![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
โลกใต้ทะเลเกาะพีพีสุดสวย แต่หวั่นปะการังถูกทำลาย วอนติดตั้งทุ่นผูกเรือเพิ่ม ![]() กระบี่ -สวยเกินบรรยาย! โลกใต้ทะเลเกาะพีพี แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังสวยไร้ที่ติ แต่หวั่นถูกทำลาย หลังพบทุ่นผูกเรือไม่พอ กลัวคนมักง่ายทำปะการังเสียหาย ระบุเก็บค่าเข้าอุทยานปีละเป็น 100 ล้าน เชื่อจัดซื้อทุ่นเพิ่มทำไม่ยาก หลังผ่านสถานการณ์โควิดระบาด ทะเลที่ได้รับการพักผ่อนได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะโลกใต้ทะเลที่เกาะพีพี แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกระบี่ พบว่ากลับมามีสภาพที่สวยงาม อุดมสมบูรณ์ บริเวณปะการังเทียม ฟื้นคืนสภาพอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ได้มีการเผยแพร่ภาพโลกใต้ทะเลซึ่งเป็นภาพที่ผู้ประกอบท่องเที่ยวรายหนึ่งของเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ได้ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพบรรยากาศที่สวยงาม ในช่วงวันหยุดยาวได้มีนักท่องเที่ยวได้ลงไป เที่ยวเกาะพีพี และลงดำน้ำดูปะการังที่สมบูรณ์ ผู้ประกอบการดำน้ำรายดังกล่าว และเป็นเจ้าของคลิปเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้ปะการังเทียมได้ฟื้นตัวอย่างมาก ความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่มีสัตว์น้ำหลายชนิดได้อาศัยอยู่ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่และระบบนิเวศที่กลับคืนมาแล้วของทะเลเกาะพีพี แต่อย่างไรก็ตาม เกรงว่าปะการังดังกล่าวจะถูกทำลาย จึงอยากเรียกร้องถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำทุ่นจอดเรือเพิ่ม เนื่องจากนักท่องเที่ยวเข้ามามาก จุดจอดเรือไม่พอ มีทุ่น 4 ลูก มีแค่หน้าถ้ำไวกิ้ง 1 ลูก ปิเละลากูน 2 ลูก ปิดะนอก 1 ลูก ในขณะที่เรือนำเที่ยวนำนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยววันละเป็น 100 ลำ นักท่องเที่ยวไม่ต่ำวันละ 3,000 คน ในแต่ละเดือน แต่ละปี ทางอุทยานฯ ได้จัดเก็บรายได้นับ 100 ล้านบาท การจัดซื้อทุ่นมาผูกให้เรือจอดเพียงพอกับจำนวนเรือคงจะทำได้ไม่ยาก เกรงว่าจะมีการลักลอบทิ้งสมอเรือทำให้ปะการังเสียหายได้ ขณะที่นายโรเจอร์ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวสเปน ที่ได้ล่องเรือใบเข้ามาท่องเที่ยวทะเลเกาะพีพี ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการังระดับโลกจึงไม่มีทุ่นให้นักท่องเที่ยวได้ผูกเรือ หรือมีก็น้อยมาก เห็นอยู่เพียง 1-2 ทุ่นเท่านั้น อยากให้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวนำทุ่นมาผูกให้มากกว่านี้ เพื่อรองรับกับจำนวนเรือที่มีจำนวนมาก https://mgronline.com/south/detail/9660000069108 ****************************************************************************************************** ปรากฎการณ์ "แมงกะพรุน" จำนวนมากไหลเข้าชายฝั่งสกอตแลนด์ ตัวชี้วัดอุณหภูมิมหาสมุทรสูงขึ้น ![]() สกอตแลนด์เป็นประเทศล่าสุดในยุโรปที่พบ "แมงกะพรุน" ไหลเข้าชายฝั่งเป็นจำนวนมากซึ่งบ่งชี้ถึงระดับอุณหภูมิมหาสมุทรที่สูงขึ้น ด้านยูเอ็นให้ข้อมูลว่า ปี 2022 พบสัตว์ทะเลที่ไม่ใช่พันธุ์พื้นเมืองมากกว่า 1,000 ชนิด ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สมาคมอนุรักษ์ทางทะเล (MSC) ออกประกาศพร้อมคาดการณ์ว่าเป็นปรากฎการณ์ "ปีกันชน" สำหรับการพบเห็นสัตว์ทะเลชนิดนี้บ่อยขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริเวณที่ราบสูงสกอตติช เกาะเวสเทิร์น และไอร์เชอร์ ได้รายงานการพบแมงกะพรุนจำนวนมาก แม้ว่า Catherine Gemmell เจ้าหน้าที่อนุรักษ์ของ MSC Scotland กล่าวว่า "ยังเร็วเกินไปที่จะบอก" หากคำว่า 'กันชนปี' จะเกิดขึ้นจริง MSC ได้รายงานเกี่ยวกับแมงกะพรุนมาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว และสนับสนุนให้คนในท้องถิ่นรายงานการพบเห็นแมงกะพรุนด้วยตัวเองผ่านทางเว็บไซต์ เนื่องจาก "แมงกะพรุน" ถือเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในมหาสมุทรและเป็นกุญแจสำคัญในการติดตามสิ่งที่เกิดขึ้นในน่านน้ำของประเทศ สิ่งมีชีวิตในทะเลทั่วยุโรปเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร? สกอตแลนด์ไม่ใช่ที่เดียวที่ประสบกับการบุกรุกของแมงกะพรุน ในรอบสัปดาห์ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่ทะเลเมดิเตอเรเนียนทำลายสถิติอุณหภูมิพื้นผิวร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยสูงถึง 28.7 องศาเซลเซียส นี่อาจเป็นสาเหตุให้พบเห็นแมงกะพรุนมากกว่าปกติ เนื่องจากแมงกะพรุนชนิดนี้จะเติบโตได้ดีในน้ำอุ่นที่ปราศจากออกซิเจน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อาณานิคมหลายพันแห่งถูกพัดพาขึ้นฝั่งที่ชายฝั่งมอลตาและโกโซ สร้างความประหลาดใจให้กับคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว และทำให้ไม่สามารถว่ายน้ำในอ่าวยอดนิยมหลายแห่งได้ เช่นเดียวกับที่ประเทศสเปนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักท่องเที่ยวที่ชายหาดต้องหยุดชะงักจากการพบเห็น Man-o-war ของโปรตุเกส สิ่งมีชีวิตคล้ายแมงกะพรุนที่มีหนวดยาวถึง 50 เมตร และมีคนถูกต่อยสร้างความเจ็บปวดมาก สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ถูกพบนอกชายฝั่งใกล้กับชายหาดหลายแห่งตามแนวชายฝั่งทางตอนเหนือ รวมทั้งในเมืองซานเซบาสเตียนที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ น้ำทะเลที่อุ่นขึ้นกำลังเปลี่ยนวิถีชีวิตและการเคลื่อนที่ของสัตว์ทะเล ในปี 2565 กรณีศึกษาของสหประชาชาติเปิดเผยว่ามีการพบสัตว์ทะเลที่ไม่ใช่พันธุ์พื้นเมืองมากกว่า 1,000 ชนิดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยกว่าครึ่งได้ตั้งถิ่นฐานถาวร ซึ่งรวมถึงปลาปักเป้า แมงกะพรุน ปลาสิงโต และกุ้ง เป็นต้น อ้างอิง https://www.euronews.com/green/2023/...ring-bumper-ye https://mgronline.com/greeninnovatio.../9660000069252
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ออสเตรเลียเฮ! แนวปะการังหลุดรายชื่อบัญชีมรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย ![]() คณะกรรมการมรดกโลก ตัดสินใจไม่เสนอขึ้นบัญชีแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ ของออสเตรเลีย ไว้ในบัญชีมรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย แต่เตือนว่า มีภัยคุกคามขั้นรุนแรงจากมลพิษและมหาสมุทรที่ร้อนขึ้น การตัดสินใจของคณะกรรมการมรดกโลกครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากรัฐบาลออสเตรเลีย ใช้ความพยายามมานานหลายปี ที่จะไม่ให้แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ ถูกจัดอยู่ในบัญชีแหล่งมรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย ( List of World Heritage in Danger) เพราะอาจทำให้สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สร้างรายได้ 6,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และสร้างงาน 64,000 ตำแหน่งหลุดจากสถานะเป็นแหล่งมรดกโลก เมื่อปีที่แล้ว องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ออกรายงานพร้อมคำแนะนำให้เพิ่มแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟในรายชื่อแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในอันตราย หลังจากเกิดการฟอกขาวบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม ในรายงานที่ยูเนสโก เผยแพร่ในวันจันทร์(31ก.ค.) เสนอแนะให้เลื่อนการตัดสินใจเรื่องนี้ออกไปอย่างน้อย 1 ปี หลังจากพบว่าตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรเลียมีความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการคุ้มครองแนวปะการัง แต่ยังมีความจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนและต่อเนื่องเพื่อดูแลระบบนิเวศปะการังที่ใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้เอาไว้ ร่างข้อเสนอแนะนี้จะได้รับการตัดสินใจในการประชุมประจำปีของคณะกรรมการมรดกโลกในเดือนก.ย.ที่จะถึงนี้ และกำหนดให้รัฐบาลออสเตรเลีย นำเสนอรายงานความคืบหน้าภายในเดือนก.พ.ปี 2567 ด้านนายกรัฐมนตรีแอนโทนี แอลบานีส ของออสเตรเลีย แถลงในวันนี้ (1 ส.ค.) โดยสัญญาว่า รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณ 1,200 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เพื่อปกป้องปะการัง ระงับการให้เงินสนับสนุนการสร้างเขื่อน และไม่อนุมัติการทำเหมืองถ่านหิน ที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำบริเวณแนวปะการัง https://www.bangkokbiznews.com/world/1081410
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
ทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิในทะเลอันดามันเคลื่อนจากจุดติดตั้ง ![]() กรุงเทพฯ 1 ส.ค.- ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ปภ. เผย ทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิในทะเลอันดามันของไทยเคลื่อนจากจุดติดตั้ง เตรียมส่งทีมเก็บกู้ ส่วนทุ่นที่ติดตั้งในมหาสมุทรอินเดียยังทำงานเป็นปกติ ย้ำที่ผ่านมา บำรุงรักษาทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิเป็นประจำทุก 2 ปี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ได้ตรวจสอบพบข้อมูลการทำงานของทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิของไทยทางหน้าเว็บไซต์ National Data Buoy Centre พบว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 เวลา 03.00 น. ทุ่นที่ได้ติดตั้งในทะเลอันดามัน สถานี 23461 ไม่รายงานข้อมูลการเปลี่ยนแปลงความดันน้ำ ต่อมาเวลา 01.23 น. ของวันนี้ (1 ส.ค.) ได้ตรวจสอบการระบุตำแหน่ง (GPS) ของทุ่น พบว่า ทุ่นเคลื่อนที่ออกจากจุดติดตั้งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะทาง 44 กิโลเมตรจากจุดติดตั้งและห่างจากเกาะสุรินทร์ 198 กิโลเมตร จึงเตรียมส่งทีมไปเก็บกู้ทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิกลับมาโดยเร็ว ทั้งนี้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) ปภ. ติดตั้งทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิ 2 ทุ่นได้แก่ ทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิในทะเลอันดามัน สถานี 23461 ติดตั้งห่างจากเกาะภูเก็ตประมาณ 340 กิโลเมตรหรือเรียกว่า ทุ่นตัวใกล้ซึ่งหลุดจากตำแหน่งดังกล่าว ส่วนทุ่นอีกตัวติดตั้งในมหาสมุทรอินเดียที่สถานี 23401 หรือเรียกว่า ทุ่นตัวไกล ห่างจากเกาะภูเก็ตไปทางทิศตะวันตกเป็นระยะทาง 965 กิโลเมตร โดยทุ่นตัวไกลนี้ยังทำงานเป็นปกติ พร้อมยืนยันว่า บำรุงรักษาทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุก 2 ปีตามมาตรฐานการบำรุงรักษาขององค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) สำหรับทุ่นตัวใกล้ในทะเลอันดามันนั้น พบว่า เคยส่งข้อมูลผิดปกติแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2565 ทำให้ NOAA ปิดการแสดงผลข้อมูลทางหน้าเว็บไซต์ National Data Buoy Centre เป็นการชั่วคราวเพื่อตรวจสอบสาเหตุการส่งข้อมูลผิดปกติ แต่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้ตรวจสอบในเวลาต่อมา พบว่า ทุ่นที่สถานี 23461 ยังคงทำงานและส่งข้อมูลการตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำได้เป็นปกติ จึงขอให้ NOAA แสดงผลข้อมูลทุ่นในเว็บไซต์ National Data Buoy Centre ดังเดิม ส่วนทุ่นตัวไกลในมหาสมุทรอินเดีย สถานี 23401 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2564 ได้หลุดลอยออกจากตำแหน่งรัศมีการติดตั้งและหยุดส่งสัญญาณ ซึ่งได้ส่งทีมไปเก็บกู้ทุ่นคืนได้ จากนั้นผู้ผลิตและติดตั้งทุ่นได้นำทุ่นใหม่มาติดตั้งทดแทนของเดิมที่หลุดไปในเดือนพฤศจิกายน 2565 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยย้ำถึงภารกิจติดตาม เฝ้าระวัง และแจ้งเตือนสึนามิว่า ปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติประจำ (Standard Operating Procedure : SOP) ด้านการแจ้งเตือนภัยสึนามิฝั่งอันดามัน พร้อมทั้งนำข้อมูลจากต่างประเทศมาใช้มาประกอบการวิเคราะห์และแจ้งเตือนการเกิดสึนามิ ติดตามข้อมูลจากเครื่องมือเฝ้าระวังของหน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภายในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมโยงข้อมูลที่บ่งชี้ว่าจะเกิดสึนามิอย่างรอบด้านบนฐานข้อมูลเชิงวิชาการ รวมถึงได้มีการวางระบบเตือนภัยสึนามิให้พร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งสามารถกระจายข้อมูลข่าวสารและแจ้งเตือนสึนามิได้แม่นยำผ่านหลากหลายช่องทางให้เข้าถึงระดับพื้นที่ รวดเร็ว เพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมอพยพหนีภัยสึนามิได้อย่างทันท่วงที. https://tna.mcot.net/environment-1216445
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|