เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 03-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


กองฉลามมหึมา-ปลาโรนัน ที่วางขายเสรีในตลาดปลาไทย บอกอะไรสังคมช่วงใกล้ตรุษจีน ................... โดย ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล


"ตราบใดที่ตลาดยังต้องการ ก็มีการไปจับที่แหล่งอยู่ดี?
ที่มาของภาพ,NUTCH PRASOPSIN

เช้าวันหนึ่งของวันเริ่มเดือนกุมภาพันธ์ นัชญ์ ประสพสิน ตั้งใจไปซื้อปลากะพง เพื่อมาทำกับข้าวที่ตลาดปลาชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.สมุทรสาคร แต่ภาพที่เธอพบ กลับเป็น "ฉลามกองมหึมา" หลากหลายสายพันธุ์ ที่วางจำหน่ายอย่างไม่ปิดบัง

แม้แต่ปลาโรนัน ที่มีลักษณะคล้ายฉลามและเป็นปลาหายากใกล้สูญพันธุ์ ก็ถูกนำมาวางขาย

นัชญ์ สอบถามพ่อค้าปลา ซึ่งเขาก็ยืนยันว่านี่คือปลาโรนัน ที่อนุสัญญาไซเตส ขึ้นบัญชีเป็นสัตว์คุ้มครอง ส่วนทั่วตลาดปลาที่เธอตระเวนสำรวจ ก็พบทั้ง ฉลามครีบดำ ฉลามครีบขาว โดยมีทั้งตัวเต็มวัย และที่ยังตัวเล็กเป็นลูกฉลาม

"ตกใจมาก โรนันเลยหรือ ในฐานะนักดำน้ำ มันหายากมาก" นัชญ์ ซึ่งเป็นเจ้าของเพจ "ทูนหัวของบ่าว" (Kingdom of Tigers) บอกบีบีซีไทย

ปลาโรนัน หากินตามพื้นท้องน้ำและพื้นทรายเหมือนปลากระเบน ดังนั้น ในฐานะนักดำน้ำที่เคยดำเจอโรนัน 2 ครั้ง นัชญ์จึงมั่นใจว่า "การที่จับมันขึ้นมาได้ ต้องเป็นอวนลากแน่นอน แต่เศร้าใจมาก ตัวเบบี๋ (ลูกปลา) ขนาดแค่คืบ ก็ยังจับมา"

องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ชี้ว่า ชนิดพันธุ์ปลาฉลามและกระเบนทั่วโลก ราว 1 ใน 3 กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จากการทำประมงเกินขนาด ขณะที่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ชี้ว่า ฉลามในน่านน้ำไทยกว่าครึ่ง หรือ 47 ชนิด จาก 87 ชนิด มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์-ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง โดยปัจจัยหลักมาจากการถูกจับเป็นสัตว์น้ำพลอยได้ (bycatch) กล่าวคือเป็นปลาที่ถูกจับขึ้นมาด้วยโดยไม่ตั้งใจ


ค้าฉลามเฟื่องฟู ฉลองตรุษจีน

ดร.เพชร มโนปวิตร นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ ผู้รณรงค์ยกเลิกการบริโภคฉลามมายาวนาน ชี้ว่า ปริมาณการค้าฉลามที่เพิ่มขึ้นตามตลาดปลา-แพปลา ในไทย มักเพิ่มขึ้นสูงในช่วงต้นปี โดยเฉพาะเมื่อใกล้เทศกาลตรุษจีน

"เราอยู่ในยุคที่ทุกคนเห็นความวิกฤตของธรรมชาติ แต่ก็ยังบริโภคฉลามอยู่" ดร.เพชร ระบุ "เห็นภาพแบบนี้แล้วสิ้นหวัง ดำน้ำเกือบตาย อยากเจอมาก มาเดินสะพานปลา เจอหมดเลย"

"สิ่งที่น่ากลัวคือ รณรงค์มา 20 ปีแล้ว แต่ประชากรในเมืองกลุ่มใหญ่ ก็ยังอยากลองทานหูฉลามอยู่... ตราบใดที่ตลาดยังต้องการ ก็มีการไปจับที่แหล่งอยู่ดี"

เมื่อพิจารณาภาพการขายฉลามที่ นัชญ์ ถ่ายมาได้ ดร.เพชร ตั้งข้อสังเกตว่า มีลักษณะการคัดขนาดและรูปร่างของฉลาม ซึ่งสวนทางกับคำกล่าวอ้างของผู้ค้าและชาวประมงว่า เป็น "สัตว์น้ำพลอยได้" คือติดขึ้นมากับอุปกรณ์ประมงพร้อมกับสัตว์น้ำเป้าหมาย

