เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 18-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


'มีเทน' ตัวการ 'ก๊าซเรือนกระจก' รั่วไหลจาก 'บ่อขยะ' 1,200 ครั้งทั่วโลก

ข้อมูลจากดาวเทียมชี้ "ก๊าซมีเทน" หนึ่งใน "ก๊าซเรือนกระจก" ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน รั่วไหลรุนแรงจาก "บ่อขยะ" กว่า 1,200 ครั้ง ซึ่งเกิดจากการไม่แยกขยะอินทรีย์ เช่น เศษอาหาร ซากพืช ออกก่อนทิ้งขยะ ผู้เชี่ยวชาญชี้ต้องรีบแก้ไข "ปัญหาขยะ" ก่อนสายเกินแก้



สำนักข่าว The Guardian เปิดเผยการวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียมทั่วโลก พบว่าเกิดการรั่วไหลของ ?ก๊าซมีเทน? เป็นหนึ่งใน ?ก๊าซเรือนกระจก? ตัวการที่ทำให้เกิด ?ภาวะโลกร้อน? จากบ่อขยะมากกว่า 1,000 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2019 โดยประเทศที่พบการรั่วไหลของก๊าซมีเทนจากประเทศในเอเชียใต้ทั้ง ปากีสถาน อินเดีย และบังกลาเทศ ตามมาด้วย อาร์เจนตินา อุซเบกิสถาน และสเปน ซึ่งเป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีปัญหาการปล่อยก๊าซมีเทนจากบ่อขยะ

พื้นที่ฝังกลบขยะจะปล่อยก๊าซมีเทนเมื่อขยะอินทรีย์ เช่น เศษอาหาร ไม้ การ์ด กระดาษ และซากพืชซากสัตว์ ย่อยสลายโดยไม่มีออกซิเจน ซึ่งมีเทนสามารถดักจับความมร้อนในชั้นบรรยากาศได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 86 เท่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้หลายประเทศตั้งเป้าหมายจะลดการปล่อยก๊าซมีเทนให้ได้

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าจำนวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากหลุมขยะที่ไม่มีการจัดการที่ดีจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2050 หากประชากรในเมืองจะยังเพิ่มขึ้น และไม่สามารถหลีกเลี่ยงพิบัติทางธรรมชาติได้เลย

ข้อมูลใหม่นี้ระบุว่าตั้งแต่ปี 2019 จนถึง มิถุนายน 2566 มีการปล่อยก๊าซมีเทนครั้งใหญ่จากหลุมขยะ 1,256 ครั้ง


ก๊าซมีเทน ตัวการใหญ่ปัญหาโลกร้อน

การปล่อยก๊าซมีเทนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2007 และคิดเป็น 1 ใน 3 ทั้งหมดก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดวิกฤตสภาพภูมิอากาศทั่วโลกในปัจจุบัน และยังเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อย ๆ โดยที่ไม่มีใครให้ความสำคัญ นอกจากจะเกิดจากบ่อขยะแล้วยังมีเกิดในธรรมชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ชุ่มน้ำ

ประเด็นนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ตระหนักว่า มีเทนอาจจะเป็นตัวขัดขวางที่ใหญ่ที่สุดในการรักษาอุณหภูมิโลกให้ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียส และอาจก่อให้เกิดหายนะต่อสภาพอากาศ

เมื่อจำแนกประเภทการปล่อยก๊าซมีเทนทั้งหมดในปัจจุบัน พบว่า มี 20% ที่ปล่อยมาจากการทิ้งขยะอินทรีย์ของมนุษย์ อีก 40% เกิดจากการทำนาและปศุสัตว์

ส่วนการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 40% โดยในปี 2022 เพียงปีเดียวเกิดเหตุการณ์ปะทุก๊าซมีเทนครั้งใหญ่จากแหล่งน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหินมากกว่า 1,000 ครั้ง

ศ.ยวน นิสเบต ผู้เชี่ยวชาญด้านก๊าซมีเทนจากมหาวิทยาลัยรอยัลฮอลโลเวย์แห่งลอนดอน กล่าวว่า "การฝังกลบขนาดใหญ่ทำให้เกิดก๊าซมีเทน ที่มีกลิ่นเหม็นจะติดไฟง่าย อีกทั้งจุลินทรีย์ในดินยังเปลี่ยนก๊าซมีเทนเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 97%"

ทางด้าน คาร์ลอส ซิลวา ฟิลโญ ประธานสมาคมขยะมูลฝอยระหว่างประเทศกล่าวว่า ปัจจุบันมี 150 ประเทศที่ลงนามในคำมั่นสัญญาที่จะลดการปล่อยก๊าซมีเทนลดลง 30% ภายในปี 2030 ซึ่งจะทำไม่ได้เลย ถ้าเกิดประเทศต่าง ๆ ยังไม่สามารถจัดการกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมขยะได้ เพราะในตอนนี้มีขยะทั่วโลกประมาณ 40% ยังคงไม่ได้ถูกจัดการ

อองตวน ฮาล์ฟ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Kayrros บริษัทให้บริการการวิเคราะห์ภาพดาวเทียม กล่าวว่า "หลุมขยะเป็นแหล่งผลิตก๊าซมีเทนขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่หลาย ๆ ประเทศสูญเสียโอกาสในการเปลี่ยนก๊าซเหล่านี้กลายเป็นเชื้อเพลิงใช้ในประเทศได้ กลับกลายเป็นแค่ก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น"


ปัญหาขยะเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

ในปี 2020 เกิดการรั่วไหลของ นิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย มีเหตุการณ์ปลดปล่อยก๊าซมีเทนครั้งใหญ่อย่างน้อย 124 ครั้งจากการฝังกลบขยะ ดร. ริชา ซิงห์ จากศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมในเมืองนี้ กล่าวว่า ในตอนนี้มีเทนรั่วไหลจากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซทั่วโลก ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

เหตุการณ์เลวร้ายที่สุดจากการรั่วไหลของก๊าซมีเทนในอินเดีย เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2022 ที่กรุงนิวเดลี ในครั้งนั้นมีก๊าซมีเทนไหลเข้าสู่ชั้นบรรยากาศในอัตรา 434 ตันต่อชั่วโมง เทียบเท่ากับมลพิษที่เกิดจากรถเบนซินจำนวน 68 ล้านคันที่วิ่งพร้อมกัน

นอกจากจะทำให้อากาศสกปรกแล้ว "ภูเขาขยะ" ที่มีสูงถึง 60 เมตร และมีความกว้างสุดลูกหูลูกตา ยังส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณ และในช่วงฤดูร้อนจะเกิดไฟลุกไหม้ตลอดสัปดาห์ ทำให้ผู้คนในละแวกนั้นหายใจไม่ออกและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ อาจทำให้เป็นโรคมะเร็งได้

ดร.ซิงห์กล่าวว่า ปรกติแล้วมีเทนเป็นก๊าซที่อยู่ในชั้นบรรยากาศประมาณ 0.0002% แต่บ่อขยะในอินเดียมีปริมาณก๊าซมีเทนระหว่าง 3-15% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก

อินเดียเผชิญกับผลกระทบอย่างมากจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นการลดก๊าซมีเทนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การจัดการกับหลุมขยะจะสามารถช่วยลดการเกิดเหตุเพลิงไหม้ มลพิษทางอากาศและน้ำได้

แม้ว่าประเทศที่ร่ำรวยส่วนใหญ่จัดการกับการรั่วไหลของมีเทนจากการทิ้งขยะได้อย่างดีเยี่ยม แต่การก็ยังมีการรั่วไหลอยู่ อย่างเช่น สหราชอาณาจักรก็ยังมีก๊าซรั่วถึง 4%

"ขยะยังคงเป็นประเด็นที่ถูกละเลยและไม่ได้รับความสำคัญในหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเทศแถบซีกโลกใต้ ผู้คนไม่ได้สนใจว่าขยะจะถูกส่งไปที่ไหน ถูกจัดการอย่างไร ขอแค่เอาขยะออกไปให้พ้นสายตาเท่านั้นก็พอแล้ว" ซิลวา ฟิลโญกล่าว


จัดการการฝังกลบขยะให้ถูกวิธี

การฝังกลบขยะสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและราคาถูก แต่เป็นเพียงวิธีแก้ปัญหามลพิษบางส่วนเท่านั้น แถมสถานที่ฝังกลบส่วนใหญ่ในอินเดียและประเทศกำลังพัฒนา ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ และไม่มีกลไกกำจัดของเสียและก๊าซมีเทน

"หลุมขยะถือเป็นศูนย์กลางมลพิษก็ว่าได้ เพราะคุณจะพบมลพิษครบทุกประเภท ทั้งทางบก หน้าดิน น้ำใต้ดิน และอากาศอยู่ในนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก" ซิงห์กล่าว

ทั้งนี้เราสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการฝังกลบได้ด้วยการไม่ทิ้งขยะอินทรีย์ หรือมีการดักจับมีเทนที่ออกมาจากหลุมฝังกลบ ซึ่งทุกคนสามารถเริ่มต้นทำได้ด้วยตัวเอง และมีต้นทุนต่ำ และถือเป็นว่าอีกวิธีที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างรวดเร็ว

เมืองอินเทาร์ รัฐมัธยประเทศ ของอินเดีย ได้รับคัดเลือกให้เป็นเมืองที่สะอาดที่สุดของอินเดีย มีมาตรการแยกขยะอินทรีย์จำนวนมากตั้งแต่ต้นทาง เพื่อไม่ให้เกิดการฝังกลบขยะที่สามารถสร้างก๊าซมีเทนในอนาคตได้ พร้อมส่งขยะอินทรีย์เหล่านั้นให้กับโรงงานไบโอมีสำหรับผลิตเชื้อเพลิงแทน นอกจากนี้ เมืองยังได้ปรับปรุงพื้นที่ฝังกลบขนาด 100 เอเคอร์ และมีการปลูกต้นไม้เพื่อช่วยกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย

การลดก๊าซมีเทนนับเป็นการลงทุนด้านสภาพอากาศที่ดี ทำได้ง่าย เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว และเป็นสิ่งที่หลาย ๆ ประเทศมองข้าม

ที่มา: The Guardian


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1113614

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 18-02-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation


เตือนระวัง "แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส" หลังพบตายเกลื่อนหาดบ้านทอน

พบ "แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส" มีพิษร้ายแรง ตายเกลื่อนหาดบ้านทอน จ.นราธิวาส แนะนักท่องเที่ยวเพิ่มความระมัดระวัง หากลงเล่นน้ำทะเลในช่วงนี้ เผยวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นต้องทำอย่างไรหากโดนพิษ



17 กุมภาพันธ์ 2567 จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กของอบต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส และ มีผู้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เจอกับตัวเลยทีนี้แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส ที่ชายหาดบ้านทอน คิดว่าน่าจะมีแทบจะตลอดแนวชายหาดเลย (เราเดินดูเฉพาะแถวโซนร้าน idyllic) มันตายแล้วแต่เข็มพิษมันก็ยังปล่อยเข็มพิษได้หากไปสัมผัส พิษมีผลต่อผิวหนัง ระบบประสาท หัวใจ หัวใจวายได้เลยระวังกันด้วยนะ ปล.หาดอื่นๆก็ต้องระวังนะคะ เมื่อวานมีคนเจอที่หาดสายบุรี หาดดาโต๊ะที่ปัตตานีด้วย

จากนั้นทางเพจ อบต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า มีแมงกะพรุนนอนตายบริเวณชายหาดจริง ซึ่งเป็นสายพันธุ์ "เรือรบโปรตุเกส" มีลักษณะหัวมีสีขาว เหมือนหมวกทหารเรือรบโปรตุเกสโบราณ ลำตัวมีสีน้ำเงิน บางตัวมีความยาวถึง 2 เมตร มีพิษร้ายแรง โดยเฉพาะคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หากไปโดนพิษแมงกะพรุนชนิดนี้ อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต พบมากในช่วงมรสุม ส่งผลให้ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลพบแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส ถูกคลื่นซัดเข้ามาบริเวณชายหาดต่างๆ จึงขอแจ้งเตือนให้นักท่องเที่ยวระมัดระวังตลอดการเดินบริเวณชายหาดด้วย

ล่าสุดวันนี้ (17 ก.พ. 2567) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ ซึ่งพบแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส หรือแมงกะพรุนหัวขวด ที่บริเวณชายหาดบ้านทอน ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส เป็นจำนวนมากนอนตายตลอดแนวชายหาด จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียให้เพิ่มความระมัดระวังในการลงเล่นน้ำทะเลในช่วงนี้ ซึ่งแมงกะพรุนชนิดนี้มีพิษร้ายแรง และอาจทำให้ผู้ที่สัมผัสเสียชีวิตได้ แต่ยังไม่ได้รับรายงานผู้ที่ถูกแมงกะพรุนพิษดังกล่าว

ด้าน นางสาวอาลามีน พนักงานร้าน idyllic เปิดเผยว่าทางร้านได้ทราบข่าวเมื่อช่วงตอนเย็นของวันที่ 15 ก.พ. จากลูกค้าของทางร้านที่ได้ไปเดินเล่นที่ชายหาดแล้วเจอแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกสจึงได้เข้ามาแจ้งกับทางร้าน ซึ่งทางร้านมีมาตรการป้องกันเบื้องต้นคือจะแจ้งลูกค้าทุกคนที่เข้ามาในร้านว่ามีแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส และจะมีการติดป้ายระมัดระวังที่ร้านถึงลักษณะของแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส เพื่อให้ลูกค้าได้มีการระมัดระวังเมื่อมีการเดินเล่นที่ชายหาดดังกล่าว


ส่วนวิธีดูแลตนเองเบื้องต้น หากพบหรือสัมผัสกับแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส มีดังนี้

- ห้ามเอามือไปจับหรือแตะหางหรือตัวมันเป็นอันขาด

- หากสัมผัสตัวแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยใช้น้ำทะเลชะล้างเศษหนวดและเข็มพิษ หรือหาวัสดุขอบเรียบแข็งครูดออกไปให้มากที่สุด

- ห้ามใช้ "น้ำส้มสายชู" และ "น้ำจืด" ล้างแผลจากพิษแมงกะพรุนไฟหมวดโปรตุเกสโดยเด็ดขาด (แต่ในกรณีแมงกะพรุนกล่อง สามารถใช้น้ำส้มสายชูล้างแผลได้)

- สังเกตอาการผู้ได้รับพิษอย่างใกล้ชิดแล้วนำส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียง


https://www.nationtv.tv/news/social/378940385

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:44


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger