เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #6  
เก่า 31-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


เปิด 4 สถานการณ์ปัญหา-ส่องทิศทางออก "ทวงคืนชายหาดสาธารณะไทย" .............. นราวิชญ์ เชาวน์ดี รายงาน



จากกรณี "ฝรั่งเตะหมอ" สู่กระแส "ทวงคืนชายหาดสาธารณะ" และล่าสุดวันนี้ เวทีเสวนากลางกรุง "ไม่มีใครเป็นเจ้าของชายหาด แต่?"

Beach for life เปิด 4 สถานการณ์ปัญหาสำคัญหาดสาธารณะไทยวันนี้ "ปิดทางเข้า-อ้างสิทธิ-ที่ถูกกัดเซาะ-ที่ตกน้ำที่งอก"

นักวิชาการชี้ "ซับซ้อนทั้งปัญหาและแนวทางแก้" เสนอใช้กลไกบอร์ดชาติจัดการ ด้านเครือข่ายทวงคืนชายหาดเสนอใช้หาดปากบาราเป็นกรณีตัวอย่าง เพราะข้อมูลพร้อม สามารถจบได้เลย


จาก "กรณีฝรั่งเตะหมอ" ถึง "ทวงคืนหาดสาธารณะภูเก็ตและปากบารา"

"สถานการณ์ชายหาดสาธารณะในพื้นที่ภูเก็ตเริ่มจะมีปัญหาจนกลายมาเป็นชายหาดส่วนบุคคลราว ๆ หลังจากปี 2529 เป็นต้นมา เนื่องจากการบูมของการท่องเที่ยวในจังหวัด โดยมีปัญหาหลัก ๆ คือการสร้างสิ่งก่อสร้างรุกล้ำชายหาดทำให้การเข้าถึงชายหาดยากลำบากมากขึ้น จนนำมาสู่เหตุการณ์ที่ถูกพูดถึงเมื่อไม่นานมานี้ก็คือเหตุการณ์ชาวต่างชาติทำร้ายหมอที่หาดยามูโดยอ้างว่าหมอเข้ามานั่งในพื้นที่ของตน

เรื่องดังกล่าวทำให้สังคมตั้งคำถามว่าเหตุใดชายหาดซึ่งถือว่าเป็นสถานที่สาธารณะถึงมีการอ้างสิทธิในการครอบครองได้จนนำมาสู่การตรวจสอบและยืนยันแล้วว่ากรณีดังกล่าวเป็นการรุกล้ำทางสาธารณะจนนำมาสู่การเคลื่อนไหวและเรืยกร้องให้รื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่รุกล้ำทั้งในหาดยามูที่เป็นกระแส และบริเวณหาดอื่น ๆ บนเกาะภูเก็ต"

พิเชษฐ์ ปานดำ กลุ่มคนท้องถิ่นดั้งเดิมภูเก็ต กล่าวถึงกรณีฝรั่งเตะหมอที่เป็นที่มาของกระแส ?ทวงคืนชายหาดสาธารณะ? วันนี้ (28 มี.ค. 2567) ในเวที เสวนา "ไม่มีใครเป็นเจ้าของชายหาด แต่?" ซึ่งจัดโดย Beach for life และองค์กรเครือข่าย ณ SEA junction หอศิลปวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

พิเชษฐ์ กล่าวเสริมว่าพื้นที่ชายหาดเป็นพื้นที่สาธารณะที่คนท้องถิ่นใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อการพักผ่อน การสูญเสียพื้นที่ดังกล่าวทำให้ความตึงเครียดในพื้นที่เกิดขึ้น และถือว่าไม่สอดรับกับบริบทการเปลี่ยนภูเก็ตเป็นพื้นที่ท้องเที่ยวอย่างที่คนท้องถิ่นต้องการ

นอกจากนั้นอีกหนึ่งชายหาดที่มีปัญหาในเรื่องเอกชนอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งอาจจะไม่ถูกพูดถึงมากนักในช่วงเวลาที่กระแสทวงคืนชายหาดถูกพูดถึงแต่ก็เป็นกรณีที่น่าสนใจเช่นกัน คือกรณีที่เกิดขึ้นที่หาดปากบารา ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล วิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี กลุ่มรักษ์อ่าวปากบารา เลขาธิการองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) กล่าวในเวทีเช่นกันว่า หาดดังกล่าวประชาชนในพื้นที่ใช้ประโยชน์เป็นหาดสาธารณะมาอย่างยาวนาน แต่เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมามีการอ้างสิทธิของเอกชนรายหนึ่งเหนือที่ดินบนชายหาดโดยการนำเสาคอนกรีตมาปักรุกล้ำบริเวณหาดและอ้างว่าตนมีเอกสารสิทธิ์ น.ส.3ก.

"บริเวณหาดปากบาราเป็นพื้นที่ที่ถูกกัดเซาะจนกลายสภาพเป็นชายหาดสาธารณะมานานแล้ว จากการตรวจสอบของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งพบว่าที่ดินพิพาทดังกล่าวมีสภาพเป็นชายหาดโดยถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนกลายเป็นชายทะเลเป็นเวลา 47 ปี ตั้งแต่ปี 2518

สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ก็ยังคงมีเสาและมีการก่อสร้างอยู่ในพื้นที่ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าใครจะต้องเข้ามารับผิดชอบถ้าจะต้องถอนเอกสารสิทธิ์จะทำอย่างไร" วิโชคศักดิ์ กล่าว


4 ปัญหาใหญ่ "หาดสาธารณะไทย" วันนี้

อภิศักดิ์ ทัศนี หรือน้ำนิ่งจาก กลุ่ม Beach for life เครือข่ายที่ทำงานเกี่ยวกับชายหาดมาอย่างยาวนานได้สรุปภาพรวมถึงปัญหาชายหาดที่ได้รับผลกระทบจากการอ้างสิทธิของเอกชนว่ามี 4 ประเด็นที่สำคัญและน่าสนใจ

1. ปัญหาการปิดกั้นการเข้าถึงพื้นที่ชายหาดสาธารณะจนกลายเป็นการยึดชายหาดเป็นพื้นที่ส่วนตัว อย่างเช่นในกรณีที่ชายหาดเเหลมหงา จ.ภูเก็ต ทำให้ประชาชนภูเก็ตออกมาทวงคืนหาดเเหลมหงาจนกลายเป็นหาดสาธารณะอีกครั้ง

2. การรุกล้ำชายหาดสาธารณะโดยการสร้างสิ่งก่อสร้าง เช่นกรณีที่ หาดเเหลมยามู จ.ภูเก็ต ที่วิลล่าหรูสร้างบันไดรุกล้ำชายหาดสาธารณะ จนเกิดดราม่าฝรั่งเตะหมออันนำมาสู่กระแสการทวงคืนชายหาด

3. ที่ดินถูกกัดเซาะชายฝั่งจนกลายเป็นชายหาดสาธารณะ น้ำทะเลท่วมถึง ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์เเต่เอกชนยังคงอ้างสิทธิบนชายหาด สร้างสิ่งปลูกสร้าง อาทิ ชายหาดปากบารา จ.สตูล ซึ่งเมื่อก่อนเคยมีที่ดินแต่ก็ถูกกัดเซาะจนเป็นชายหาดมานานกว่า 47 ปี แต่เอกชนที่ถือเอกสารยังอ้างว่าตนมีสิทธิ และเข้าไปดำเนินการในพื้นที่

4. กรณีที่ตกน้ำและที่งอก เนื่องจากบางพื้นที่ที่มีการสร้าง Jetty (เขื่อนกันทรายและคลื่น) ทำให้เกิดการงอกใหม่ของที่ดินริมชายหาดที่ในอดีตอาจจะจมน้ำอยู่ จนนำสู่การขอออกเอกสารสิทธิ์เป็นที่ส่วนบุคคลทำให้ชายหาดกลายเป็นที่ดิน เช่น กรณีหาดสะกอม จ.สงขลา


ซับซ้อนทั้งตัวปัญหาและแนวทางแก้

"ปัญหาการเข้าถึงชายหาดสาธารณะเกิดขึ้นเยอะแยะมากมายไม่ใช่แค่ภูเก็ตที่เดียว และอาจจะมีหลายพื้นที่ที่เรายังไม่รู้

เรื่องนี้ถ้าจะพูดจริง ๆ มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลฯ กรมที่ดิน ท้องถิ่น จะทำอย่างไรให้แต่ละหน่วยงานคุยกันได้ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา" น้ำนิ่ง กล่าว

"การแก้ไขปัญหาของพื้นที่ชายหาดจะมีความซับซ้อนเนื่องจากตนมองว่า ชายหาดถือเป็นพื้นที่ริมขอบที่ดิน ริมขอบทะเล ซึ่งตัวกฎหมายในการจัดการจะซ้อนกับกันในหลายหน่วยงานซึ่งมีปัญหามาโดยตลอด บางทีถ้ามีข้อพิพาทระหว่างนายทุนกับชาวบ้าน แต่ละฝ่ายก็จะนำกฎหมายที่ฝ่ายตนได้ประโยชน์มาใช้

ในกรณีแหลมยามูกฎหมายที่ดินพูดถึงแต่สิทธิของกรรมสิทธิเอกชนแต่ไม่บอกว่าต้องเว้นทางสาธารณะ เลยไม่มีใครคิดเรื่องนี้

เมื่อไร่ที่ออกโฉนด น.ส.4จ. ให้เป็นกรรมสิทธิเอกชนแล้วจะเพิกถอนยาก ปัญหาเรื่องเพิกถอนจะเห็นว่าคนที่ออกให้ตั้งแต่แรกคือกรมที่ดินถ้าจะไปฟ้องศาลสั่งให้ถอนคนที่จะถอนคืออธิบดีกรมที่ดิน ทำให้เราเห็นว่าจะต้องแก้ประมวลกฎหมายที่ดินให้คนที่จะเพิกถอนต้องไม่ใช่คนที่ออก" ธิวัชร์ ดำแก้ว ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว


ชี้ "ขาดบูรณาการหน่วยงานรัฐ" เสนอใช้กลไก "บอร์ดชาติ" จัดการ

ผศ.ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวในเวทีเสวนาว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้ปัญหาชายหาดสาธารณะยังไม่สามารถแก้ได้เป็นเพราะว่ายังไม่มีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยตนคิดว่าสามารถใช้กลไกของ คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ให้เข้ามาช่วยดำเนินการได้

"สำหรับการจัดการในเรื่องทรัพยากรและทะเลชายฝั่ง ผมคิดว่าคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ สามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาในกรณีนี้ได้เนื่องจากคณะกรรมการฯ มีอำนาจเสนอนโยบายและแผนการบริหารจัดการให้ทั้งหน่วยงานรัฐต่าง ๆ และครม.ได้" ปริญญา กล่าว

พูลศรี จันทร์คลี่ ผู้อำนวยการส่วนแผนบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่ง กองอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้แสดงความเห็นด้วยว่าปัญหานี้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้เพียงหน่วยงานเดียว และเห็นด้วยกับปริญญาว่าจะต้องมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ

"ในกรณีไม่มีทางลงไปสู่ชายหาดสาธารณะจะทำอย่างไร ผมคิดว่ากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสามารถเสนอแนะไปยังคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ เพื่อเวนคืน หรือขอซื้อพื้นที่ทำทางลงได้

สำหรับเรื่องที่ตกน้ำ คำพิพากษาศาลฎีกาวางหลักไว้แล้วว่าถ้าที่ใดถูกกัดเซาะจนเป็นทางน้ำแล้ว และเจ้าของไม่ได้หวงกันโดยหาทางป้องกันอย่างจริงจังที่ดังกล่าวจะตกเป็นที่ของแผ่นดินทุกครั้ง ต่อให้ในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวงอกกลับคืนมาใหม่ก็จะถือว่าสูญเสียไปแล้ว แต่ปัญหาคือบางครั้งศาลพิพากษาแล้วแต่กรมที่ดินไม่มีการเพิกถอนโฉนด

โดยรวมระบบของเราถือว่าดีประมาณ 80% แล้วแต่ปัญหาคือในทางปฏิบัติไม่มีการทำหน้าที่อย่างจริงจัง ซึ่งคิดว่าในทางกฎหมายไม่พอจะต้องมีเครื่องมือทางสาธารณะเข้ามา เช่น ประชาชนจะต้องร้องเรียนได้ ทำให้สาธารณชนเข้ามามีส่วนร่วมการแก้ปัญหาก็จะง่ายขึ้น" ปริญญา กล่าวถึงมาตรการแก้ไขปัญหาในรายกรณี

"อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะเสนอคือในพื้นที่ตกน้ำกรณีที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นของชาวบ้านไม่ใช่ที่ของนายทุนก็ควรจะมีการเยียวยาชดเชยด้วย" ปริญญา เสนอ

สำหรับบทบาทของคณะกรรมการธิการฯ ธิวัชร์ กล่าวว่า หลังจากนี้ตนจะใช้กระบวนการของคณะฯ โดยอาจจะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องชายหาดโดยเฉพาะเนื่องจากเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ และตนไม่อยากให้จบที่กรณีภูเก็ตแค่ที่เดียว


เสนอใช้หาดปากบารา เป็นกรณีตัวอย่าง

"กรณีปากบาราอาจจะต้องแยกออกเป็น 2 เรื่อง 1. ตรงนั้นเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ 2. การก่อสร้าง ซึ่งการก่อสร้างถ้าไม่มีการขออนุญาตจะต้องรื้อถอนแน่นอน ต่อให้มีเอกสารสิทธิแต่การก่อสร้างก็ต้องขออนุญาต การก่อสร้างต้องได้รับอนุญาต ซึ่งหน่ยวงานที่จะอนุญาตคือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่

สำหรับเรื่องที่ว่าที่ดังกล่าวถือเป็นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) ที่ระบุว่า สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น รวมทรัพย์สินทุกชนิดของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้นว่า ที่ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ

จะเห็นว่าไม่มีคำว่าชายหาด แต่ใช้คำว่าที่ชายตลิ่งที่ต้องห้ามออกโฉนด ถ้าออกมาแล้วก็ต้องเพิกถอน แล้วชายหาดเป็นที่ชายตลิ่งหรือไม่ ใช่ มีคำพิพากษาของศาลฎีการับรองมาเต็มไปหมดโดยในการเพิกถอนก็ต้องขออำนาจศาลในการเพิกถอนโดยมีกรมที่ดินเป็นแม่งาน" ปริญญา กล่าว

"ในมุมของผมในกรณีปากบาราที่อ้างว่ามีเอกสาร น.ส.3ก. การเพิกถอนไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากเอกชนมีแค่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งชัดเจนว่าเขาไม่ได้ทำประโยชน์แน่ ๆ เพราะว่าเอกสารจากกรมทรัพยากรทางทะเลฯ ชี้ชัดว่าเป็นชายหาดมาแล้ว 47 ปี ทำให้กลับไปสู่หน่วยงานที่ดินซึ่งผมคิดว่าเขามีอานาจในการเพิกถอน ข้อเท็จจริงมันชัดว่า พื้นที่ปากบาราเป็นพื้นที่สาธารณะเรียบร้อยแล้ว การให้เอกชนรายได้รายหนึ่งเป็นเจ้าของก็ย่อมจะต้องถูกเพิกถอนไป

ผมคิดว่ากรณีปากบารามีความพร้อมสามารถแก้ไขปัญหาได้เลยเนื่องจากมีความพร้อมและมีข้อมูลที่ครบถ้วนเพียงพอแล้วโดยสามารถใช้เป็นพื้นที่ต้นแบบได้" อธิวัฒน์ เส้งคุ่ย มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน และเครือข่ายทวงคืนชายหาด กล่าว


https://greennews.agency/?p=37434

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:45


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger