![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
เศร้า! พบซาก 'โลมาหัวบาตรหลังเรียบ' พันธุ์หายาก เกยตื้น ![]() เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 2 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นาย ธิติวัฒน์ ชูรัตน์หิรัญโชติ (ผู้ใหญ่หมู) ผู้ใหญ่บ้านหมูที่ 7 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ว่าพบซากโลมายังไม่ทราบชนิด ลอยน้ำมาเกยตลิ่งดินเลนอยู่ภายในคลองตาเพิ่ม หมู่ที่ 7 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงบริเวณจุดที่พบซากโลมา พบว่าเป็นซากโลมายังไม่ทราบชนิดคล้ายโลมาหัวบาตร (อิรวดี) ขนาดความยาวสังเกตด้วยสายตาประมาณ 1-2 เมตรอายุประมาณ 5-6 ปีเศษ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกล่าว 3-4 วัน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว ส่วนเพศยังไม่สามารถระบุได้เนื่องจากจะต้องรอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบซาก บริเวณหางขาดหลุดร่วงคาดน่าจะเกิดจากเน่าเปื่อย ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 พ.ค.66 ที่ผ่านมามีผู้พบซากโลมาลอยติดป่าโกงกางบริเวณห่างจุดที่เกิดเหตุไปประมาณ 1 กิโลเมตร นับได้ว่าเป็นตัวที่ 2 ของปีนี้และพบห่างกันแค่ 2 เดือน จาการสอบถาม นาย ธิติวัฒน์ ชูรัตน์หิรัญโชติ ผู้ใหญ่บ้านหมูที่ 7 ต.แหลมฟ้าผ่า ทราบว่าเมื่อช่วงเย็นวานนี้ 1 ส.ค.66 ตนเป็นคนพบเห็นซากโลมาในขณะที่ตนกำลังแล่นเรือไปส่งนักท่องเที่ยวเพื่อเยี่ยมชมและท่องเที่ยววัดขุนสมุทรจีน ตนเห็นลอยอยู่ในน้ำห่างจากที่พบซากประมาณ 1 กิโลเมตรและเผป็นช่วงเวลาน้ำขึ้น หลังจากที่กลับมาจากส่งนักท่องเที่ยวตนจึงตะเวณวิ่งเรือดูแต่ไม่พบและบริเวณดังกล่าวเริ่มมืด จึงได้เดินทางกลับบ้านพร้อมนำภาพถ่ายมาลงเฟสบุ๊คส่วนตัวเพื่อให้คนในชุมชนช่วยกันตามหาหรือพบเห็นให้รีบแจ้ง กระทั่งมีคนมาพบว่าเห็นซากโลมามาเกยตื้นริมตลิ่งดินเลนภายในคลองนี้เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ก่อนที่ตนจะประสาน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาตรวจเก็บกู้ซากโลมาไปตรวจสอบ ซึ่งคาดว่าในช่วงเย็นนี้เจ้าหน้าที่จะเดินทางมาถึงบริเวณที่พบซากโลมา จากการสอบถามเจ้าที่เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทราบว่าโลมาตัวดังกล่าวเป็นโลมาพันธุ์หัวบาตรหลังเรียบซึ่งเป็นโลมาพันธุ์ที่หายากที่สุดในประเทศไทย โดยปัจจุบันเหลือน้อยมาก ซึ่งโลมาที่พบเป็นตัวโตเต็มวัยแต่ยังไม่ทราบเพศเนื่องจากตามลำตัวมีลักษณะเน่าเปื่อยเพราะตามมาหลายวัน บริเวณส่วนปลายหางเน่าเปื่อยจนหลุดลุ่ย โดยหลังจากนี้จะทำการเก็บกู้ซากใส่ถุงดำ ก่อนนำไปผ่าพิสูจน์ที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงอีกครั้ง โลมาหัวบาตรหลังเรียบ หรือ โลมาหัวบาตรไร้ครีบหลัง มีลักษณะทั่วไปคล้ายกับโลมาอิรวดี คือ มีส่วนหัวกลมหลิมเหมือนบาตรพระไม่มีจะงอยปาก แต่ส่วนหลังเรียบไม่มีครีบหลัง ครีบข้างค่อนข้างใหญ่ปลายแหลม และลักษณะฟันในปากจะเป็นตุ่ม ไม่แหลมคม อันเป็นลักษณะเฉพาะของโลมาในวงศ์พอร์พอย์ ซึ่งทั่วโลกพบอยู่ 6 ชนิด ในประเทศไทยพบเพียงชนิดนี้ชนิดเดียว โดยมีชื่อเล่นจากชาวจีนว่า "หมูแม่น้ำ" หรือ"แพนด้าแม่น้ำ" เป็นสัตว์ที่อยู่ในฐานะหวั่นวิตกว่าจะสูญพันธุ์ เนื่องจากมลภาวะสภาพแวดล้อม. https://www.naewna.com/likesara/747575
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
ประกาศปิด "อ่าวมาหยา-อ่าวโละซามะ" 1 ส.ค.-30 ก.ย.66 ![]() อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ประกาศปิดอ่าวมาหยาและอ่าวโละซามะ เป็นระยะเวลา 2 เดือน เพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัว พร้อมปักธงแดงตามแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล หลังมีฝนตกหนักและคลื่นลมแรงต่อเนื่อง วันที่ 1 ส.ค. 2566 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ประกาศปิดการท่องเที่ยวประจำปี บริเวณอ่าวมาหยา และอ่าวโละซามะ ระหว่างวันที่ 1 ส.ค.-30 ก.ย.2566 เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติได้ฟื้นตัว รวมทั้งความปลอดภัยในการท่องเที่ยว เนื่องจากเข้าสู่ฤดูมรสุม ขณะที่สภาพอากาศบริเวณชายหาด หน้าท่าเทียบเรือเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ มีลมพัดแรง ฝนตกหนัก ทะเลมีคลื่นลมแรง ความแรงของคลื่น พัดเรือหางยาวที่จอดเทียบท่าห่างจากฝั่งประมาณ 50 เมตร พลิกคว่ำจมน้ำ 3 ลำ และยังไม่สามารถกู้ได้ เนื่องจากคลื่นลมแรง ต้องรอให้น้ำทะเลลง ขณะที่เรือหางยาวอีกนับร้อยลำ ต้องหยุดให้บริการนักท่องเที่ยวชั่วคราว และนำไปหลบคลื่นลมหลังเกาะ ห่างจากท่าเทียบเรือ 500 เมตร นางรักชนก แพน้อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ช่วงเดือน ส.ค. ไปจนถึงเดือน ก.ย. ของทุกปี จะเป็นช่วงที่ลมมรสุมพัดเข้ามาปกคลุมพื้นที่ประเทศไทย ส่งผลให้ทะเลมีคลื่นแรง และมีลมพายุพัดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการท่องเที่ยวทางทะเล โดยแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญของ จังหวัดกระบี่ คือ อ่าวมาหยา บนเกาะพีพีเล จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวกันจำนวนมากในแต่ละวัน จากสภาวะคลื่นลมแรงทำให้เรือที่เข้ามาส่งนักท่องเที่ยวบริเวณด้านหลังอ่าวมาหยา คือ อ่าวโละซามะ ไม่สามารถเข้ามาเทียบท่าได้ และเกรงจะเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยวได้ ประกอบกับตลอดปีที่ผ่านมา อ่าวมาหยา ต้องเป็นพื้นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้สภาพธรรมชาติ บนอ่าว อาจได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยว จึงมีความจำเป็นต้องให้เวลาธรรมชาติได้พักและฟื้นตัวเอง ทางอุทยานฯ จึงกำหนดให้มีการปิดอ่าวมาหยาเป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 2 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.-30 ก.ย.นี้ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัวกลับมาสวยงามอีกครั้ง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ปักธงแดงบริเวณทุ่น ท่าเทียบเรือ อ่าวโล๊ะซามะ ทางเข้าอ่าวมาหยา ต.อ่าวนาง ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่อ่าวมาหยา ระหว่างวันที่ 1 ส.ค.-30 ก.ย. พร้อมแจ้งเตือนผู้ประกอบการนำเที่ยว เพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมตามแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล เนื่องจากทะเลมีคลื่นลมแรงต่อเนื่อง จากอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรงในช่วง 2-3 วันนี้ https://www.thaipbs.or.th/news/content/330227 ****************************************************************************************************** เจ้าท่าภูเก็ตเอาผิด "สปีดโบ๊ต" ฝ่าฝืนเดินเรือช่วงคลื่นลมแรง ![]() กรณีเรือสปีดโบ๊ตแล่นฝ่าคลื่นลมแรงจากเกาะพีพี จ.กระบี่ มายัง จ.ภูเก็ต ล่าสุดเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ตสั่งเอาผิดกับเรือทั้ง 2 ลำฝ่าฝืนเดินเรือช่วงคลื่นลมแรง เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2566 นักท่องเที่ยวที่อยู่บนเรือสปีดโบ๊ตถ่ายคลิปขณะโดยสารเรือฝ่าคลื่นลมแรงจากเกาะพีพี จ.กระบี่ กลับมายังท่าเทียบเรือใน จ.ภูเก็ต ซึ่งมีนักท่องเที่ยวที่อยู่ในเรือบางส่วนไม่ได้สวมเสื้อชูชีพ ทำให้หลายคนที่เห็นคลิปนี้ในสื่อออนไลน์แสดงความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย นายณชพงศ ประนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ระบุว่า ทราบเรื่องนี้แล้วและมอบหมายให้เจ้าพนักงานตรวจเรือและเจ้าหน้าที่ฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริง ผลการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า เรือที่กำลังฝ่าคลื่นลมในคลิปดังกล่าวเป็นเรือขนาด 12.89 ตันกรอส ประเภทเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต หรือเรือเร็ว ใช้บรรทุกผู้โดยสาร โดยวันเกิดเหตุบรรทุกผู้โดยสาร 8 คนและคนประจำเรือ 2 คน ได้ผจญคลื่นลมแรงระหว่างทางกลับจากเกาะพีพี จ.กระบี่ ในวันที่ 1 ส.ค. เวลาประมาณ 14.30 น. ส่วนเรืออีกลำมีขนาด 18.37 ตันกรอส บรรทุกผู้โดยสาร 44 คนและคนประจำเรืออีก 3 คน ฝ่าคลื่นลมแรงสูงประมาณ 3 เมตรในวันเดียวกัน โดยตัวเรือและเครื่องยนต์มีสภาพพร้อมใช้งานตามที่ระบุในใบอนุญาตใช้เรือ มีอุปกรณ์เดินเรือ สัญญานไฟเดินเรือ อุปกรณ์ดับเพลิงและเสื้อชูชีพครบตามจำนวนที่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ได้แจ้งลักษณะการกระทำความผิดของผู้ควบคุมเรือ เข้าข่ายตามมาตรา 291 วรรคแรก กรณีคนประจำเรือละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือข้อบังคับเกี่ยวกับการเดินเรือหรือหน้าที่ของตน ซึ่งเจ้าท่ามีอำนาจที่จะสั่งงด ไม่ให้ใช้ประกาศนียบัตรหรือใบอนุญาต มีกำหนดไม่เกิน 2 ปี เจ้าหน้าที่ได้แจ้งนัดหมายเชิญผู้ควบคุมเรือและผู้เกี่ยวข้องเข้าไปให้ถ้อยคำ และชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ยังได้ประกาศขอให้นายเรือและผู้ควบคุมเรือเพิ่มความระมัดระวังเดินเรือ หลีกเลี่ยงการเดินเรือห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ควรงดออกจากฝั่ง และเรือที่มีขนาดความยาวน้อยกว่า 10 เมตรห้ามออกจากฝั่งไปยังทะเลเปิด ตั้งแต่วันที่ 2-3 ส.ค.นี้ https://www.thaipbs.or.th/news/content/330245
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|