เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 30-06-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


อ.ธรณ์ เผย แหล่งหญ้าทะเลลึกลับ ณ "เกาะท่าไร่" เรียลอันซีนของนครศรีธรรมราช

เลคเชอร์ทะเลไทย อ.ธรณ์ เผย แหล่งหญ้าทะเลลึกลับขนาดใหญ่ ณ "เกาะท่าไร่" เรียลอันซีนของนครศรีธรรมราช สำคัญมากต่อโลมาและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์



วันที่ 29 มิถุนายน 2566 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณี "แหล่งหญ้าทะเลลึกลับ" ที่อยู่ในประเทศไทย

โดยระบุข้อความว่า ใกล้เย็นย่ำ ถึงเวลาเลคเชอร์ทะเลไทยกับอาจารย์ธรณ์ วันนี้ผมจะพาพวกเราไปพบกับแหล่งหญ้าทะเลลึกลับ ถือเป็นเรียลอันซีนของนครศรีธรรมราช เชื่อว่าเด็กคอนหลายคนยังไม่รู้จักด้วยซ้ำครับ ชายฝั่งนครศรีธรรมราชยาว 237 กม. แต่มีแหล่งหญ้าทะเลขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียว ผมจึงพาทีมบลูคาร์บอน/สัตว์หายากของคณะประมงมาสำรวจ ที่นี่เรียกว่า "เกาะท่าไร่" อยู่บนรอยต่อสุราษฎร์/นคร บริเวณดอนสัก/ขนอม

ในภาพจะมองเห็นท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสักไปเกาะสมุยอยู่ถัดไป ในอ่าวนางกำที่พบโลมาเป็นประจำ เมื่อเทียบกับสุราษฎร์แล้ว นครมีหญ้าทะเลน้อยกว่ามาก แต่มีแห่งเดียวก็ยืนหนึ่งได้ เพราะที่นี่มีพื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับแต่ปี 2539 มีรายงาน 14 ไร่ มาถึงปี 63 กรมทะเลพบหญ้า 80 ไร่ (พื้นที่ศักยภาพ 146 ไร่)

ปัญหาคือแถวนี้น้ำขุ่นมาก ดำน้ำสำรวจแทบไม่เห็น จึงต้องรอจังหวะน้ำลงต่ำแล้วสำรวจทางอากาศ ลองดูภาพเพื่อนธรณ์จะเห็นแนวดำคล้ำยาวเลียบฝั่ง พวกนั้นคือหญ้าทะเลทั้งหมด ไม่ใช่แนวปะการังเพราะขุ่นและพื้นเป็นเลน หญ้าชนิดหลักคือหญ้าคาทะเล มีหญ้าขนาดเล็กพันธุ์อื่นปะปนอยู่บ้าง เคยมีรายงานว่าพบร่องรอยของพะยูนเข้ามากินหญ้าแถวนี้

พะยูนในอ่าวบ้านดอนมี 5+ ตัว พบตั้งแต่ไชยาลงมาถึงแถวนี้ ยังเคยมีรายงานตามเกาะต่างๆ ที่มีหญ้าทะเลเยอะ เช่น เกาะพะงัน ที่สำคัญคือแม่ลูก 1 คู่ เพิ่งสำรวจพบเมื่อไม่นานมานี้ ว่ายอยู่แถวนี้แหละ โตเร็วๆ นะน้องพะยูน

แต่ที่มีแน่และว่ายอยู่ใกล้ๆ เป็นประจำคือโลมาหลังโหนก (โลมาสีชมพู) ตอนผมไปสำรวจก็ว่ายอยู่แถวท่าเฟอร์รี่ เรียกว่าแทบเป็นแหล่งที่พบโลมาบ่อยสุดในชายฝั่งแถบนี้ หญ้าทะเลเป็นระบบนิเวศที่มีสัตว์น้ำอยู่เยอะมากแม้จะไม่หลากหลายเท่าแนวปะการัง ปลาต่างๆ จากแหล่งหญ้าเกาะท่าไร่ก็ว่ายออกไปอยู่บริเวณอ่าวติดกัน ทำให้โลมาชอบ

