![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก Nation TV
"แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง" ลดความเสี่ยงเพิ่มโอกาส ........... โดย พลเดช ปิ่นประทีป แนวคิดโครงการสะพานเศรษฐกิจ หรือ"แลนด์บริดจ์ ช่วงชุมพร-ระนอง" เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้านความสามารถในการแข่งขันโดยเชื่อมต่อกับEEC ติดตามได้ในเจาะประเด็น โดยพลเดช ปิ่นประทีป พลเดช ปิ่นประทีป ![]() ในเมื่อผลการศึกษาจากหลายสถาบันชี้ออกมาในแนวเดียวกันว่า แนวคิดและข้อเสนอแผนการขุดคลองไทยมีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกและภูมิภาค กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงได้ผุดแนวคิดโครงการสะพานเศรษฐกิจ หรือแลนด์บริดจ์ ช่วงชุมพร-ระนอง พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เชื่อมสองฝั่งมหาสมุทรและระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้านความสามารถในการแข่งขันโดยเชื่อมต่อกับEEC จะใช้รูปแบบการหาเอกชนมาร่วมลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บูรณาการการขนส่งทางท่อ(น้ำมัน) ทางบก(มอเตอร์เวย์) และทางราง(รถไฟทางคู่) ให้เชื่อมต่อกับ 2 ท่าเรือ 2 สนามบิน อย่างไร้รอยต่อ รวมทั้งทำแผนโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า เชื่อมโยงฐานการผลิตกับประตูส่งต่อสินค้าไปยังกลุ่มประเทศ BIMSTEC หรือตะวันออกกลาง ยุโรป ทางเลือกเส้นทางการขนส่งสินค้า จากการศึกษารูปแบบและปริมาณการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของโลก พบว่าการขนส่งสินค้าทางทะเลมีสัดส่วนมากถึง 80% หรือคิดเป็นปริมาณสินค้าเท่ากับ 11.1 พันล้านตัน โดยมีการขนส่งผ่านช่องแคบมะละกามากถึง 1 ใน 4 ของทั้งโลก ประเภทสินค้าที่มากที่สุดคือการขนส่งสินค้าประเภทน้ำมัน (Tanker) อย่างไรก็ตามปริมาณการขนส่งสินค้าที่ผ่านช่องแคบมะละกาเพิ่มขึ้นทุกปี จนคาดว่าจะเต็มศักยภาพในไม่ช้า ดังนั้นจึงคาดการณ์เบื้องต้นว่าจะมีปริมาณสินค้าที่แบ่งส่วนเข้ามามากกว่า 20 ล้านทีอียู หรือเทียบเท่ากับท่าเรือฮ่องกง (อันดับที่ 8 ของโลก) การพัฒนาโครงการจึงต้องสามารถดึงดูดให้เรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ และเรือขนส่งสินค้าหันมาใช้เส้นทางแลนด์บริดจ์แทน ประเด็นสำคัญประการหนึ่ง คือต้องหาตำแหน่งที่ตั้งท่าเรือของฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันที่เหมาะสมที่สุด โดยการพิจารณาจากเกณฑ์ด้านวิศวกรรม ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการลงทุน และด้านสังคม ที่สำคัญแนวเส้นทางเชื่อมต่อทั้ง 2 ท่าเรือต้องมีระยะทางที่สั้นและตรงที่สุด เพราะนอกจากจะประหยัดเวลาในการเดินทางมากที่สุดแล้ว ยังจะส่งผลต่อการลงทุนและผลตอบแทนที่จะดึงดูดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนพัฒนา การก่อสร้างตามแนว MR 8 สำหรับตำแหน่งท่าเรือฝั่งอ่าวไทย จ.ชุมพร มีจุดเหมาะสม 2 ตำแหน่ง คือ บริเวณแหลมริ่ว และบริเวณแหลมคอเขา ส่วนท่าเรือฝั่งอันดามัน จ.ระนอง มีจุดเหมาะที่แหลมอ่าวอ่าง มีระบบขนถ่ายสินค้าแบบออโตเมชัน มีเส้นทางรถไฟและมีมอเตอร์เวย์และระบบท่ออยู่ด้านข้าง เชื่อมท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามันกับอ่าวไทยเข้าด้วยกัน ตามแนวทาง MR 8 ระยะทาง 75-90 กิโลเมตร โดยใช้เวลาวิ่งไม่เกิน 2 ชั่วโมง ในโครงข่ายจะมีการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ ขนาด 6-8 ช่องจราจร ขนานกับทางรถไฟจำนวน 4 ทาง คือ ขนาด 1.435 เมตร (Standard gauge) 2 ทาง ขนาด 1 เมตร ( Meter gauge) 2 ทาง และมีถนนบริการขนาด 3 ช่องจราจรต่อทิศทาง เพื่อรองรับปริมาณรถทั้งจากทางหลวงสายหลักและถนนชนบทที่จะเข้าสู่ท่าเรือ ด้วยประสบการณ์และบทเรียนรู้จากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นำมาปรับปรุงให้มีปัญหาอุปสรรคน้อยที่สุด โดยโมเดลทางธุรกิจของ "แลนด์บริดจ์ " จะรวมการลงทุนระบบโลจิสติกส์ทั้งหมดเป็นโครงการเดียวกัน ทั้งท่าเรือ มอเตอร์เวย์รถไฟ ระบบขนส่งทางท่อ ซึ่งจะเกิดความคุ้มค่าในการลงทุนและจูงใจในการร่วมประมูลมากขึ้น เปรียบเทียบเม็ดเงินลงทุนรวมของโครงการแลนด์บริดจ์น้อยกว่าโครงการรถไฟไทย-จีน แต่ผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) ที่จะเกิดขึ้นกลับมากกว่า ในการประเมินต้นทุนค่าก่อสร้างในส่วนของท่าเรือฝั่งชุมพรและฝั่งระนอง และเส้นทางเชื่อมโยงท่าเรือ "รถไฟ/มอเตอร์เวย์/ท่อ" คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 2-4 แสนล้านบาท ขึ้นอยู่กับจะเลือกแนวเส้นทางใด เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์จะเกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจทางตรงและทางอ้อมเป็นมูลค่ามหาศาล อีกทั้งจะสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางน้ำ และสามารถเชื่อมต่อการขนส่งในภูมิภาคอาเซียน เอเชีย และยุโรปได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพราะไม่ต้องอ้อมไปยังช่องแคบมะละกา โดยท่าเรือชุมพร ฝั่งอ่าวไทย ทำหน้าที่รองรับสินค้าจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ส่วนฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น ออสเตรเลีย สหรัฐฯ ผ่านท่าเรือน้ำลึกระนอง ประตูการค้าฝั่งอันดามัน ส่งต่อไปยังประเทศฝั่งมหาสมุทรอินเดีย กลุ่ม BIMSTEC เช่น เมียนมา อินเดีย เนปาล และบังกลาเทศ หรือประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาความเจริญต้องมาควบคู่กับรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การก่อสร้างท่าเรือฝั่งอ่าวไทยต้องพิจารณาผลกระทบด้านแหล่งท่องเที่ยว พื้นที่อุทยาน อย่างรอบด้านและมีมาตรการเยียวยาหรือชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนและการเสียโอกาสทำกิน ส่วนท่าเรือทางฝั่งอันดามันต้องแก้ข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีพื้นที่ป่าสงวน ป่าชายเลน และอุทยานจำนวนมาก ตำแหน่งท่าเรือควรส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลของจังหวัดด้วย https://www.nationtv.tv/news/scoop/378924323
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก Greennews
"กำหนดแล้ว เวทีรับฟังครั้งแรก เมกะโปรเจกต์แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง" 18 ส.ค. จะเปิดรับฟังความเห็นประชาชนต่อโครงการฯ รวม 210 นาที ระหว่าง 08.30-12.00 น ที่หลังสวน ชุมพร เพื่อนำข้อมูลจัดทำรายงานผลกระทบโครงการ EHIA ตามขั้นตอนกฎหมายกำหนด สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เผย ![]() รับฟังตามกฎหมายกำหนด "โครงการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมริ่ว อ.หลังสวน จ.ชุมพร เป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างทะเลอ่าวไทยอันดามัน หรือโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) คือท่าเรือฝั่งอ่าวไทย ในจังหวัดชุมพร เเละท่าเรือฝั่งอันดามัน จังหวัดระนอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ การเงิน วิศวกรรม สังคม และการออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน โครงการพัฒนาโครงสร้างด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อให้การจัดการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำรายงาน EHIA เป็นไปตามประกาศสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้กำหนดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 โครงการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมริ่ว อ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ ในวันที่ 18 สิงหาคม 2566 เวลา 08.30 น. ? 12.00 น. ณ ห้องประชุมโรงแรมอวยชัยแกรนด์ อ.หลังสวน จ.ชุมพร" ปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมริ่ว อ.หลังสวน จ.ชุมพร ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) ที่จะเชื่อมท่าเรือ 2 แห่ง คือ ท่าเรือนํ้าลึกฝั่งอ่าวไทย ในจังหวัดชุมพร เเละท่าเรือนํ้าลึกฝั่งอันดามัน จังหวัดระนอง ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร ด้วยทางหลวงพิเศษขนาด 6 ช่องจราจร ทางรถไฟขนาดรางมาตรฐาน 2 ทาง โดยโครงการอยู่ภายใต้การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ Southern Economic Corridor : SEC เชื่อ "จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 5 แสนล้าน" "ปัจจุบัน โครงการอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มต่าง ๆ เช่น นักลงทุนต่างชาติในสายการเดินเรือต่าง ๆ ผู้ประกอบการชาวไทยและชาวต่างชาติ และการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งยังดำเนินการศึกษาความเหมาะสม ประเมินผลกระทบสิ่งเเวดล้อม เเละวิเคราะห์รูปเเบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน ควบคู่ไปกับการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะอย่างรอบด้าน โดยกระทรวงคมนาคมเล็งเห็นว่า หากโครงการ Landbridge แล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในพื้นที่ภาคใต้จาก 2% เป็น 10% เป็นระยะเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ปี สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้เกือบ 500,000 ล้านบาท รวมทั้งจะเกิดโอกาสการจ้างงาน เพิ่มอาชีพใหม่ ๆ ในชุมชน เพิ่มรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกพื้นที่" สนข. เปิดเผย ไทยโพสต์ รายงานวันนี้ (21 ก.ค. 2566) คำถามเบื้องต้น จากพื้นที่ 4 ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา สภาประชาชนภาคใต้ และศูนย์สร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา จัดงานเสวนาวิชาการเรื่อง ภาคประชาชนจะได้จะเสียอะไรภายใต้โครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตในเวทีว่าประชาชนในพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัด จะได้รับประโยชน์จากตัวโครงการจริงหรือไม่ ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลอย่างครบถ้วน รอบด้าน ทั้งผลดีที่คาดว่าจะได้รับ และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นแล้วหรือยัง รวมถึงมีการนำเสนอบทเรียนการพัฒนาเศรษฐกิจของชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ที่มีผลกระทบเกิดขึ้นจริง และรุนแรง ทำให้มีการแสดงความกังวลว่าผลกระทบจะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งในพื้นที่ชุมพร-ระนองหรือไม่ "โครงการแลนด์บริดจ์ เส้นแรกคือเซาเทิร์นซีบอร์ด ขนอม?กระบี่ ในยุครัฐบาลบรรหาร ศิลปะอาชา ที่ได้มีการสร้างถนนพาดผ่านระหว่างอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เชื่อมกับอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ แต่ก็ถูกยกเลิกไปเมื่อจะสร้างท่าเรือในพื้นที่จังหวัดกระบี่ เพราะผู้ประกอบการท่องเที่ยวท่องเที่ยวห่วงว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ต่อมามีการเลือกเส้นใหม่ที่เส้น 9A ที่จังหวัดสงขลา?สตูล จนมีการคัดค้านอย่างหนักจากประชาชนทั้งสองพื้นที่ และยกเลิกโครงการไปในที่สุด และปัจจุบันรัฐบาลโดยพรรคภูมิใจไทยที่คุมกระทรวงคมนาคม พยายามรื้อฟื้นโครงการนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อสร้างนโยบายการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ โดยเลือกเส้นทางชุมพร-ระนอง มีข้อสังเกตว่า ทำไมโครงการนี้จึงต้องการสร้างที่จังหวัดชุมพร ระนอง คนในพื้นที่คิดอย่างไร เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยอย่างไร และมีการรับรู้ข้อมูล ข้อเท็จจริงกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน ในขณะที่รัฐบาล หรือนักการเมืองที่ผลักดันโครงการนี้ มีการขับเคลื่อนเพื่อให้มีการสนับสนุนโครงการอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังมีการเลือกตั้งในอนาคตอันไม่ไกลนี้ นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตที่ว่าด้วยความคุ้มค่าในการลงทุน เพราะในที่สุดแล้วโครงการนี้ต้องใช้งบประมาณมหาศาล และต้องใช้พื้นที่และฐานทรัพยากรจำนวนมากที่จะต้องแลก คนที่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้คือใคร ชาวบ้าน นักธุรกิจ หรือนักการเมืองที่จะได้ประโยชน์จากงบประมาณในการก่อสร้าง และเมื่อสร้างไปแล้วโครงการนี้จะมีการใช้ประโยชน์จากผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์จริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ได้มีผู้ประกอบการระดับนายกสมาคมธุรกิจด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศเคยให้ข้อสังเกตไว้หลายท่านแล้วว่า แนวคิดแลนด์บริดจ์ไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของนักเดินเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้จริง ด้วยเหตุผลที่เป็นรายละเอียดหลายประการ ที่จะต้องศึกษารายละเอียดให้ลึกซึ้งมากกว่านี้" สมบูรณ์ คำแหง ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน กล่าวในเวทีฯ ดังกล่าว https://greennews.agency/?p=35023
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|