![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
กู้วัตถุอันตรายจาก "เรือหลวงสุโขทัย" วันที่ 9 พบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง การปฏิบัติการค้นหาและปลดวัตถุอันตรายเรือหลวงสุโขทัย วันที่ 9 ยังไม่พบผู้สูญหายติดอยู่ในเรือ แต่พบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ขณะที่กองทัพเรือลำเลียงท่อยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน และแท่นยิงตอร์ปิโดกลับไปเก็บรักษา ![]() วันนี้ (1 มี.ค.2567) กองทัพเรือรายงานว่า เป็นการปฏิบัติการค้นหาและปลดวัตถุอันตรายเรือหลวงสุโขทัย วันที่ 9 โดยชุดปฏิบัติการผสมของกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐ ฯ บนเรือ Ocean Valor ที่จอดเรืออยู่บริเวณอ่าวไทยใกล้จุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง โดยมีการดำน้ำ 4 เที่ยว มีภารกิจในการค้นหาผู้สูญหาย การสำรวจ และถอดถอนยุทโธปกรณ์เครื่องควบคุมการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนในห้องเรดาร์ สำหรับผลการปฏิบัติการได้สำรวจและค้นหาผู้สูญหายในห้องเรดาร์ ไม่พบผู้สูญหาย รวมทั้งไม่สามารถถอดถอนเครื่องควบคุมการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนได้ ซึ่งจะได้พิจารณาหาหนทางปฏิบัติ เพื่อลดขีดความสามารถของระบบปล่อยนำวิถีฮาร์พูนต่อไป สำหรับการสำรวจในห้องเรดาร์ไม่พบผู้สูญหายติดอยู่ในห้อง นอกจากนั้นในวันนี้ชุดปฏิบัติการผสม ได้ตรวจพบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในห้องเรดาร์ จำนวน 1 เครื่อง จึงได้นำขึ้นมา เพื่อจะตรวจสอบต่อไป โดยการปฏิบัติในวันนี้ กำลังพลทุกนายปลอดภัย พล.ร.ต.วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า หลังเสร็จสิ้นการปฏิบัติภารกิจในวันนี้เรือ Ocean Valor จะเดินทางกลับเข้าฝั่งที่ท่าเรือประจวบ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเคลื่อนย้ายท่อยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนจำนวน 2 ท่อ และแท่นยิงตอร์ปิโด จำนวน 2 แท่น (6 ท่อยิง) ที่นำขึ้นมาจากเรือหลวงสุโขทัย เพื่อส่งกลับไปยัง กรมสรรพาวุธทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ต่อไป สำหรับการปฏิบัติการพรุ่งนี้ เรือ Ocean Valor จะจอดรับการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงที่ท่าเรือประจวบ โดยจะมีการปฏิบัติการดำน้ำของกองทัพเรือไทย โดยมี เรือหลวงมันในเป็นฐานปฏิบัติการในการค้นหาผู้สูญหาย และสำรวจหาพยานหลักฐานต่าง ๆ ได้แก่ การตรวจสอบและบันทึกหลักฐาน รูทะลุหรือรอยรั่ว สภาพการกั้นน้ำของประตู ตามพื้นที่ต่าง ๆ ที่คณะกรรมการสอบสวนฯ กำหนด รวมทั้งการตรวจสอบอุปกรณ์บนดาดฟ้าหลักหัวเรือ ซึ่งกองทัพเรือจะแจ้งผลการดำเนินการให้ทราบต่อไป https://www.thaipbs.or.th/news/content/337623
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
"ชายหาด" สมบัติของแผ่นดิน ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ครอบครองไม่ได้ ![]() นิยามของคำว่า "ชายหาด" หมายถึง ที่ดินที่น้ำทะเลขึ้นและลง เป็นที่ดินที่น้ำท่วมถึง จรดไปถึงแนวพันธุ์พืชและพันธุ์ไม้ของแผ่นดิน จากจุดนี้ลงไปสุดทะเล ถือเป็น "ชายหาด" ซึ่งถือเป็น ที่ดินสาธารณะ เป็นสมบัติของแผ่นดินที่ให้ประชาชนใช้ร่วมกัน ซึ่งมีกฎหมายเกี่ยวข้องกับ "ชายหาด" พื้นที่สาธารณะที่พลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกันนั้น มีดังนี้ - ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น รวมทรัพย์สินทุกชนิดของแผ่นดิน ซึ่งใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ หรือ สงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันเช่น (1) ที่ดินรกร้างว่างเปล่า และที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่น ตามกฎหมายที่ดิน (2) ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้นว่า ที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ (3) ทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ เป็นต้นว่า ป้อมและโรงทหาร สำนักราชการบ้านเมือง เรือรบ อาวุธยุทธภัณฑ์ - ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1305 ทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นจะโอนแก่กันไม่ได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะ หรือพระราชกฤษฎีกา - ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306 ห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับกรณี ชายหาด หรือ หาดทราย แม้จะไม่มีประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ยังถือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่สงวนไว้สำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน ยกเว้นมีการออกกฎหมายหรือพระราชกฤษฎีกาให้ถอนสภาพจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดแนวถอยร่นจากหน้าหาดไปจนถึงชายทะเล โดยส่วนใหญ่จะต้องไม่มีการใช้ประโยชน์ส่วนบุคคล ในระยะ 30-50 เมตร รวมทั้งยังมีข้อกำหนดเรื่องการก่อสร้างอาคารสูงได้แค่ไหน และมีข้อห้ามกับกิจกรรมที่จะกระทบต่อชายหาดด้วย โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 หมวดที่ 4 ข้อ 42 ระบุไว้ว่า ข้อ 42 อาคารที่ก่อสร้างหรือดัดแปลงใกล้แหล่งน้ำสาธารณะ เช่น แม่น้ำ คู คลอง ลำราง หรือสำกระโดง ถ้าแหล่งน้ำสาธารณะนั้นมีความกว้างน้อยกว่า 10 เมตร ต้องร่นแนวอาคารให้ห่างจากเขตแหล่งน้ำสาธารณะนั้นไม่น้อยกว่า 3 เมตร แต่ถ้าแหล่งน้ำสาธารณะนั้นมีความกว้างตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป ต้องร่นแนวอาคารให้ห่างจากเขตแหล่งน้ำสาธารณะนั้นไม่น้อยกว่า 6 เมตร สำหรับอาคารที่ก่อสร้างหรือดัดแปลงใกล้แหล่งน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ เช่น บึง ทะเลสาบ หรือทะเล ต้องร่นแนวอาคารให้ห่างจากเขตแหล่งน้ำสาธารณะนั้นไม่น้อยกว่า 12 เมตร ทั้งนี้ วันแต่ ละพาน เขื่อน รั้ว ท่อระบายน้ำ ท่เรือ ป้าย อู่เรือ คานเรือ หรือที่ว่างที่ใช้เป็นที่จอดรถไม่ต้องร่นแนวอาคาร ซึ่งระยะร่น คือ ระยะร่นหมายถึงบริเวณพื้นที่นอกอาคารไปยังจุดควบคุม ในกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมความสูงของอาคารริมชายฝั่งนั้นระยะร่น จะวัดจากพื้นที่ภายนอกอาคารไปยังชายหาด หรือชายทะเล โดยอ้างอิงจากแนวชายฝั่งทะเล โดยใช้ระดับน้ำทะเลสูงสุด หรือ ระดับน้ำทะเลปานกลาง ขึ้นอยู่กับทางท้องที่กำหนด https://www.thaipbs.or.th/news/content/337621
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|