เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 20-05-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


'ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์' ในชั้นบรรยากาศ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - เข้มข้นสูง
.......... โดย กฤตพล สุธีภัทรกุล


KEY POINTS

- ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ล่าสุดสูงเกือบ 427 ส่วนต่อล้านส่วน และอัตราความเร็วของก๊าซคาร์บอนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นสัญญาณร้ายของโลก ที่บอกว่าเรากำลังล้มเหลวในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก

- ระบบนิเวศบนบกทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้นในช่วงปรากฏการณ์เอลนีโญ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของปริมาณฝนและอุณหภูมิที่รูปแบบสภาพอากาศ อีกทั้งสภาพอากาศแห้งแล้งจะส่งให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศพุ่งสูงขึ้นกว่าปรกติ

- อาจต้องใช้เวลามากกว่า 200 ปี กว่าที่ระดับความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์จะลดลงต่ำกว่า 400 ส่วนในล้านส่วน แม้ว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะลดลงใกล้ศูนย์ภายในปี 2100 ก็ตาม




องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ หรือ NOAA พบว่า ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเดือนมีนาคม 2024 สูงขึ้น 4.7 ส่วนต่อล้านส่วน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ที่มีมา อีกทั้งในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2024 ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปีก่อน ๆ

เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้ว ที่สถาบันสมุทรศาสตร์แห่งสคริปส์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในซานดิเอโก ใช้ฐานข้อมูลจากห้องปฏิบัติการในฮาวายของ NOAA เพื่อสร้างเส้นโค้งคีลิง (Keeling Curve) ซึ่งเป็นแผนภูมิที่แสดงความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศทั่วโลกในแต่ละวัน จากข้อมูลพบว่าอัตราความเร็วของก๊าซคาร์บอนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นสัญญาณร้ายของโลก ที่บอกว่าเรากำลังล้มเหลวในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก

ราล์ฟ คีลิง ผู้อำนวยการโครงการศึกษาก๊าซคาร์บอนของสถาบันสมุทรศาสตร์แห่งสคริปส์ กล่าวว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ปริมาณและความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรชากาศเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

"เพราะว่าทุกวันนี้ เราใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ"


ระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปรกติแล้วระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม จากนั้นจะลดลงจนสู่ระดับต่ำสุดในเดือนสิงหาคม-กันยายน โดยก๊าซคาร์บอนจะลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศเป็นเวลาหลายร้อยปี ทำหน้าที่กักเก็บและดูดกลืนความร้อน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิด ?ภาวะเรือนกระจก? ตั้งแต่ที่มนุษย์หันมาใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ทั้งน้ำมันและถ่านหิน ก๊าซคาร์บอนก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยมา

นั่นหมายความว่า เส้นโค้งคีลิงจะถึงจุดสูงสุดใหมใหม่ในทุกเดือนพฤษภาคมของทุกปี ซึ่งค่าสูงสุดในแต่ละปี ทำให้เกิดความกังวลว่าแผนภูมินี้จะสูงชันขึ้นเรื่อย ๆ โดยค่าล่าสุดอยู่ที่เกือบ 427 ส่วนต่อล้าน ซึ่งสูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมมากกว่า 50% และสูงสุดในรอบอย่างน้อย 4.3 ล้านปี ตามข้อมูลของ NOAA

ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศทะลุ 400 ส่วนในล้านส่วนเป็นครั้งแรกในปี 2557 นักวิทยาศาสตร์กล่าวในปี 2559 ว่าระดับดังกล่าวไม่น่าจะลดลงต่ำกว่าเกณฑ์นั้นได้อีกในอีกช่วงหนึ่งอายุคน และนับตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทั่วโลกเพิ่มขึ้น 5% ทุกปีตามข้อมูลของสถาบันสมุทรศาสตร์แห่งสคริปส์

แผนภูมินี้ตั้งชื่อตาม ชาร์ลส์ เดวิด คีลิง พ่อของราล์ฟ คีลิง ผู้ริเริ่มบันทึกความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศบนยอดภูเขาไฟภูเขาไฟเมานาโลอา ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1950 นับเป็นความพยายามครั้งแรกในการตรวจวัดก๊าซที่ทำให้โลกร้อน และช่วยเตือนนักวิทยาศาสตร์ให้ทราบถึงความเป็นจริงของภาวะเรือนกระจกที่ทวีความรุนแรงขึ้น และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อโลก

