![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ยูเอ็นคาด 'เอลนีโญ' จะเปลี่ยนเป็น 'ลานีญา' ปีนี้! ![]() องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) คาดการณ์ สภาพอากาศเอลนีโญที่ทำให้เกิดเหตุรุนแรงอย่างไฟป่าและไซโคลนเขตร้อน จะเปลี่ยนเป็นลานีญาที่อากาศเย็นลงในปีนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานถ้อยแถลงจาก WMO มีโอกาส 60% ที่ลานีญาจะเริ่มส่งผลระหว่าง ก.ค.-ก.ย. และมีโอกาส 70% ที่จะเกิดขึ้นระหว่างเดือน ส.ค.-พ.ย. "การสิ้นสุดเอลนีโญไม่ได้หมายความว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในระยะยาวจะสิ้นสุดลง โลกเรายังร้อนต่อเนื่องเพราะก๊าซเรือนกระจกที่กักความร้อนเอาไว้ อุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่สูงผิดปกติยังคงมีบทบาทสำคัญในช่วงหลายเดือนข้างหน้า" นางโค แบร์เร็ตต์ รองเลขาธิการ WMO กล่าว ตามข้อมูลของ WMO เก้าปีที่ผ่านมาเป็นที่ร้อนสุดเป็นประวัติการณ์ แม้มีความเย็นบ้างจากปรากฏการณ์ลานีญาระหว่างปี 2563-ต้นปี 2566 เอลนีโญเป็นปรากฏการณ์ที่ผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกและตอนกลางอุ่นขึ้น ส่วนลานีญาเป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในแถบเส้นศูนย์สูตรของแปซิฟิกเย็นลง ทำให้เกิดน้ำท่วมและความแห้งแล้ง https://www.bangkokbiznews.com/world/1129707
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
ผู้ว่าฯสงขลา ชี้แจง ถูกแจ้ง ม.157 ปล่อยให้กลุ่มประมงโพงพาง ทำผิดกฎหมาย ผู้ว่าฯสงขลา แจงกรณีถูกแจ้งความมาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้ "กลุ่มประมงโพงพาง" ทำผิดกฎหมาย ยันไม่มีใครอนุญาตให้ทำผิดกฎหมายได้ ส่วนข้อเสนอขอทะเลสาบสงขลาเป็น "เขตประมงพิเศษ" ไม่ใช่อำนาจจังหวัด เป็นเรื่องเชิงนโยบาย ![]() วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 กรณีที่นายสมโภช โชติชูช่วง อายุ 65 ปี อดีตรองผู้ว่าราชการ จ.กระบี่ ได้เข้าแจ้งความกับที่สถานีตำรวจภูฦธรเมืองสงขลา เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ประมงจังหวัด ผอ.เจ้าท่าจังหวัดสงขลา และผู้กำกับการกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ (จังหวัดสงขลา) ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนจังหวัดสงขลา จากการที่ปล่อยให้ชาวประมงโพงพางใช้เครื่องมือทำประมงผิดกฎหมายกีดขวางในพื้นที่ทะเลสาบสงขลา และการปล่อยปละละเลยให้กลุ่มผู้ทำโพงพางมีการชุมนุมปิดท่าแพขนานยนต์เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 67 รวมถึงรับข้อเสนอที่จะทะเลสาบสงขลาเป็นเขตประมงพิเศษนั้น นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า รับทราบเรื่องที่ถูกแจ้งความกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อยากจะชี้แจงข้อมูลความเป็นมาว่า ตนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีใครอนุญาตให้กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายได้ วิธีการทำงานของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน แต่ยังมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการรื้อโพงพาง การจัดระเบียบทะเลสาบสงขลา แต่กว่าจะสำเร็จอาจต้องใช้เวลา จะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ กรณีที่ทางกลุ่มผู้ประท้วงเสนอว่า เมื่อจัดระเบียบทะเลสาบสงขลา จะขอทำ "เขตประมงพิเศษ" นั้น เรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของจังหวัด ทางจังหวัดจะนำเสนอไปเชิงนโยบาย นายสมนึกกล่าวต่อไปว่า ขอเล่าย้อนกลับไปกรณีปัญหาโพงพางที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้มีข้อร้องเรียนมาจากหลายภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากชาวประมงโพงพางที่ทำผิดกฎหมาย หลังจากนั้นประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ได้มีการเชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ดูแลเรื่องความมั่นคง อัยการจังหวัด ตำรวจภูธร ซึ่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาติดภารกิจ มอบให้ รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา มา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประมงจังหวัดฯ เจ้าท่าภูมิภาคฯ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) พูดคุยกันหลายประเด็นว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรให้ยั่งยืน และดูแลเรื่องผลกระทบต่าง ๆ ในอดีตเคยมีการรื้อโพงพางไป 2 ครั้ง สุดท้ายกลับมาเหมือนเดิม และมีการกระทบกระทั่งกับกลุ่มโพงพางที่ทำผิดกฎหมาย อัยการจังหวัดเคยแนะนำว่า ในการแก้ไขปัญหาให้ยั่งยืน และลดผลกระทบในเรื่องการปะทะกัน ให้ใช้กฎหมายทั่วไป ให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตามกฎหมายประมง เจ้าท่าไปดำเนินการในเรื่องของการแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อจะรวบรวมพยานหลักฐานนำเข้าสู่ศาล เพื่อใช้กระบวนการยุติธรรมปกติ ให้ศาลได้มีคำสั่งในการรื้อถอน หรือมีประเด็นอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นดุลยพินิจของทางศาล หลังจากนั้นประมงได้มีการประกาศให้รื้อถอนโพงพาง ซึ่งในข้อเท็จจริงทราบกันอยู่แล้วว่า กลุ่มที่ทำโพงพางผิดกฎหมายคงไม่รื้อ เพื่อนำไปสู่กระบวนว่า เมื่อประมงออกคำสั่งให้รื้อถอน ซึ่งถือเป็นคำสั่งทางการปกครองจะได้ใช้คำสั่งตัวนี้นำไปประกอบในเรื่องของการแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ปรากฏว่า พอประมงจังหวัดออกคำสั่ง นายเดชอิศม์ ขาวทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอตัวเข้ามาเพื่อเป็นแกนกลางในการไกล่เกลี่ยกับชาวประมงในเรื่องการรื้อถอนโพงพาง ขอเวลา 90 วัน การไกล่เกลี่ยไม่สามารถตกลงกันได้ ประมงจังหวัดกับเจ้าท่าได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อที่จะให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามที่ได้มีการวางแผนไว้แต่แรก เพราะฉะนั้น การแก้ไขปัญหา เป้าหมายเดียวกันคือ การรื้อถอนโพงพางที่ผิดกฎหมายออก แต่ใช้วิธีการแตกต่างกัน ดำเนินการตามกฎหมายในการแก้ไขปัญหา ในขณะเดียวกัน ไม่ได้มีความประสงค์จะให้กำลังของเจ้าหน้าที่ไปปะทะกับชาวบ้าน จึงใช้ช่องทางของกระบวนการยุติธรรม และส่วนหนึ่งเพื่อที่จะให้ในระดับนโยบายได้พิจารณาดูแลในเรื่องผลกระทบ ได้ทำหนังสือในนามของจังหวัดสงขลา ถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงทั้ง 2 กระทรวง อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมเจ้าท่า ใจความโดยสรุป 1.ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด 2.การดูแลผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นทั่วกัน เป้าหมายคือ แก้ไขปัญหาแล้วให้จบจริง ๆ และยั่งยืน หลังจากนั้น วันเสาร์ที่ 25 พ.ค. 67 ตำรวจน้ำไปพบผู้ที่ทำการประมงโดยผิดกฎหมาย 2 รายซึ่งหน้า จึงได้ดำเนินการจับกุมนำเข้าสู่กระบวนการ พอเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 พ.ค. 67 ได้มีชาวประมงโพงพางออกมาปิดท่าแพขนานยนต์ และก็เรียกร้องให้ผู้ว่าฯลงไปพบ ผมบอกผมไม่ลงไปพบคนกลุ่มใหญ่ 100 คน คุย 100 เรื่องไม่จบ เลยมอบหมายให้นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ตำรวจภูธรจังหวัด ประมงจังหวัด ฯลฯ และบอกถ้าต้องการคุยกับผู้ว่าฯให้ส่งตัวแทนมา พอพูดคุยตกลง เงื่อนไข 2 ข้อ 1.ขอประกันตัวบุคคล 2.ประกันเรือ เร่งรัดให้ทำประกันไป ส่วนเรื่องการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่มีใครไปบอกให้ทำได้ ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง "ในตอนเย็นผู้ประท้วงยังปิดแพขนาดยนต์ ทางตำรวจได้ออกประกาศห้ามการชุมนุม และให้เลิกชุมนุมในตอนเย็นวันนั้น แต่ผู้ชุมนุมก็ยังไม่เลิก ถึงตอนกลางคืนทางฝ่ายผู้ชุมนุมก็ยังตกลงกันได้ไม่เบ็ดเสร็จ ส่วนหนึ่งก็อยากส่งตัวแทนมาพบผู้ว่าฯ อีกส่วนหนึ่งก็อยากให้ผู้ว่าฯ ลงไปพบ ผมก็ยืนยันเหมือนเดิมถ้าอยากคุยก็จัดส่งตัวแทนมา สุดท้ายผมบอกกับทางผู้ที่ประสานงานไปว่า พรุ่งนี้ผมให้เวลาแค่ 09.00 น. ถ้าไม่มาก็ไม่คุยด้วยแล้ว ผมก็กลับไปพักผ่อน เช้ามา ผบก.ภ.จว.สงขลา นายเศวต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ฝ่ายประชาสัมพันธ์มานั่งกันที่ห้องทำงาน ก็หารือกัน ถ้าผู้ประท้วงไม่เลิกชุมชนจะให้ศาลสั่งสลายการชุมนุม แต่ปรากฏว่าใกล้ 08.00 น. นายอำเภอ โทร.มาหาว่าผู้ชุมนุมยอมเปิดทางให้รถลงแพขนานยนต์แล้ว และขอพบผู้ว่าฯ ก็เลยมานั่งคุยกัน เรื่องประกันคน และประกันเรือก็ได้ไปแล้ว ส่วนเรื่องการกระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่มีใครไปบอกให้กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายได้ ใครก็อนุญาตไม่ได้ ทั้งนี้ ทางกลุ่มผู้ประท้วงมีประเด็นเพิ่มเติมที่ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ทั้งให้เจ้าท่าภูมิภาค กำหนดร่องน้ำให้ชัดเจน รวมถึงเมื่อจัดระเบียบทะเลสาบสงขลา แล้วผู้ประท้วงจะขอทำ "เขตประมงพิเศษ" นั้น "ผมก็บอกเรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของจังหวัด ทางจังหวัดจะนำเสนอไปเชิงนโยบาย รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ หลังจากนั้นกลุ่มชาวประมงก็กลับไป แต่สุดท้ายวานนี้ (30 พ.ค. 67) ก็มีคนส่งข่าวว่า มีการแจ้งความผม ทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงในการดำเนินการเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน" https://www.prachachat.net/local-economy/news-1576617
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