เมื่อดูจากภัยคุกคาม บนเกาะไม่มีปัญหาเนื่องจากไม่มีใครอยู่ ยังเป็นเขตอุทยานขนอม/หมู่เกาะทะเลใต้ (เตรียมประกาศมานานแสนนาน) ปัญหาอาจมาจากการพัฒนาชายฝั่งใกล้ๆ และการขุดลอกร่องน้ำในอนาคต ถ้าหากจำเป็นต้องระวังให้มาก เพราะภัยคุกคามอันดับหนึ่งของหญ้าทะเลในเมืองไทยคือเรื่องนี้แหละ สำหรับผลกระทบจากโลกร้อนเหมือนที่เกิดกับแหล่งหญ้าบางแห่ง เท่าที่สำรวจยังไม่พบชัดเจน

การสะสมของทรายจากคลื่นลมก็ไม่ค่อยมีเพราะเป็นพื้นที่อับลม หญ้าส่วนใหญ่อยู่ที่ลึกหน่อยเมื่อเทียบกับตามเกาะ ทำให้ไม่ค่อยโผล่พ้นน้ำโดนแดดเผา ทราบมาว่าชาวบ้านมีเครือข่ายอนุรักษ์ ช่วยกันดูแลไม่ให้มีการประมงที่โหดร้ายต่อหญ้าทะเลมากเกินไป ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีมากครับ เพราะแหล่งหญ้าเกาะท่าไร่นอกจากเป็นแหล่งใหญ่แห่งเดียวของนคร ยังสำคัญมากต่อน้องโลมาและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แม้แทบไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่ถ้าให้ผมจัดลำดับความสำคัญด้าน Ecosystem Service ที่นี่ได้แรงก์ A แน่นอน

จุดเด่นคือหายาก ทั้งจังหวัดมีแห่งเดียว เป็นที่หากินของพะยูน เกี่ยวข้องกับโลมา เป็นพื้นฐานของรายได้สำหรับชาวบ้าน ทั้งการประมงและการท่องเที่ยว จึงฝากเกาะท่าไร่ไว้ให้คนนครดูแล ขอให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็พอแล้ว อย่าให้มีการพัฒนาใดๆ มาคุกคามเกินเหตุ เพราะถ้าเกิดแบบนั้นแล้ว บอกเลยว่าฟื้นฟูยาก ปลูกหญ้าทะเลไม่ง่ายแน่นอน จะวัดผลกันก็ต้องผ่านเวลาไป 3 ปีว่ารอดขนาดไหนจะเล่าเรื่องบลูคาร์บอนและการฟื้นฟูหญ้าทะเลให้เพื่อนธรณ์ฟังแบบยาวๆ อีกครั้ง แต่ตอนนี้ขอฝากแหล่งหญ้าทะเลเกาะท่าไร่ไว้ในอ้อมใจคนนครและคนไทยครับ.


https://www.thairath.co.th/news/local/2705741

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 30-06-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


นักวิจัยเผย โลกร้อนขึ้น 1 องศาเซลเซียส ทำให้ฝนตกหนักขึ้น 15%

นักวิจัยหลายคนกล่าวว่า ภาวะโลกร้อนทำให้ฝนตกหนักขึ้น ตามระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ประชากรราว 2,000 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภูเขา หรือปลายน้ำที่ไหลจากภูเขา มีความเสี่ยงที่จะเผชิญอุทกภัยและดินถล่มมากขึ้น



สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ว่า รายงานในวารสาร Nature ระบุว่า อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทุกองศาเซลเซียส จะเพิ่มความหนาแน่นของฝนตกหนักขึ้น 15% ที่ระดับความสูงมากกว่า 2,000 เมตร และความสูงที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1,000 เมตร จะเพิ่มปริมาณน้ำฝนอีก 1% หรืออีกนัยหนึ่งคือ หากโลกร้อนขึ้น 3 องศาเซลเซียส เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม มันจะมีความเป็นไปได้ของการเกิดอุทกภัยที่รุนแรงกว่าเดิมเกือบครึ่งหนึ่ง

ผู้เขียนรายงานกล่าวเตือนว่า การค้นพบดังกล่าวเน้นย้ำถึงความเปราะบางของโครงสร้างพื้นฐาน ที่ไม่ได้ออกแบบมาให้ทนต่อเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรง ขณะที่รายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาล ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (ไอพีซีซี) ระบุเสริมว่า จากแนวโน้มในปัจจุบัน โลกจะร้อนขึ้น 2.8 องศาเซลเซียส ภายในสิ้นศตวรรษนี้

งานศึกษาชิ้นใหม่ ซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา และการประมาณการตามแบบจำลองสภาพอากาศ พบปัจจัยขับเคลื่อนหลัก 2 อย่าง ที่อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นในเหตุการณ์ฝนตกหนักบนพื้นที่สูง ในโลกที่ร้อนขึ้น โดยประการแรกคือ การมีน้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งบรรดานักวิทยาศาสตร์รู้มานานแล้วว่า อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1 องศาเซลเซียส จะเพิ่มปริมาณความชื้นในชั้นบรรยากาศได้ถึง 7%

ทว่าปัจจัยประการที่สองนั้นน่าประหลาดใจยิ่งกว่า เพราะนักวิจัยต้องดูว่าเหตุการณ์นั้นเป็นฝนตกหนัก หรือหิมะตกหนัก เนื่องจากน้ำฝนทำให้เกิดการไหลบ่าอย่างรวดเร็ว จนนำไปสู่ความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุทกภัย, ดินถล่ม และการพังทลายของดิน

อนึ่ง พื้นที่ภูเขา และที่ราบน้ำท่วมถึงที่อยู่ติดกัน มีแนวโน้มที่จะประสบกับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากฝนตกหนัก ทั้งบริเวณในและรอบ ๆ เทือกเขาหิมาลัย และเทือกเขาฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ของทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ควรเตรียมแผนการปรับตัวด้านสภาพอากาศที่มั่นคง

"พวกเราจำเป็นต้องพิจารณาถึงการเพิ่มขึ้นของเหตุการณ์ฝนตกหนัก ในการออกแบบและสร้างเขื่อน, ทางหลวง, ทางรถไฟ และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ หากเราต้องงการทำให้แน่ใจว่า สิ่งเหล่านั้นจะคงอยู่อย่างยั่งยืนในสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น" นายโมฮัมเหม็ด ออมบาดี นักวิจัย และผู้เขียนนำของรายงาน กล่าว


https://www.dailynews.co.th/news/2486329/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 30-06-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ตัวที่ 6 ของปี พะยูนตายในทะเลกระบี่

กระบี่ - ตัวที่ 6 ของปี เศร้า! พบพะยูนเพศเมียขนาดโตเต็มวัย ตายลอยติดชายหาด ทับแขก ต.หนองทะเล จ.กระบี่ ไม่พบบาดแผลฉกรรจ์ ส่งซากให้ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อวินิจฉัยสาเหตุการเสียชีวิตอย่างแน่ชัดต่อไป



เมื่อเวลา 11.40 น.วันนี้ (29 มิ.ย.) นางรักชนก แพน้อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ พพ.4 (ทับแขก) ว่า พบซากพะยูน เพศเมีย น้ำหนักประมาณ 140 กิโลกรัม ความยาว 204 เซนติเมตร ลอยตายอยู่บริเวณหน้าหาดทับแขก อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาสดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

หลังรับแจ้งจึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบเบื้องต้น สภาพซากยังสมบูรณ์ ไม่พบบาดแผลฉกรรจ์บริเวณภายนอก มีเพียงรอยแผลถลอก เป็นแผลตื้นจากการโดนโขดหิน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายซากพะยูนมาไว้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เพื่อมอบซากพะยูน ให้ทางศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อนำซากไปวินิจฉัยสาเหตุการเสียชีวิตอย่างแน่ชัดต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลพบว่าปีนี้พบพะยูนตาย ในทะเลกระบี่ พบที่เกาะลันตา เกาะศรีบอหยา อำเภอเหนือคลอง ตำบลเขาคราม และตำบลหนองทะเล อำเภอเมืองกระบี่ รวมแล้ว จำนวน 6 ตัว มีทั้งลูกพะยูน และพะยูนโตเต็มวัย


https://mgronline.com/south/detail/9660000059183

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:51


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger