![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
Dragon 12 : ว่าวใต้น้ำ ปั่นไฟฟ้าจาก ?คลื่นในทะเล? ผลิตพลังงานสะอาด SHORT CUT - พลังงานคลื่นในทะเล กำลังเป็นแหล่งพลังงานทดแทนที่น่าสนใจ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น - Dragon 12 คือว่าวใต้น้ำจากบริษัทสวีเดน ที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมพลังงานจากกระแสน้ำ ผลิตไฟฟ้าสะอาด โดยทำงานคล้ายว่าวบินเป็นรูปเลขแปดใต้ทะเล - Dragon 12 มีบทบาทสำคัญในแผนใช้ไฟฟ้าสะอาด 100% ของหมู่เกาะแฟโร ด้วยการผลิตไฟฟ้าถึง 1.2 เมกะวัตต์ ![]() ความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้แต่ละประเทศพยายามแสวงหาพลังงานทดแทนราคาถูกมาผลิตกระแสไฟฟ้า นอกจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์แล้ว "พลังงานจากคลื่นในทะเล" ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่กำลังได้รับการจับตามองมากขึ้น Minesto บริษัทสตาร์ทอัพจากสวีเดนได้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่ชื่อว่า Dragon 12 ซึ่งเป็นว่าวใต้น้ำที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้พลังงานจากกระแสน้ำในมหาสมุทรมาผลิตกระแสไฟฟ้าสะอาดได้อย่างยั่งยืน ในช่วงเวลาที่ความต้องการพลังงานไฟฟ้ากำลังเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก หลายประเทศกำลังมองหาแหล่งพลังงานทดแทนที่มีราคาย่อมเยาเพื่อนำมาผลิตกระแสไฟฟ้า นอกเหนือจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว พลังงานจากคลื่นในมหาสมุทรก็กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ว่าวใต้น้ำคืออะไร? ลองจินตนาการถึงว่าวที่บินอยู่ในอากาศ เป็นรูปแบบเลขแปด ซึ่งหลักการทำงานของ Dragon 12 คล้ายกับว่าวที่ลอยอยู่ในอากาศ โดยจะเคลื่อนที่เป็นรูปเลขแปดเช่นกัน แต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นมันกำลังดำดิ่งลงสู่ใต้ท้องทะเล การเคลื่อนที่ในลักษณะนี้จะทำให้น้ำไหลผ่านปีกของมันด้วยความเร็วสูง ซึ่งจะไปหมุนกังหันที่ติดอยู่ เพื่อเปลี่ยนพลังงานจลน์ของน้ำให้กลายเป็นพลังงานกล แล้วส่งต่อไปยังเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 1.2 เมกะวัตต์ จากนั้นไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกส่งผ่านสายเคเบิลไปยังสถานีบนฝั่ง และถูกรวมเข้ากับระบบสายส่งไฟฟ้าหลักเพื่อจ่ายให้กับบ้านเรือนและธุรกิจต่างๆ Martin Edlund ซีอีโอของ Minesto กล่าวว่า เป้าหมายของบริษัทคือการสร้างโลกที่พลังงานหมุนเวียนมีความยั่งยืนและคุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งการที่ ว่าวใต้น้ำ Dragon 12 สามารถลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลงได้ ก็แสดงให้เห็นว่าเรากำลังเข้าใกล้เป้าหมายนี้มากขึ้นทุกที และจะทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดในราคาที่ถูกลงได้ในอนาคต การทำงานของว่าวใต้น้ำ Dragon 12 การเคลื่อนไหว: Dragon 12 ได้รับการออกแบบให้บินในรูปแบบเลขแปดใต้น้ำ คล้ายกับว่าวเคลื่อนที่ในอากาศ การเคลื่อนไหวนี้จะทำให้น้ำไหลผ่านปีกเร็วขึ้น การแปลงพลังงาน: ขณะที่น้ำไหลผ่านปีก มันจะหมุนกังหันที่ติดอยู่กับว่าว กังหันนี้จะแปลงพลังงานจลน์ของน้ำที่กำลังเคลื่อนที่เป็นพลังงานกล การผลิตไฟฟ้า: พลังงานกลจากกังหันจะถูกแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า ผลิตไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 1.2 เมกะวัตต์ การรวมระบบกริด: ไฟฟ้าที่สร้างโดย Dragon 12 จะถูกส่งผ่านสายเคเบิลไปยังสถานีบนบก จากนั้นจะรวมเข้ากับระบบกริดแห่งชาติ ทำให้พร้อมใช้งานสำหรับบ้านและธุรกิจที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หมู่เกาะแฟโรซึ่งตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะใช้ไฟฟ้าสะอาด 100% ภายในปี ค.ศ. 2030 ซึ่ง ว่าวใต้น้ำ Dragon 12 ถือเป็นตัวละครสำคัญที่จะช่วยผลักดันแผนการนี้ให้เป็นจริง ควบคู่ไปกับแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ เช่น ลม แสงอาทิตย์ และน้ำตก ที่มีอยู่ในหมู่เกาะอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Dragon 12 จะมีการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมและมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ยังมีข้อกังวลบางประการ เช่น ความน่าเชื่อถือในระยะยาว และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล ซึ่ง Minesto จำเป็นต้องศึกษาและปรับปรุงเทคโนโลยีนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานคลื่นในมหาสมุทรเป็นไปอย่างยั่งยืนจริงๆ ที่มา :Foxnews PHOTO : Minesto
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
เม.ย. 2024 ร้อนสุดเป็นประวัติการณ์ อุณหภูมิน้ำทะเลโลกก็ร้อนสุดเช่นกัน ![]() ไม่แปลกใจที่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประเทศไทยของเราจะเผชิญกับอากาศร้อนจัดจนผู้คนล้มป่วย เพราะหน่วยงานด้านสภาพอากาศของสหภาพยุโรปยืนยันแล้วว่า ในเดือนเมษายนปี 2024 เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกสถิติมา (โลกร้อน) สำนักงานสภาพอากาศโคเปอร์นิคัสของสหภาพยุโรป ยืนยันว่า เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดนับตั้งแต่เคยมีการบันทึกข้อมูลเอาไว้ เช่นเดียวกับอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลโลกก็ร้อนขึ้นเช่นกัน โดยอากาศบนโลกของเราร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตลอด 11 เดือนที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น อุณหภูมิแต่ละเดือนก็ร้อนขึ้นทุบสถิติใหม่ตลอด บรรดานักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สภาพอากาศแปรปรวนสุดโต่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นในหลายประเทศของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งทำให้ทั้งฟิลิปปินส์และกัมพูชาต้องสั่งงดการเรียนการสอนในห้องเรียน เพื่อรักษาสุขภาพของนักเรียนไว้ นอกจากนี้ อากาศยังร้อนจัดจนเป็นอันตรายในอินเดียและบังกลาเทศด้วย รายงานยังระบุว่า 12 เดือนที่ผ่านมานับจนถึงสิ้นสุดเดือนเมษายนปี 2024 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในระยะเวลา 12 เดือน โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยในยุคก่อนอุตสาหกรรม 1.61 องศาเซลเซียส การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เป็นสาเหตุหลักของปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปรากฏการณ์เอลนีโญ่ ซึ่งทำให้น้ำทะเลแถบมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกอุ่นขึ้น ก็ยิ่งทำให้อุณหภูมิโลกร้อนขึ้นด้วย สำนักข่าวบีบีซียังรายงานว่า อุณหภูมิน้ำทะเลโลกร้อนขึ้นทำลายสถิติใหม่ในทุกวันตลอดระยะเวลา 11 เดือนที่ผ่านมาด้วยมหาสมุทรทั่วโลกเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สำคัญ แต่ปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญต่างเป็นกังวล เพราะมีหลักฐานต่างๆมากมายที่แสดงให้เห็นว่า มหาสมุทรโลกกำลังย่ำแย่ เพราะอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลกำลังร้อนขึ้น นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2023 ที่ผ่านมา อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลทั่วโลกเริ่มอุ่นขึ้น และทำลายสถิติสูงสุดครั้งใหม่ในเดือนสิงหาคมปี 2023 นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2024 ที่ผ่านมา อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลก็ทุบสถิติใหม่ค่าเฉลี่ยรายวันที่ 21.09 องศาเซลเซียส ปัญหาน้ำทะเลร้อน ซึ่งเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ กำลังส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลโลก โดยทำให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวหมู่ครั้งใหญ่ในหลายจุดทั่วโลก ซึ่งปะการังนับเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของระบบนิเวศน์ทะเล เป็นบ้านของสัตว์ทะเลจำนวนมาก ข้อมูลจาก : bbc , REUTERS https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/850136
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|