ขยะล้นโลก ไร้วิธีจัดการ ขยะมากถึง 1 ใน 5 ของโลกอยู่ในอาเซียน SHORT CUT - ในแต่ละปี มนุษย์ทั่วโลกสร้างขยะมากถึง 2.12 พันล้านตัน แต่กลับมีการบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสม - ขยะส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ถูกนำไปทิ้งตามบ่อทิ้งขยะ หรือทิ้งตามแม่น้ำ และในท้ายที่สุด พวกมันก็ลอยไปอยู่ในทะเล - หากมนุษย์เราไม่ช่วยเหลือกันอย่างจริงจัง คำกล่าวที่ว่า "ขยะล้นโลก" ก็คงจะเกิดขึ้นในอนาคต ![]() ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหา "ขยะล้นโลก" เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเกิดจากการใช้ทรัพยากรในการอุปโภค-บริโภคของมนุษย์ ร่วมรณรงค์เร่งแก้ปัญหาขยะเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน ในแต่ละปี มนุษย์ทั่วโลกสร้างขยะมากถึง 2.12 พันล้านตัน แต่เรากลับมีการบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสม โดยขยะส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ถูกนำไปทิ้งตามบ่อทิ้งขยะ หรือทิ้งตามแม่น้ำ และในท้ายที่สุด พวกมันก็ลอยไปอยู่ในทะเล แต่ปัญหาขยะจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นในประเทศที่มีฐานะไม่ร่ำรวย ดังนั้นหากมนุษย์เราไม่ช่วยเหลือกันอย่างจริงจัง คำกล่าวที่ว่า "ขยะล้นโลก" ก็คงจะเกิดขึ้นในอนาคต ประเทศร่ำรวยขนขยะมาทิ้งที่ประเทศยากจนกว่า เมื่อปลายปี 2021 สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ ประกาศนโยบายที่ตั้งเป้าว่า สหรัฐฯจะต้องมีอัตราการรีไซเคิลขยะให้ได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2030 โดยตัวเลขเมื่อปี 2018 คาดการณ์ว่า สหรัฐฯสามารถรีไซเคิลขยะได้เพียงแค่ 32 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และมีขยะพลาสติกเพียงแค่ 8.7 เปอร์เซ็นต์ที่ถูกนำกลับมารีไซเคิลในแต่ละปี ทั้งนี้ เนื่องจากในปี 2018 จีน ซึ่งเป็นประเทศนำเข้าขยะรายใหญ่ ประกาศจะไม่รับขยะพลาสติกจากต่างประเทศมาจัดการอีกแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการลงนามของกว่า 180 ประเทศที่จะใช้มาตรการอันเข้มงวดขึ้น ต่อประเด็นการที่ชาติร่ำรวยจะขนขยะพลาสติกไปทิ้งในประเทศยากจนกว่า อย่างไรก็ตาม แม้จีนจะไม่รับขยะพลาสติกและยังมีข้อตกลงร่วมกันของหลายชาติ แต่ในปี 2021 สหรัฐฯก็ยังคงส่งออกขยะพลาสติก 45 ล้านตันไปทิ้งในต่างประเทศอยู่ดี และมากขึ้นกว่าปี 2020 ด้วย สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา ไอร์แลนด์ และเยอรมนี เคยพึ่งพาประเทศอย่างจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย เคนยา เวียดนาม และตุรกี ในการรีไซเคิลขยะ อย่างไรก็ตาม เมื่อประเทศเหล่านั้นเต็มไปด้วยขยะจำนวนมาก และไม่มีเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ที่จะจัดการขยะรีไซเคิลอย่างเหมาะสม ก็ทำให้ในท้ายที่สุดขยะเหล่านั้นได้รับการจัดการที่ไม่ดี และถูกเผาแทนที่จะถูกนำไปรีไซเคิล ประชากรในอาเซียนกำลังเพิ่มขึ้น ขยะก็เพิ่มตาม ขยะมากถึง 1 ใน 5 ของโลกใบนี้อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนอกจากสาเหตุเรื่องการรับขยะจากต่างประเทศมาจัดการแล้ว อีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ขยะในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็คือ การขยายตัวของเขตเมือง และการขยายตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรามีประชากรเพิ่มขึ้นเกือบ 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นกว่า 690 ล้านคนแล้ว ปัจจัยต่างๆนำมาสู่การบริโภคที่เพิ่มขึ้น และทำให้เกิดการสร้างขยะตามมา ซึ่งขยะเกิดขึ้นได้จากทุกช่องทางการบริโภค ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อของออนไลน์ ที่ต้องมีขยะจากบรรจุภัณฑ์ หรือจะเป็นการซื้อของจากหน้าร้านทั่วไป รายงานยังชี้ว่า กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของขยะที่ลอยลงไปในทะเลมาจากภูมิภาคอาเซียนของเรานี่เอง นอกจากนี้ เรายังมีการจัดการขยะอย่างไม่เหมาะสม โดยพบว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของขยะถ้าไม่ถูกทิ้งในที่ทิ้งขยะ ก็จะถูกนำไปเผา ขยะล้นอินโดนีเซียจนชาวบ้านต้องย้ายบ้านหนี ในอินโดนีเซีย แต่ละวันจะมีขยะมากถึง 7 พันตันมาถึงที่บ่อทิ้งขยะบันตาร์เกบัง ซึ่งมีขนาดความกว้างเท่าสนามฟุตบอลกว่า 200 สนามรวมกัน และมีความสูงกว่าตึก 15 ชั้น โดยบ่อทิ้งขยะแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองเบกาซี ที่นี่รองรับขยะจากกรุงจาการ์ตามานานกว่า 30 ปีแล้ว รอบๆบ่อทิ้งขยะแห่งนี้ก็รายล้อมไปด้วยหมู่บ้านจำนวนมาก ซึ่งมีประชาชนราว 20,000 คนอาศัยอยู่ ปัญหาที่ตามมาก็คือกลิ่นและความสะอาด ส่งผลทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต้องย้ายหนี แต่ประชาชนส่วนใหญ่ที่ยังอาศัยอยู่ก็คือคนที่ประกอบอาชีพเก็บของเก่าขาย บ่อทิ้งขยะบันตาร์เกบังเป็นหนึ่งในบ่อทิ้งขยะที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมันยังคงมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้รัฐบาลพยายามผลักดันให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆย้ายออก เพราะรัฐต้องการขยายพื้นที่ทิ้งขยะ ในแต่ละปี โลกของเราสร้างขยะจากสิ่งทอราว 92 ล้านตัน อีกหนึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือขยะจากสิ่งทอ โดย Fast fashion หรือแฟชั่นตามกระแสที่ได้รับความนิยมกำลังผลักดันให้ปัญหานี้รุนแรงมากขึ้น เราพบเห็นปัญหาขยะเสื้อผ้าจำนวนมากเกลื่อนทะเลทรายอาตากามาของชิลี ซึ่งคาดการณ์ว่า มีเสื้อผ้ามือสองมากถึง 59,000 ตันส่งมาถึงท่าเรือในประเทศชิลี เพื่อให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าได้มาเลือกสินค้าดีๆนำไปขายต่อ แต่เสื้อผ้ามากถึง 39,000 ตันกลับกลายเป็นขยะและถูกนำไปทิ้งในทะเลทราย ปัญหานี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกันในประเทศกานา ซึ่งหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม OR Foundation รายงานว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้ากานานำเข้าเสื้อผ้าถึง 15 ล้านตัวต่อสัปดาห์ แต่ 40 เปอร์เซ็นต์ของสินค้าเหล่านั้นกลายเป็นขยะ เพราะเสื้อผ้าที่สภาพไม่ดีและน่าจะนำไปขายต่อไม่ได้แล้ว จะถูกนำไปทิ้งที่บ่อขยะ และบ่อยครั้งพวกมันก็ลงเอยอยู่ที่ทะเล ก่อให้เกิดปัญหาด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมตามมา กานากลายเป็นประเทศที่นำเข้าเสื้อผ้ามากที่สุดในโลกเมื่อปี 2021 โดยข้อมูลจากหอสังเกตการณ์ความซับซ้อนทางเศรษฐกิจ หรือ OEC ระบุว่า เสื้อผ้าที่กานานำเข้าในปี 2021 นั้นมีมูลค่า 214 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนใหญ่มาจากจีน สหราชอาณาจักรและแคนาดา ที่มา : globalcitizen , eco-business https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/850750
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|