ข้อมูลนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอเรกอนสเตท ในสหรัฐ และมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูส์ จากสกอตแลนด์ ที่ได้ทำการวิเคราะห์ทางเคมีน้ำแข็งแอนตาร์กติกโบราณโดยอย่างละเอียด จนพบว่า อัตราการเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศในปัจจุบันเร็วกว่า ในช่วง 50,000 ปีที่ผ่านมาถึง 10 เท่า


"เอลนีโญ" ทำให้ก๊าซคาร์บอนเพิ่มขึ้นอยู่นานขึ้น

ในแต่ละปี ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นในปริมาณที่ไม่เท่ากัน โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คือ "ปรากฏการณ์เอลนีโญ" ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ทำให้อุณหภูมิน้ำแนวเส้นศูนย์สูตรในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกและตอนกลางอุ่นกว่าค่าเฉลี่ย ส่งผลให้รูปแบบสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดความร้อนจัด น้ำท่วม และความแห้งแล้งในหลายภูมิภาคทั่วโลก

ป่าเขตร้อนทำหน้าที่เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนชั้นดี เพราะป่าเหล่านี้จัดเป็นป่าประเภทไม่ผลัดใบ เป็นป่าที่มีสีเขียวตลอดทั้งปี แต่ความแห้งแล้งที่เกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญในพื้นที่เขตร้อน รวมถึงอินโดนีเซียและทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ ส่งผลให้ป่าเหล่านี้กักเก็บคาร์บอนได้น้อยลง

นอกจากนี้ คีลิงกล่าว ระบบนิเวศบนบกทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้นในช่วงปรากฏการณ์เอลนีโญ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของปริมาณฝนและอุณหภูมิที่รูปแบบสภาพอากาศ อีกทั้งสภาพอากาศแห้งแล้งจะส่งให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศพุ่งสูงขึ้นกว่าปรกติ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงท้ายของปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ของ NOAA กล่าวว่ามีแนวโน้มที่เอลนีโญจะสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคมนี้

ข้อมูลจาก NOAA พบว่า ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2023 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของปริมาณก๊าซคาร์บอนในช่วงทศวรรษ 1960 ถึง 5 เท่า และมากกว่าปี 2010 อยู่ 2 เท่า ขณะที่ปี 2016 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายสถิติ ก็เป็นปีที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์

อาร์ลิน แอนดรูว์ นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศของ NOAA กล่าวว่าต้องใช้เวลาประมาณ 40 ปี กว่าที่ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์จะลดลง แม้ว่าเราจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงแล้วก็ตาม เนื่องจากวัฏจักรคาร์บอนของโลกอยู่นอกสมดุลตามธรรมชาติ พืช ดิน และมหาสมุทรจึงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนเกินออกไปเพื่อตอบสนองต่อการลดการปล่อยก๊าซของมนุษย์

แอนดรูว์คาดว่า อาจต้องใช้เวลามากกว่า 200 ปีกว่าที่ระดับความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์จะลดลงต่ำกว่า 400 ส่วนในล้านส่วน แม้ว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะลดลงใกล้ศูนย์ภายในปี 2100 ก็ตาม

ในวัฏจักรคาร์บอนตามธรรมชาติ คาร์บอนจะไหลผ่านอากาศ ดิน น้ำ พืชและสัตว์ และในที่สุดก็ไหลลงสู่ตะกอนในมหาสมุทรลึกและสะสมเป็นฟอสซิลที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน โดยการเคลื่อนที่ของคาร์บอนทั่วทั้งระบบ ช่วยควบคุมอุณหภูมิของโลกของเรา ต่างจากบนดาวศุกร์ตรงที่คาร์บอนไดออกไซด์เป็นส่วนประกอบในชั้นบรรยากาศส่วนใหญ่ ทำให้พื้นผิวดาวเคราะห์ดวงนั้นร้อนจัด

แต่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของมนุษย์ทำให้ระบบนั้นไม่สมดุล แอนดรูว์กล่าวว่ามันเหมือนกับการทิ้งขยะลงในกองขยะมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าขยะจะน้อยลง แต่มันยังคงกองอยู่ ไม่ได้หายไปไหน

ที่มา: Independent, The Washington Post


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1127379
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 20-05-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


อช.หมู่เกาะพีพี ปักธงเตือน ระวัง "พะยูน" ขอลดความเร็ว-ระมัดระวังเดินเรือ

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ วางทุ่นชะลอ?ความ?เร็วเรือ วอนขอความร่วมมือ?ระมัดระวัง?ในการเดินเรือ? เพื่อร่วมด้วยช่วยกันดูแล?พะยูน?ใน?พื้นที่?ฯ



วันนี้ (19 พ.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2567 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ได้วางแนวทุ่นชะลอความเร็วเรือ บริเวณอ่าวทึง หมู่ที่ 4 ต.อ่าวนาง และบริเวณอ่าวน้ำเมา หมู่ที่ 5 ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติฯ

เจ้าหน้าที่ได้วางแนวทุ่นชะลอความเร็วเรือ จำนวน 25 ทุ่น ความยาวตลอดแนวทุ่น 5.8 กม.ครอบคลุมพื้นที่หญ้าทะเล 1,168 ไร่ เพื่อขอความร่วมมือจากเรือนำเที่ยวของผู้ประกอบการ เรือประมง และประชาชนที่ใช้ยานพาหนะในการสัญจรทางน้ำ เดินเรือในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ด้วยความระมัดระวัง โดยให้เดินเรือตามแนวร่องน้ำหลัก และงดการเดินเรือในบริเวณแหล่งหญ้าทะเล

หากจำเป็นต้องเดินเรือผ่านแนวเขตหญ้าทะเล และพื้นที่เสี่ยงในการอพยพเคลื่อนย้ายพะยูน ให้ใช้ความเร็วเรือไม่เกิน 3 นอต และไม่เกิน 20 นอต ในพื้นที่ชายฝั่งที่เป็นเขตการแพร่กระจายของพะยูน?? เพื่อ?ร่วม?ด้วย?ช่วยกัน? ดูแล?พะยูน?และ?สัตว์?ทะเล?หา?ยาก?ในพื้นที่?ต่อไป

ขณะที่ วานนี้ (18 พ.ค.67) อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้สำรวจและติดตามพฤติกรรมพะยูน บริเวณหาดนพรัตน์ธารา โดยใช้วิธีการบินสำรวจ (Aerial Survey) จากอากาศยานไร้คนขับ (UAV-drone) การสำรวจเบื้องต้น พบพะยูน จำนวน 3 ตัว เป็นพะยูน ตัวเต็มวัย จำนวน 2 ตัว และลูกพะยูน จำนวน 1 ตัว ซึ่งจากการสังเกตด้วยสายตา พบว่าพะยูนแสดงพฤติกรรมว่ายน้ำหาอาหารบริเวณที่มีแหล่งหญ้าทะเล โดยมีลูกพะยูนตัวน้อย ว่ายน้ำเคียงข้าง

ทั้งนี้อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ออกประกาศอุทยานแห่งชาติว่าด้วย "มาตรการและข้อปฏิบัติในการอนุรักษ์พะยูนและแหล่งหญ้าทะเล" ฉบับลงวันที่ 11 พ.ค.67 ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการนำเที่ยว ประชาชน และนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยานพาหนะในการสัญจรทางน้ำให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ และชะลอความเร็วเรือลงขณะเข้าปากร่องน้ำ หรือเข้าใกล้พื้นที่แหล่งหญ้าทะเล ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีทุ่นติดธงสีเหลืองแสดงสัญลักษณ์แนวเขตชะลอความเร็วเรือ อยู่บริเวณขอบเขตแหล่งหญ้าทะเล สำหรับพื้นที่ที่มีแหล่งหญ้าทะเล ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 3 นอต และไม่เกิน 20 นอต ในพื้นที่ชายฝั่งที่เป็นเขตการแพร่กระจายของพะยูน

สำหรับ ลูกพะยูน นั้น ต้องอาศัยน้ำนมแม่เป็นอาหารหลัก หากแม่พะยูนตายหรือพลัดหลงกับลูก ในขณะที่ลูกพะยูนยังตัวเล็กมาก ลูกพะยูนจะไม่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ในธรรมชาติได้


https://www.thaipbs.or.th/news/content/340140

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:46


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger