เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #7  
เก่า 01-05-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


ตะลึง! สัมผัส "ไมโครพลาสติก" ทำสารเคมีที่เป็นพิษเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้


SHORT CUT

- สารเคมีอันตรายในวัสดุกันไฟ และสารพลาสติก สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังได้จากการสัมผัสไมโครพลาสติก อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์

- การทดลองพบว่าสารเคมีจากไมโครพลาสติกถูกดูดซึมโดยผิวหนังได้ถึง 8% โดยผันแปรตามความชุ่มชื้นของผิว

- หากสัมผัสต่อเนื่องจะสะสมและอันตราย แม้หลายประเทศจะมีมาตรการควบคุม แต่สารเคมีก็ยังตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อม




งานวิจัยของมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม พบการดูดซับสารเคมีที่เป็นพิษเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านทางผิวหนัง จากการ "สัมผัสไมโครพลาสติก" หวั่นส่งผลกระทบต่อสุขภาพหากสะสมในระยะยาว

งานวิจัยชิ้นนี้จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ถือเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกที่แสดงให้เห็นว่า สารเคมีอันตรายอย่างสารหน่วงการติดไฟและสารเคมีอื่นๆ ที่ใช้ในการผลิตพลาสติก สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ผ่านการสัมผัสกับไมโครพลาสติก ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากสารเคมีที่ยังคงมีอยู่ในสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

ผลการศึกษาพบว่าเมื่อสารเคมีเหล่านี้ฝังตัวอยู่ในไมโครพลาสติก จะสามารถซึมเข้าสู่เหงื่อของมนุษย์ ทะลุผ่านผิวหนัง และเข้าสู่กระแสเลือดได้ในที่สุด ซึ่งเป็นเส้นทางการได้รับสารพิษที่ไม่เคยมีการค้นพบมาก่อน การค้นพบนี้จึงก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวที่อาจเกิดขึ้น หากมีการสะสมของสารอันตรายเหล่านี้ในร่างกายเป็นเวลานาน


ทำความรู้จัก ไมโครพลาสติก คืออะไร

ไมโครพลาสติก (Microplastics) คือ ชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 5 มิลลิเมตร ไมโครพลาสติกเกิดขึ้นได้จาก 2 แหล่งหลักๆ คือ

1. ไมโครพลาสติกปฐมภูมิ (Primary Microplastics) เป็นไมโครพลาสติกที่ผลิตขึ้นมาให้มีขนาดเล็กตั้งแต่แรก เช่น เม็ดพลาสติกที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก หรือไมโครบีดส์ที่ใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ขัดผิว

2. ไมโครพลาสติกทุติยภูมิ (Secondary Microplastics) เกิดจากการแตกหักหรือสึกหรอของผลิตภัณฑ์พลาสติกขนาดใหญ่ เช่น ถุงพลาสติก ขวดน้ำพลาสติก เส้นใยสังเคราะห์ และเศษชิ้นส่วนจากยางรถยนต์

ไมโครพลาสติกเหล่านี้สามารถแพร่กระจายเข้าสู่สิ่งแวดล้อมได้ง่าย ทั้งในแหล่งน้ำ ดิน อากาศ และห่วงโซ่อาหาร จนกลายเป็นปัญหามลพิษที่น่ากังวล เพราะจากงานวิจัยพบว่าสิ่งมีชีวิตหลายชนิดกินไมโครพลาสติกเข้าไป ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อระบบนิเวศแล้ว ยังอาจเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าไมโครพลาสติกอาจดูดซับสารพิษต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม แล้วนำพาสารอันตรายเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายสิ่งมีชีวิตรวมถึงมนุษย์ได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว จึงเป็นประเด็นที่นักวิทยาศาสตร์กำลังให้ความสนใจศึกษากันมากในปัจจุบัน


"ไมโครพลาสติก" อันตรายร้ายที่แทรกซึม

ดร. Ovoidroye Abafe จากมหาวิทยาลัยบรูเนล ผู้ร่วมงานวิจัยนี้ขณะที่อยู่ที่มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ได้ชี้ให้เห็นว่าไมโครพลาสติกที่มีอยู่ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม สามารถเป็นตัวนำพาหรือ "พาหะ" ของสารเคมีอันตรายเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ โดยสารเคมีเหล่านี้จะซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือด และสะสมอยู่ในร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนอาจก่อให้เกิดอันตรายได้หากได้รับสัมผัสอย่างต่อเนื่อง

แม้หลายประเทศจะมีมาตรการควบคุมหรือห้ามใช้สารเคมีบางชนิดที่พบว่าส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ทำให้เกิดความเสียหายต่อตับและระบบประสาท เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็ง และส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ แต่สารพิษหลายชนิดที่ใช้เป็นสารหน่วงการติดไฟและสารพลาสติก ก็ยังคงมีอยู่ในสิ่งแวดล้อม โดยตกค้างอยู่ในผลิตภัณฑ์เก่าๆ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ พรม และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งอาจทำให้มนุษย์สัมผัสสารเคมีเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะผ่านไมโครพลาสติกในสิ่งแวดล้อม


วิธีวิจัย การดูดซึมของไมโครพลาสติก

ในการศึกษาวิจัยนี้ ทีมนักวิจัยได้ใช้แบบจำลองผิวหนังมนุษย์ 3 มิตินวัตกรรมใหม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นทางเลือก แทนที่จะใช้สัตว์ทดลองหรือเนื้อเยื่อมนุษย์แบบดั้งเดิม โดยนำแบบจำลองไปสัมผัสกับไมโครพลาสติกที่มีสารโพลีโบรมิเนเต็ด ไดฟีนิล อีเทอร์ (PBDE) ซึ่งเป็นสารหน่วงไฟที่พบได้ทั่วไป เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ก่อนจะวัดผลการดูดซึมสารเคมี

"ผลการทดลองพบว่า ผิวหนังสามารถดูดซึมสารเคมีที่มีอยู่ในไมโครพลาสติกได้สูงถึง 8% โดยระดับการดูดซึมจะแปรผันตามความชุ่มชื้นของผิวหนัง กล่าวคือ ผิวที่มีความชุ่มชื้นมากกว่าจะดูดซึมสารเคมีได้ในอัตราที่สูงกว่า"

ดร. Mohamed Abdallah รองศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ระบุว่าการค้นพบนี้ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่จะช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลและผู้กำหนดนโยบายปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับไมโครพลาสติก รวมถึงปกป้องสุขภาพของประชาชนจากการสัมผัสสารอันตราย

งานวิจัยนี้ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดการกับแหล่งกำเนิดและผลกระทบของไมโครพลาสติก ซึ่งกลายเป็นสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมที่พบได้ทั่วทุกมุมโลก แม้กระทั่งในบริเวณขั้วโลก

ที่มา
Innovation News Network
PHOTO : REUTERS



https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/849935

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:35


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger