![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
"ชาวสมุย" หนุน "ทางด่วนเชื่อมสมุย" ไม่เกี่ยงจุดเริ่มต้นทั้ง "ขนอม-ดอนสัก" "ชาวสมุย" หนุนสร้าง"ทางด่วนเชื่อมสมุย" ไม่เกี่ยงจุดเริ่มต้นขนอม/ดอนสักก็ได้ ชงทำทางขึ้น 2 ทาง ชี้โครงการดีไม่อยากให้มีแตกแยก แนะ กทพ. แจงให้ชัดมีเหตุมีผล เชื่อประชาชนเข้าใจ ![]() เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่เทศบาลนครเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง กรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 (ปฐมนิเทศโครงการ) งานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย เพื่อนำเสนอข้อมูล และความสำคัญของโครงการแนวคิดเบื้องต้น แนวเส้นทางเลือก รูปแบบเบื้องต้นกระบวนการ ขั้นตอน และแผนการดำเนินงาน ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้รับทราบ และร่วมให้ข้อคิดเห็น รวมทั้งข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปประกอบการดำเนินการศึกษาความเหมาะสมฯต่อไป สำหรับภาพรวมโครงการฯ มีจุดเริ่มต้นจาก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี หรือ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช มีจุดสิ้นสุดที่ ต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รูปแบบโครงการเป็นทางพิเศษ(ด่วน) เก็บเงินค่าผ่านทาง ในรูปแบบทางเชื่อมเกาะ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ในส่วนของบริเวณจุดสิ้นสุดโครงการในพื้นที่ ต.ตลิ่งงามอ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีนั้น มีทางเลือก? 3 แห่ง ประกอบด้วย แห่งที่ 1 บริเวณ กม.5+650 ของทางหลวงหมายเลข4170 ด้านเหนืออ่าวพังกา แห่งที่ 2 บริเวณ กม.6+100 ของทางหลวงหมายเลข 4170 (แยกพังกา) ซ้อนทับกับถนนท่าเรือไปเกาะแตน และแห่งที่ 3 บริเวณ กม.9+000 ของทางหลวงหมายเลข 4170 ท้ายอ่าวหินลาด อย่างไรก็ตามขณะนี้ กทพ. ได้จัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 ครบทั้ง 3 พื้นที่ ทั้งที่ อ.ขนอมจ.นครศรีธรรมราช, อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีแล้ว หลังจากนี้ที่ปรึกษาจะศึกษาเปรียบเทียบวิเคราะห์ และพิจารณาคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้ได้เส้นทางที่เหมาะสมที่สุดจากทั้งหมด 7 เส้นทาง และจะนำมาเสนอในการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 ประมาณเดือน ธ.ค.66? ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครั้งนี้มีประชาชน และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมประมาณ 400 คน โดยในที่ประชุมมีการแสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการนี้ ขณะที่บางส่วนยังมีกังวลเรื่องผลกระทบต่างๆ ทั้งการก่อสร้าง และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามมีประชาชนรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า การจะทำอะไรก็ต้องมีทั้งผลดี และผลเสีย คงเป็นไปไม่ได้ที่จะดี 100% ซึ่งหากประชาชน และประเทศชาติได้ประโยชน์มากกว่า ก็ต้องยอมเสียบ้าง? สำหรับในส่วนของจุดเริ่มต้นที่กำลังพิจารณากันอยู่ว่าจะขึ้นที่จุดใดนั้น ประชาชนบางรายก็เห็นว่า จะมีจุดเริ่มต้นจากจุดใดก็ได้ไม่ว่ากัน แต่ต้องมีการบูรณาการร่วมกันกับท้องถิ่น เพื่อดูแลทั้งจุดเริ่มต้นทาง และปลายทาง ขณะที่บางรายเสนอว่าควรเอาจุดกึ่งกลางของขนอม และดอนสัก หรือควรมีทางขึ้นใน 2 พื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ที่สำคัญจะไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ซึ่งความเห็นนี้ได้รับเสียงปรบมือจากคนในที่ประชุมด้วย อย่างไรก็ตามมีประชาชนบางคนยังระบุด้วยว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี ไม่อยากให้เป็นโครงการที่ทำให้เกิดความแตกแยก โครงการนี้จะสำเร็จได้ต้องไม่มีการแตกแยก ดังนั้น กทพ. และที่ปรึกษา ต้องมีการชี้แจง และทำความเข้าใจรวมทั้งต้องมีเหตุผลที่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าทำไมถึงเลือกเส้นทางนั้น เชื่อว่าหากทำได้ประชาชนก็จะเข้าใจ. https://www.dailynews.co.th/news/2613023/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
ดร.ธรณ์เศร้า! เผยภาพเต่าตนุที่ถูกช่วยกวาดคราบน้ำมันจากคอ ชี้เป็นตัวที่ 3 แล้ว ดร.ธรณ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม เผยภาพสุดเศร้า ขณะหมอกวาดก้อนน้ำมันออกจากคอเต่าตนุตัวน้อย ชี้เป็นเต่าตัวที่ 3 แล้วที่โดนคราบน้ำมันที่ภูเก็ต และมีตัวหนึ่งตายแล้ว ลั่นควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชายฝั่งมูลค่าท่องเที่ยวหลายแสนล้านต่อปี เพราะยังสุ่มเสี่ยงต่อความพินาศในพริบตา ![]() วันนี้ (10 ส.ค.) เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" หรือ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า "ภาพคุณหมอผู้ดูแลสัตว์ทะเลหายากกำลังค่อยๆ กวาดก้อนน้ำมันออกมาจากคอน้องเต่าตนุตัวน้อย เป็นอะไรที่บาดใจผมมาก และคงบาดใจเพื่อนธรณ์คนรักทะเลสุดๆ เท่าที่ทราบ เธอเป็นเต่าตัวที่ 3 แล้วที่โดนคราบน้ำมันที่ภูเก็ต และตัวหนึ่งตายไปแล้ว ตั้งแต่เริ่มทำงานทะเลมาถึงวันนี้ เกือบ 40 ปี ผมคิดไม่ออกว่าเคยมีกรณีไหนในทะเลไทยที่เต่าโดนคราบน้ำมันมากถึงขนาดนี้ จึงไม่อยากให้เป็นเพียงแค่ผ่านเลยไป เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องน่าสงสารจัง ประเทศไทยเข้าร่วมอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เราใช้ SDG เป็นตัวชี้วัดอะไรหลายประการ เรายังลงนามและเข้าร่วมในหลายประเด็นที่เกี่ยวกับสัตว์ทะเลหายาก แต่เต่าทะเลไทยที่เกยตื้นเป็นจำนวนมากมีขยะติดตัว ไม่ว่าภายนอกหรือภายใน ยังมาโดนซ้ำเติมด้วยคราบน้ำมัน หากเต่าน้อยร้องเป็นภาษาคนได้ เธอคงกรีดร้องว่าจะซ้ำเติมกันไปถึงไหน เธอร้องไม่ได้ แต่แววตาของเธอบอกได้ ลองดูแววตาของเธอสิครับ ทราบดีว่าทุกฝ่ายกำลังพยายามหาที่มาของคราบน้ำมัน เพื่อติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษ แต่ก็พอทราบว่าโอกาสเป็นไปได้ยากยิ่ง เพราะที่คาดการณ์ว่าเหตุเกิดในระยะห่างฝั่งเกิน 100 กิโลเมตร เรือคงไปไหนถึงไหน (ข้อมูลช่วง 26กค.-3สค. มีเรือ 81 ลำ) ด้วยระบบที่เรามี คงพอบอกได้ว่าเรายังไม่สามารถดูแลชายฝั่ง ดูแลน้องเต่าของเราให้ปลอดภัยจากมลพิษร้ายแรงในทะเล และหากเราไม่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ชายฝั่งมูลค่าท่องเที่ยวหลายแสนล้านต่อปี ยังสุ่มเสี่ยงต่อความพินาศในพริบตา สรรพสัตว์ต่างๆ ระบบนิเวศในทะเลก็ยังคงพึ่งเพียงโชคว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายแรงขึ้น เราต้องลงทุนเพื่อเข้าใจและปกป้องทะเลให้มากกว่านี้ รู้จักกระแสน้ำ คลื่นลม รู้พื้นที่สุ่มเสี่ยง หาทางปรับปรุงการเฝ้าระวัง เตือนภัยล่วงหน้า เรื่อยไปจนถึงการรับมือแก้ไขที่ปลายเหตุ เช่น การช่วยชีวิตสัตว์หายาก มันจึงไม่ใช่แค่ความสงสาร มันเป็นมากกว่านั้นเพราะเรายังสามารถทำอะไรให้ดีขึ้นได้ แต่ ณ ตอนนี้ คงได้แต่ขอบคุณและให้กำลังใจคุณหมอและทุกคนผู้เกี่ยวข้องต่อไปการกรอกน้ำมันดินใส่ปาก เป็นบทลงโทษที่มีอยู่ในนรก สำหรับผู้ที่ทำบาปแสนสาหัสเจ้าเต่าน้อยทำบาปอันใด" https://mgronline.com/onlinesection/.../9660000071941
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
จาการ์ตากลายเป็นเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก ![]() จากาตาร์ 10 ส.ค. ? ไอคิวแอร์ ซึ่งเฝ้าติดตามคุณภาพอากาศทั่วโลก กล่าวว่ากรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย กลายเป็นเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก โดยติดอันดับ 1 ของตารางคุณภาพอากาศย่ำแย่เป็นเวลาหลายวัน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันพิษที่รุนแรง กรุงจาการ์ตาและบริเวณรอบๆ นครหลวง ที่มีประชากรประมาณ 30 ล้านคน แซงหน้าเมืองที่มีมลพิษรุนแรงอื่นๆ เช่น กรุงริยาด ของซาอุดีอาระเบีย กรุงโดฮา ของกาตาร์ และกรุงลาฮอร์ ของปากีสถาน ตลอดทั้งสัปดาห์พบปริมาณฝุ่น PM 2.5 หนาแน่น จากการเฝ้าสังเกตการณ์ของสำนักข่าวเอเอฟพี กรุงจาการ์ตา ติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับ-ข้อมูลมลพิษของไอคิวแอร์ ซึ่งเป็นบริษัทของสวิตเซอร์แลนด์ ที่เฝ้าติดตามคุณภาพอากาศตามเมืองใหญ่ๆ ทุกวัน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา กรุงจาการ์ตามักจะมีปริมาณ PM 2.5 สูงในระดับที่ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพเสมอๆ ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เขามีแผนจะแก้ไขปัญหาระดับมลพิษด้วยการลดภาระของกรุงจากาตาร์ โดยจะย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองนูซันตารา บนเกาะบอร์เนียว ในปีหน้า เขายังระบุว่าโครงการเครือข่ายรถไฟใต้ดินทั่วกรุงจากาตาร์จะต้องเสร็จเพื่อลดมลพิษ. https://tna.mcot.net/world-1221388
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|