![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
พบเต่าตนุอายุกว่า 10 ปีหนักกว่า 20 กิโลกรัมลอยติดชายหาดบางพระศรีราชา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองศรีราชาช่วยเหลือเต่าตนุ น้ำหนักเกือบ 20 กิโลกรัมหลังลอยเกยตื้นหาดบางพระ นำฝากศูนย์วิจัยประมงศรีราชา ก่อนส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป คาดผลพวงมาจากสถานการณ์แพลงก์ตอนบลูมที่เกิดขึ้นในทะเลอยู่ในขณะนี้ ![]() เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 ก.ย.66 เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองศรีราชา (ดับเพลิงศรีราชา) ได้รับแจ้งเหตุพบเต่าตนุลอยเกยชายหาดยังไม่เสียชีวิต ที่บริเวณชายทะเล ซอยหลวงแจ่ม หมู่ 9 ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบในจุดดังกล่าว พบเต่าตนุ อายุประมาณ 10 ปีน้ำหนักเกือบ 20 กิโลกรัม ลอยเกยอยู่บริเวณชายหาดยังมีชีวิตอยู่ จากการสอบถามชาวบ้านที่พบเห็นเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าได้ออกมาเดินเล่นริมทะเลพบว่ามีเต่าตนุตัวดังกล่าวนอนนิ่งๆ อยู่ริมหาด จึงเดินเข้าไปดูเพื่อตรวจสอบว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเต่าตัวดังกล่าวมีอาการป่วยหรือบาดเจ็บหรือไม่และจะต้องทำอย่างไรต่อไป จึงแจ้งคนที่รู้จัก ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองศรีราชา ให้มาช่วยดูว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ก่อนเจ้าหน้าที่จะลงความเห็นว่าควรจะนำไปฝากไว้ที่ศูนย์วิจัยประมงศรีราชาใกล้จุดที่พบเต่าดูแลก่อน เพื่อนำส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เหตุการณ์ในครั้งนี้คาดว่าอาจจะเป็นผลจากปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูมที่เกิดขึ้นบริเวณริมทะเลศรีราชา บางพระ หาดวอน และบางแสน อยู่ในขณะนี้ ซึ่งน้ำทะเลยังเป็นสีเขียวนานประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว หรือเต่าตัวนี้อาจจะมีอาการป่วยจึงลอยมาเกยชายหาดก็เป็นไปได้ https://www.naewna.com/likesara/757089
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ประมง ผนึก ปตท.สผ. วิจัยเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่ในปะการังเทียม ประมง ผนึก ปตท.สผ. วิจัยเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่ในปะการังเทียม กรมประมง ร่วม บริษัท ปตท.สผ. MOU ศึกษาวิจัยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่ เพิ่มความแข็งแรงของปะการังเทียม ฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเล ![]() นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยในส่วนของการฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเล ได้ดำเนินโครงการจัดสร้างปะการังเทียมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 เพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย เลี้ยงตัว วางไข่ และหลบภัยของสัตว์น้ำ เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ท้องทะเล รวมทั้งเป็นการพัฒนาแหล่งทำการประมงพื้นบ้าน ทำให้ชาวประมงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ กรมประมงยังให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสภาวะโลกร้อนนับเป็นปัญหาที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ โดยจากข้อมูลงานวิจัยต่าง ๆ พบว่า สภาวะโลกร้อนได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้น จะเพิ่มความเครียดและส่งผลกระทบต่อกระบวนการทางเคมีของสัตว์น้ำ ทำให้สัตว์น้ำยากต่อการสืบพันธุ์ และเจริญเติบโต สำหรับโครงการศึกษาวิจัยการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของปะการังเทียมและนำไปใช้เพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเล จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างกรมประมงและ ปตท.สผ. ในการร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อช่วยลดปัญหาสภาวะโลกร้อน โดยการใช้เทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ให้เปลี่ยนรูปเป็นแคลเซียมคาร์บอเน็ตในชั้นปูน ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแรงของแท่งปะการังเทียมคอนกรีตได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ รวมถึงส่งเสริมการทำประมงพื้นบ้านให้ใช้ทรัพยากรอย่างสมดุล ซึ่งถือได้ว่าเป็นก้าวที่สำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีมาช่วยดูแลรักษาทรัพยากรประมงทะเลของประเทศไทยให้มีความยั่งยืนในอนาคต กรมประมง พร้อมเดินหน้าร่วมดำเนินโครงการนี้ไปกับ บริษัท ปตท.สผ. เพื่อร่วมศึกษาวิจัยโครงการศึกษาวิจัยการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหินแร่เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของปะการังเทียมและนำไปใช้เพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรประมงทะเลให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อในการช่วยลดสภาวะโลกร้อน พร้อมกับพัฒนาและฟื้นฟูแหล่งประมงให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมและเกิดความยั่งยืนต่อทรัพยากรประมงต่อไป https://www.bangkokbiznews.com/environment/1088711 ****************************************************************************************************** "ขยะพลาสติก" จำนวน 5 ตันทำถนนได้ 1 กิโลเมตร ![]() ข้อมูลจากกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ระบุว่าโครงการทดลองผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตที่มีส่วนผสมขยะพลาสติก จากปัญหาขยะพลาสติกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากย่อยสลายได้ยาก ทช. จึงทดลองโครงการงานบำรุงถนนทางหลวงชนบทสาย อย.2039 แยก ทล.33 - บ้านไก่จ้น อำเภอภาชี ท่าเรือ และหนองแค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการสร้างถนน พร้อมติดตามพฤติกรรม และสมรรถนะทางวิศวกรรมในการพัฒนาผิวทางชนิดดังกล่าว ปัจจุบันโครงการฯ ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ โดยปรับปรุงโครงสร้างพื้นทาง และไหล่ทางเดิม ด้วยวิธี Cement Stabilized In - Place พร้อมปูผิวจราจรลาดยางแบบแอสฟัลท์ติกคอนกรีตผสมขยะพลาสติก โดยใช้ขยะพลาสติก 5 ตัน ต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร ช่วง กม. ที่ 10+100 - 15+200 ระยะทางรวม 5.1 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 21 ล้านบาท เพื่อช่วยยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางของประชาชนให้สะดวกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยเก็บข้อมูลเปรียบเทียบผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตผสมขยะพลาสติกกับผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตในสภาพแวดล้อม และสภาพการจราจรเดียวกัน เพื่อวิจัย และพัฒนางาน ซึ่งเป็นนวัตกรรมผิวถนนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ https://www.bangkokbiznews.com/environment/1088517
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|