ส่วนตัวแล้ว ดร.เพชร "ไม่อยากกล่าวโทษชาวประมง" แต่ชี้ถึง "ช่องโหว่" ในกฎหมายไทยที่อนุญาตให้จำหน่ายฉลามเกือบทุกชนิดในไทยในฐานะ "สัตว์น้ำพลอยได้" เนื่องจากยังไม่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ยกเว้นฉลามหัวค้อนที่อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียน และฉลามวาฬ ที่เป็นสัตว์สงวน

ที่น่าตกใจคือ "ไทยเป็นประเทศเดียวในโลก" ที่ขอสงวนสิทธิการขึ้นทะเบียน-เลื่อนบัญชีชนิดพันธุ์ ฉลามครีบดำทุกชนิด ให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของไซเตส เป็นเวลา 7 ปี เพื่อเตรียมความพร้อม

"ขอสงวนสิทธิ ชนิดพันธุ์ที่พบว่ามีการค้ามากในไทยที่มีการบรรจุอยู่ในบัญชีไซเตส หรือปรับเลื่อนบัญชี ได้แก่ ปลาฉลามทุกชนิดในวงศ์ Carcharhinidae" มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ม.ย. 2566 ระบุ

ดร.เพชร แสดงความกังวลว่า ภาพการค้าฉลามที่ปรากฏในสังคมออนไลน์บ่อยครั้ง จะสร้างภาพลักษณ์ในประชาคมโลกว่า รัฐไทยเปิดช่องให้ค้าฉลามและสัตว์น้ำใกล้สูญพันธุ์

"ถ้าเวลาผ่านไป เราก็จะกลายเป็นเป้าว่า ทำไมไทยสงวนสิทธิประเทศเดียว แต่ยังค้าฉลามดังภาพที่ปรากฏในสื่อ" ทั้งที่ "ไม่มีประเทศไหนที่ขอยกเว้นไม่บังคับใช้ รวมถึงประเทศอื่นที่พบการค้าฉลามอย่างมาก อาทิ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์"


ฉลามก็แค่ปลา ?

ภายหลังโพสต์ภาพการค้าฉลามที่ตลาดปลาในสมุทรสาครของ นัชญ์ กลายเป็นไวรัลและสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ก็มีประชาชนส่งภาพหลักฐานการค้าฉลามเข้ามาจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

"ฉลามหัวค้อนพวกนี้ ขายที่ปัตตานี ขายกันทุกวันเป็นตัน ๆ" นัชญ์ เล่าถึงภาพที่ได้มาจากประชาชนในปัตตานีที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ

เธอเองก็ยอมรับว่า พบเห็นการค้าฉลามตามตลาด-แพปลา อยู่บ่อย ๆ ยิ่งได้เห็นภาพที่ผู้คนส่งมาให้ดู ก็พบว่า "มันเป็นเรื่องปกติในสังคมไทย" และ "สะท้อนว่า มันยังมีการกินฉลามอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เราฉลองไม่ฉลาม แต่คนไม่ได้ตระหนักถึง ยังมีการสั่งซื้อกันอยู่"

คอมเมนต์ต่าง ๆ ในโพสต์ของเธอ แม้ส่วนมากจะแสดงการต่อต้าน แต่มีจำนวนไม่น้อยที่มองว่า การค้า-การกินฉลาม ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีผู้อ้างว่า ฉลามเหล่านี้ถูกจับนอกน่านน้ำไทย หรือบางครั้งก็ซื้อต่อมาจากชาวประมงชาติอื่น

"คนที่กิน คิดว่าเป็นแค่ปลาตัวหนึ่ง" นัชญ์ บอกถึงคอมเมนต์ที่สะเทือนใจเธอมาก "มันมีปลาอีกมากที่โลกเราอนุญาตให้กิน กินปลาอื่นเถอะ นี่เรากำลังกิน 'เดอะบอสของท้องทะเล' กันนะ"


ฉลองไม่ฉลาม

ฉลามถือเป็นสัตว์นักล่าแห่งท้องทะเล และมีส่วนสำคัญในการรักษาระบบนิเวศน์ แต่ประชากรฉลามที่ลดลงอย่างมากจากการประมงเกินควรและสัตว์น้ำพลอยได้ ทำให้ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์

"ฉลามสะท้อนสุขภาพมหาสมุทร ทะเลที่ดีคือทะเลที่มีฉลาม มันเป็นตัวควบคุมสมดุล หากเราสูญเสียฉลามไป ระบบนิเวศน์ต่าง ๆ จะรวนไปหมด" ดร.เพชร อธิบาย

ในความเป็นจริงนั้นประเทศไทยได้จัดทำแผนปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์และการบริหารจัดการฉลาม พ.ศ. 2563-2567 แล้ว แต่ ดร.เพชร ชี้ว่า มีการบังคับใช้ที่ยังหละหลวมอยู่ เพราะเขาสำรวจแล้ว ยังพบการค้าฉลามในหลายจังหวัดทั่วไทย รวมถึง ระนอง ภูเก็ต สงขลา ปัตตานี และสมุทรสาคร เป็นต้น

สิ่งที่ภาครัฐควรเร่งทำในความเห็นของเขา คือ "ต้องรู้ว่าจับจากไหน ตรวจสอบว่าเรือประมงที่จับฉลามเหล่านี้ ถูกกฎหมายหรือไม่ และหากอ้างว่าไม่ได้จับจากน่านน้ำไทย ก็ต้องระบุที่มาได้"

ไม่เพียงเท่านั้น ดร.เพชร ชี้ว่า ทางการไทยยังบังคับใช้กฎหมายอย่างหละหลวม เพราะยังพบเห็นการจับปลาด้วย "การลากอวน" ที่ถือเป็น "เครื่องมือทำลายล้างพันธุ์สัตว์น้ำ" และมีโทษฝ่าฝืนระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 100,000-500,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ

แต่สิ่งที่ ดร.เพชร ชี้ว่า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรายังเห็นภาพการค้าฉลาม จนเกือบ ?เหมือนปกติ? คือความต้องการบริโภคของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาใกล้ตรุษจีน

องค์กรไวลด์เอด ช่วยสัตว์ป่า เคยเปิดเผยผลสำรวจพบว่า แต่ละปีมีฉลามตาย 100 ล้านตัว ในจำนวนนี้ 73 ล้านตัวถูกฆ่า เพื่อนำครีบมาเป็นซุปหูฉลาม และไทยเองมีตลาดค้าครีบฉลามที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2567 ไวลด์เอด ได้เผยแพร่ผลการศึกษาดีเอ็นเอผลิตภัณฑ์หูฉลามจากตัวอย่าง 206 ชิ้น จากหลายจังหวัด พบว่ามาจากฉลามอย่างน้อย 15 ชนิดพันธุ์ อีกทั้งปลาฉลามส่วนใหญ่กว่า 62% ที่พบในหูฉลามที่ขายในไทยยังมาจากสายพันธุ์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์ โดยเป็นฉลามที่มีสถานภาพถูกคุกคามตามบัญชีแดงของ IUCN ด้วย

ไม่เพียงแต่ครีบเท่านั้น ดร.เพชร ในฐานะที่ปรึกษาของไวลด์เอด ยังระบุว่าได้พบ "เทรนด์ใหม่" ในการใช้อวัยวะทุกส่วนของฉลามมาใช้ประโยชน์ อาทิ ฉลามตากแห้งเพื่อเป็นอาหารทานเล่นของหมาแมว นั่นหมายความว่า เกิดอุปสงค์ใหม่ต่อการจับฉลาม ไม่ว่าจะจับในฐานะสัตว์น้ำพลอยได้หรือไม่ก็ตาม

ดังนั้น จึงควร "ต้องยกเลิกการบริโภคฉลามไปเลย" และหากไม่มีกฎหมายรองรับจริง "สังคมก็ต้องประณาม" นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ระบุ

สำหรับ นัชญ์ ที่รักและช่วยเหลือแมวผ่านเพจ "ทูนหัวของบ่าว" แต่ในฐานะนักดำน้ำและผู้รักท้องทะเล เธอก็อยากช่วยรณรงค์ "ฉลองไม่ฉลาม" เพื่อให้ประชาชนเลิกทานอาหารจากฉลามเสียที ด้วยการเผยแพร่ภาพฉลามตายที่ถูกวางขายอย่างเป็นสาธารณะในตลาดปลา-แพปลา หลายจังหวัดทั่วไทย ก่อนที่มันจะเปลี่ยนกลายเป็นหูฉลามในซุปใส ที่คนเชื่อว่าทานแล้วจะเป็นสิริมงคลและมีสุขภาพดี

เมื่อถามว่า อยากบอกอะไรคนที่กำลังตัดสินใจทานซุปหูฉลาม เธอกล่าวว่า

"อยากให้มองถึงโลกที่ลูกหลานเราจะอยู่ในอนาคต ฉลามเป็นตัวควบคุมระบบนิเวศทางทะเล ควรยกเลิก [การกินหูฉลาม] ได้แล้ว"


https://www.bbc.com/thai/articles/ckrd72v8jz5o

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:45


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger