AccuWeather บริษัทพยากรณ์อากาศชั้นนำ รายงานว่าคลื่นความร้อนหลายสัปดาห์ที่ส่งผลกระทบต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทำลายสถิติตลอดกาล ทำให้โรงเรียนต้องปิดและคร่าชีวิตผู้คน โดยระดับอุณหภูมิในพื้นที่บางส่วนของบังกลาเทศ จีน อินเดีย ลาว เมียนมาร์ และไทย สูงกว่า 100 องศาฟาเรนไฮต์ (38 องศาเซลเซียส) ในเดือนเมษายนนี้ ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในทุกช่วงเวลาของปี

พยากรณ์ของ AccuWeather ระบุว่าอากาศที่เย็นลงบางส่วนจะช่วยบรรเทาจากความร้อนที่รุนแรงในสัปดาห์หน้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสภาพอากาศที่คาดการณ์ไว้


อุณหภูมิทุบสถิติ ชีวิตประจำวันได้รับผลกระทบ

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยทั่วไปแล้วเดือนเมษายนและพฤษภาคมเป็นเดือนที่อบอุ่นที่สุดของปีก่อนที่มรสุมประจำปีจะเริ่มขึ้น แต่ขนาดและขอบเขตของคลื่นความร้อนในปัจจุบันนั้นไม่เคยมีมาก่อนในบันทึก

นักภูมิอากาศวิทยาและนักประวัติศาสตร์สภาพอากาศ มักซิมิเลียโน เอร์เรรา ขนานนามปรากฏการณ์อันอบอุ่นนี้ว่าเป็น "คลื่นความร้อนที่น่าอัศจรรย์ของเอเชียอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน" และกล่าวว่า "บันทึกกำลังล่มสลายไปทั่ว"

"เมื่อวันศุกร์ 14 เมษายนที่ผ่านมา เมืองตากและเพชรบูรณ์ในประเทศไทยสร้างสถิติใหม่ตลอดกาล" Jason Nicholls หัวหน้านักพยากรณ์ของ AccuWeather กล่าว

สถิติอุณหภูมิสูงสุดตลอดกาลสำหรับช่วงเวลาใดๆ ของปีนั้นเกิดขึ้นติดต่อกันสามวันในพงสาลี ประเทศลาว ตามรายงานของเอร์เรรา โดยอุณหภูมิแตะระดับ 94 F (34.5 C) ในวันที่ 20 เมษายน ในวันเดียวกันนั้น เอร์เรรา รายงานด้วยว่า กรุงเทพฯ ประเทศไทย มีอุณหภูมิสูงถึง 104 F (40 C) สร้างสถิติในเดือนเมษายน

บันทึกอุณหภูมิเดือนเมษายนครั้งใหม่หลายร้อยครั้งทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนเมื่อวันที่ 17 เมษายน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มณฑลหยุนเหอ อุณหภูมิสูงสุดที่ 101 F (38.2 C) สร้างสถิติใหม่ประจำเดือน ในขณะเดียวกัน เมืองหางโจวมีอุณหภูมิสูงถึง 95 F (35 C) เป็นครั้งแรกในเดือนเมษายน ตามรายงานของ Nicholls

เมื่อวันอังคารที่ 18 เมษายน คลื่นความร้อนสูงระลอกใหม่มาถึงจีนแล้ว ยูนนานมีอุณหภูมิสูงถึง 107 F (41.9 C) ตามทวีตที่ส่งโดย Herrera ในบังกลาเทศ สถิติสูงสุดในเดือนเมษายนเท่ากันเมื่ออุณหภูมิใน Ishurdi สูงถึง 109 F (43 C) ในวันที่ 17 เมษายน

แม้ว่าความร้อนจะไม่รุนแรงนัก แต่สถานที่สองแห่งในญี่ปุ่นก็รักษาวันที่อบอุ่นที่สุดในเดือนเมษายนเป็นประวัติการณ์ในวันที่ 19 เมษายน เมื่อชิมาบาระสูงถึง 84 F (28.8 C) และ Kahoku มีอุณหภูมิสูงถึง 88 F (30.9 C) ตาม NHK World

ความร้อนจัดมาถึงอินเดียเป็นอันดับแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และในสัปดาห์นี้อุณหภูมิยังคงสูงถึงเลขสามหลัก

"นิวเดลีแตะระดับ 100 องศาฟาเรนไฮต์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 เมษายน" นิโคลส์กล่าว "อุณหภูมิที่อื่นสูงกว่า 110 องศาเป็นประจำ"

ในอินเดียมีรายงานผู้เสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับความร้อน ตามรายงานของ CNN มีผู้เสียชีวิต 13 รายจากโรคลมแดด และอีก 50-60 รายเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจากเข้าร่วมพิธีกลางแจ้งในเมืองนาวีมุมไบ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของรัฐมหาราษฏระเมื่อวันอาทิตย์

โรงเรียนที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศถูกปิดในหลายรัฐของอินเดียเมื่อต้นสัปดาห์นี้ Mamata Banerjee หัวหน้ารัฐมนตรีของรัฐเบงกอลตะวันตกบอกกับเดอะการ์เดียน Banerjee ยังบอกด้วยว่าเด็กๆ ประสบปัญหาด้านสุขภาพจากความร้อน รวมถึงอาการปวดหัว


อะไรทำให้เกิดความร้อนและจะเกิดอะไรขึ้นอีก?

การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสภาพอากาศทั่วเอเชียเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำให้เกิดคลื่นความร้อน

Nicholls กล่าวว่า "ความร้อนเกิดจากอาคาร ซึ่งเป็นสันเขาขนาดใหญ่ที่มีความกดอากาศสูงจากอ่าวเบงกอลไปยังทะเลฟิลิปปินส์"

พูดให้กว้างกว่านั้น ขนาดของคลื่นความร้อนแสดงถึงลักษณะเฉพาะของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ทำให้คลื่นความร้อนในภูมิภาคอยู่ได้นานขึ้นที่ระดับความเข้มข้นสูงขึ้น จากการศึกษาในปี 2564 ในวารสาร Science China

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2565 พื้นที่ส่วนใหญ่ของปากีสถานและอินเดียย่างกรายภายใต้คลื่นความร้อนจัด โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 122 องศาฟาเรนไฮต์ในอินเดีย ณ จุดหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศกล่าวในภายหลังว่าคลื่นความร้อนมีโอกาสเพิ่มขึ้น 30 เท่าจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ความร้อนที่ทำลายสถิติจะคงอยู่ต่อไปอีกเล็กน้อยในระยะสั้น คาดว่าจะบรรเทาลงได้ภายในสุดสัปดาห์นี้

"อากาศจะยังคงร้อนอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนและหุบเขาแยงซีไปจนถึงวันพฤหัสบดี ขณะที่ทางตอนเหนือของจีนจะเริ่มเย็นลง" นิโคลส์กล่าว

"อากาศที่เย็นลงจะแผ่ปกคลุมพื้นที่อื่นๆ ของประเทศและส่วนอื่นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในวันศุกร์ช่วงสุดสัปดาห์นี้"

ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียโดยรวมจะเย็นลงในสัปดาห์ข้างหน้า แต่ความร้อนที่สูงกว่าปกติบางส่วนจะกลับสู่ปกติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ช่วงปลายสัปดาห์หน้าหรือสุดสัปดาห์หน้า ตามรายงานของ AccuWeather นักพยากรณ์


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9660000037423

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 24-04-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


ชวนเที่ยว!! อุทยานเรียนรู้ใต้ทะเลเขาหลัก จุดดำน้ำ จ.พังงา



กรมทะเล จับมือ มูลนิธิรักษ์เขาหลัก กองทัพเรือ จัดตั้งอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเลเขาหลักแหล่งเรียนรู้ เพิ่มจุดดำน้ำ เสริมศักยภาพการท่องเที่ยวทางทะเล จ.พังงา
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่บริเวณสถานที่จัดกิจกรรม โรงแรมลาฟลอร่า เขาหลัก ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา น.ส.นิรชา บัณฑิตย์ชาติ รองผวจ.พังงา เป็นประธานเปิดอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเลเขาหลัก จ.พังงา ภายใต้โครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลไทย ในพระดําริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา โดยมีดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) นายสมพงศ์ ดาวพิเศษ ประธานมูลนิธิรักษ์เขาหลัก พลเรือตรีภุชงค์ รอดนิกร เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 และนายอุกกฤต สตภูมินทร์ ผอ.กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ผู้แทนจากหน่วยงานราชการ ผู้แทนภาคเอกชน นักดำน้ำอาสาสมัคร นักท่องเที่ยว ประชาชนในพื้นที่ และสื่อมวลชน เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 100 คน

น.ส.นิรชา กล่าวว่า จ.พังงา มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งบนบกและในทะเล เกาะแก่งต่างๆ มากมายที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก และจะมีอุทยานใต้ทะเลแหล่งดำน้ำที่มีความน่าสนใจไม่แพ้ที่ใดในโลก ทำให้มีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวมากขึ้น และจะเป็นแลนมาร์คแห่งใหม่ที่อยู่ใต้ทะเล สำหรับเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวลงไปเยี่ยมชมอุทยานใต้ทะเล ซึ่งไม่เพียงเป็นแหล่งท่องเที่ยวแต่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเล เป็นแหล่งผลิตกุ้งหอย ปูปลา และสัตว์น้ำอื่นๆ ให้กับพี่น้องชาวประมงให้จับสัตว์น้ำมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงถือว่ามีคุณค่าเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย สำคัญที่สุดเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินท่านทรงเห็นความสำคัญรับเข้าเป็นส่วนหนึ่งในโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ดังนั้นทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันดูแล รักษา และใช้ให้เกิดความยั่งยืน ตามตามแนวพระดำริที่ทรงห่วงใยและอยากเห็นประชาชนทุกฝ่ายมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงความสมบูรณ์สืบไป

ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดอันดามันตอนบน ทั้งจ.ระนอง ภูเก็ต และอ่าวพังงา เป็นทางผ่านไปสู่แหล่งท่องเที่ยวดำน้ำที่มีชื่อเสียงติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ซึ่งหมู่เกาะสิมิลัน เกาะสุรินทร์ ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้จึงมีแนวคิดในการสร้าแหล่งดำน้ำเพิ่ม เพื่อลดจำนวนนักท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเลเขาหลัก ขึ้นในปี 2556 นำเรือรบที่ปลดประจำการ เรือ ต.13 มาจัดวางเริ่มต้น ต่อมาจัดวางปะการังเทียมล้อมรอบ นำยุทโธปกรณ์ที่ไม่ใช้แล้ว ประติมากรรมต่างๆ มาจัดวางเพิ่ม มีสิ่งมีชีวิตเข้าไปอาศัยจำนวนมาก มีปะการังธรรมชาติมากถึง 42 ชนิด ปลา และสัตว์น้ำอื่นๆ มากกว่า 117 ชนิด มีความสมบูรณ์และสวยงาม เป็นที่ตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยว

สำหรับพื้นที่อุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเลเขาหลักมีประมาณ 1 ตารางกิโลเมตร อยู่ห่างฝั่ง 6 กิโลเมตร ที่ระดับความลึกเฉลี่ย 17 เมตร มีนักท่องเที่ยวเข้าไปดำน้ำ 80-100 คนต่อวัน เป็นแหล่งทำประมงของประชาชนในพื้นที่ โดยที่ผ่านมาอุทยานฯ ยังไม่มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้รับทราบทั่วไป และ กรม ทช. ได้เสนอกิจกรรมเปิดอุทยาการเรียนรู้ใต้ทะเลเขาหลัก เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในห้วงวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา วันที่ 8 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยกิจกรรมในวันนี้มีการติดตั้งป้ายใต้น้ำในพื้นที่ ป้ายประชาสัมพันธ์บนฝั่ง เชิญนักดำน้ำอาสาสมัครเข้าร่วมดำน้ำเก็บขยะ และปลูกปะการังในพื้นที่โครงการ

นายสมพงศ์ ดาวพิเศษ ประธานมูลนิธิรักษ์เขาหลัก กล่าวว่า ในปี 2565 เขาหลัก มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาประมาณ 1 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับประชาชนในจังหวัด และประเทศประมาณ 6,900 ล้านบาท จึงเป็นที่มาในการสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเลเขาหลัก พื้นที่แห่งนี้พร้อมแล้วที่จะเปิดอย่างเป็นทางการสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนเขาหลัก ในการลงไปเยี่ยมชม ศึกษา เรียนรู้ระบบนิเวศสิ่งมีชีวิต โดยเราพร้อมรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาดำน้ำชมความสวยงามของระบบนิเวศใต้ทะเลเขาหลัก จ.พังงา


https://www.khaosod.co.th/lifestyle/travel/news_7626108

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 24-04-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


กฎหมายเอื้อมไม่ถึง! เรือสุดชุ่ยทิ้งคราบน้ำมันเสีย ทำลายหาดบางแสน

ผงะ! คราบน้ำมันลอยเกลื่อนหาดบางแสน ต้นตอเป็นเรือเดินสมุทร กลางทะเล แอบลักลอบเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน แล้วทิ้งน้ำมันเสียลงทะเล ด้านเจ้าท่า ยันไม่มีหลักฐานคาหนังคาเขา



23 เม.ย.2566 ? ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันที่ ชายหาดทะเลบางแสน จ.ชลบุรี บริเวณหลังศาลเจ้าพ่อแสน พบมีคราบน้ำมัน สีดำลอยจากบริเวณ เกาะสีชัง มาที่ทะเลบางแสน ระยะทางยาวกว่า 2 กดม. ทำให้นักท่องเที่ยว ไม่สามารถลงไปเล่นน้ำทะเลได้ เนื่องจาก คราบน้ำมัน มีความสกปรกติดตัว และลอยมาตลอดเวลา

นาย ณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศบาลเมืองแสนสุข ระบุว่า ได้ให้พนักงานทำความของเทศบาล เร่งเข้าไปเก็บและทำความสะอาดอย่างรีบด่วน โดยจะทำกันจนกว่า จะเก็บหมด เพราะเกรงจะกระทบการท่องเที่ยว โดยคราบน้ำมันนี้ เป็นคราบน้ำมันเครื่องที่เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ที่จอดบริเวณเกาะสีชัง มักจะมักง่าย แอบลักลอบเปลี่ยนถ่ายนำมันเครื่องกันในทะเล เพราะไม่ต้องการเสียค่าจ้างให้อู่เรือ จึงมักเปลี่ยนถ่ายกัน แล้วก็เอาน้ำมันที่เสียทิ้งลงไปในทะเล ทำให้น้ำมันจึงลอยมาที่ทะเลบางแสน มาเกยตื้นดังกล่าว

"ผมจึงไปเจรจากับผู้เกี่ยวกับกับการท่า ก็รับว่า มีเรือใหญ่แอบลักลอบเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน แล้วเอาน้ำมันที่เสียทิ้งลงทะเลจริง แต่ไม่มีหลักฐาน จึงไม่สามารถหาผู้กระทำผิดได้ จึงเป็นความเห็นแก่ตัว ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน" นาย ณรงค์ชัย ระบุ

ด้านจนท.ของสำนักงานเทศบาลเมืองแสนสุข ระบุว่า เรือมหาสมุทร แอบลักลอบเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเรือกันกลางทะเล แถบเกาะสีชัง แล้วก็แอบเอาน้ำมันเครื่องเสียใส่ถุงแล้วมักง่ายโยนทิ้งกลางทะเล แต่ช่วงนี้มรสุมเข้า ลมแรง ทำให้ถุงแตก น้ำมันเครื่องรั่วออกมา ลอยเกลื่อนทะเล มาเกยตื้นหาดบางแสน สร้างความเดือดร้อน อยากให้กรมเจ้าท่า มาดูแลแก้ไข เพราะปีๆ หนึ่ง น้ำมันเครื่องเสีย เหล่านี้ จะเกิดบ่อยมาก กระทบการท่องเที่ยว และระบบนิเวศน์ในทะเลพลอยพินาศไปด้วย.


https://www.thaipost.net/district-news/365131/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 24-04-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


ยูเอ็นชี้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มเร็วกว่าเดิมเท่าตัว

ยูเอ็นออกรายงานด้านสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่รับวันคุ้มครองโลก 22 เม.ย. เตือนถึงระดับน้ำทะเลที่จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องไปอีกนับพันปีจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของมนุษย์ พร้อมระบุว่าโลกจะเผชิญสภาพอากาศสุดขั้วต่อเนื่องไปจนถึงทศวรรษที่ 2060



วันนี้ (22 เม.ย.2566) องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในสังกัดองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยว่า ปี 2022 ที่ผ่านมา เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับ 5 หรือ 6 เท่าที่เคยมีการบันทึกสถิติมา โดยโลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่าช่วงยุคก่อนอุตสาหกรรม 1.15 องศาเซลเซียส ทั้งที่ได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์ลานีญาซึ่งทำให้อากาศเย็นกว่าปกตินานถึง 3 ปี

ขณะที่ระดับน้ำทะเลทั่วโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าในช่วงทศวรรษแรกซึ่งมีการเก็บข้อมูลสถิติระหว่างปี 1993 - 2002 ถึงมากกว่าเท่าตัว และเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดจนกลายเป็นสถิติใหม่เมื่อปีที่แล้ว

การละลายของธารน้ำแข็งและมหาสมุทรที่ร้อนจัดถือเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้น้ำในมหาสมุทรขยายตัว จนระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นปีละ 4.62 มิลลิเมตร ระหว่างปี 2013 - 2022 ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เซนติเมตร นับตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 1990

ขณะที่ก๊าซเรือนกระจกปริมาณมหาศาลจะส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นต่อไปอีกนับเป็นพัน ๆ ปี ซึ่งจะคุกคามเมืองที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งและประเทศเกาะต่าง ๆ

รายงานฉบับนี้ ยังระบุด้วยว่า ผิวน้ำในมหาสมุทรถึงราวร้อยละ 58 เผชิญคลื่นความร้อน ซึ่งส่งผลให้มหาสมุทรร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์อีกด้วย และโลกจะต้องเผชิญสภาพอากาศสุดขั้วต่อเนื่องไปจนถึงทศวรรษที่ 2060 ไม่ว่าจะพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเท่าไร แต่ยังมีโอกาสลดความเสี่ยงในอนาคตหลังจากนั้นได้ หากสามารถป้องกันไม่ให้โลกร้อนขึ้นไปกว่านี้


https://www.thaipbs.or.th/news/content/326881

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:03


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger