![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ปาฏิหาริย์ เพนกวินญี่ปุ่นแหกกรงหนีออกทะเล 2 สัปดาห์ยังรอดชีวิต ![]() พบตัวแล้ว เพนกวินเพศเมียวัย 6 ปี ที่หายตัวไปในระหว่างการจัดงานอีเวนท์ที่ญี่ปุ่น ที่ภูมิภาคไอจิ ตั้งแต่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีคนแจ้งพบมันว่ายน้ำเล่นอย่างสบายใจอยู่ที่ชายหาด กลายเป็นข่าวโด่งดัง เมื่อเจ้าเพนจัง เพนกวินแอฟริกันเพศเมียวัย 6 ปี ที่เกิดและถูกเลี้ยงดูในสถานที่ปิดโดยมนุษย์มาตลอด หนีหายไปจากที่เก็บตัว ขณะที่มันถูกพามาร่วมในงานอีเวนท์ที่ภูมิภาคไอจิ ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ต่างไร้ความหวังว่ามันจะเอาชีวิตรอดในทะเลเปิดได้ เนื่องจากมันไม่เคยว่ายน้ำในทะเลธรรมชาติ และไม่เคยหาอาหารกินเอง แถมยังไม่เคยฝึกทักษะในการเอาชีวิตรอดยิ่งเวลาผ่านไปนาน โอกาสที่มันจะยังมีชีวิตอยู่ก็ริบหรี่ลงทุกที แต่จู่ๆหลังผ่านมานาน 2 สัปดาห์ ก็มีคนแจ้งข่าวว่าพบตัวมันแล้ว โดยมันว่ายน้ำอย่างร่าเริงบริเวณชายหาดที่ห่างจากจุดที่มันหายตัวไปราว 45 กิโลเมตร และดูเหมือนยังมีสุขภาพดี ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรีบไปตามรับตัวมันกลับมาโดยผลจากการตรวจร่างกายพบว่ามันยังคงแข็งแรงและมีสุขภาพดี แม้ว่าน้ำหนักตัวจะลดลงไปเล็กน้อยก็ตาม โดยคาดว่ามันน่าจะกินปลาและหอยที่มันจับมาเองประทังชีวิต ซึ่งนับว่าเป็นปาฏิหาริย์มากๆ เรียวสุเกะ อิมาอิ ผู้ดูแลเจ้าเพนจังเล่าว่า หลังรู้ว่าเจ้าเพนจังหายตัวไป พวกเขาและทีมก็เริ่มออกตามหาในพื้นที่ใกล้เคียงทันที แต่เนื่องจากมีไต้ฝุ่นขนาดใหญ่เข้ามาทำให้ฝนตกหนักทั่วญี่ปุ่น และเป็นอุปสรรคต่อการค้นหา ทำให้ต้องยุติการค้นหาไป และได้แต่รอคอยว่าปาฏิหาริย์จะมีจริง จนกระทั่งได้พบตัวมันในที่สุด. ที่มา : channelnewsasia https://www.thairath.co.th/news/foreign/2814128
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
เร่งช่วยชีวิตโลมาถูกคลื่นซัดเกยตื้นใกล้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล กระบี่ - เจ้าหน้าที่เร่งช่วยชีวิตปลาโลมา ถูกคลื่นพัดเกยตื้นริมหาดใกล้เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล จ.กระบี่ ล่าสุดช่วยได้ปลอดภัยแล้ว ![]() วันนี้ (13 ก.ย.) จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ เข้าช่วยชีวิตปลาโลมาหนุ่มที่ถูกกระแสคลื่นซัดเข้าฝั่งหน้าสำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ สภาพนอนพลิกหงายท้องเกยตื้นรอความช่วยเหลือ จากการตรวจสอบพบว่าโลมาตัวดังกล่าวไม่มีบาดแผลหรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ร่างกายยังคงแข็งแรง โดย จนท.ต้องช่วยกันค่อยๆ อุ้มประคับประคองด้วยความทุลักทุเล ลงไปในทะเลจุดที่น้ำลึก เพื่อให้โลมาตัวดังกล่าวสามารถว่ายน้ำกลับออกไปในทะเลได้อย่างปลอดภัย เหตุเกิดช่วงของวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล เผยว่า โลมาตัวนี้มีชาวบ้านที่ออกหาหอย ไปพบจึงรีบตามจนท.เข้าช่วยเหลือ ล่าสุดช่วยไว้ปลอดภัย เบื้องต้น คาดว่าออกจากฝูงว่ายมาหากินใกล้ฝั่ง แต่ด้วยสภาพคลื่นที่พัดแรง จึงถูกกระแสคลื่นพัดเข้าฝั่ง พอน้ำลดไม่สามารถว่ายกลับทะเลได้ทัน จึงเกยติดหาดดังกล่าว https://mgronline.com/south/detail/9670000085393
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
"ยางิ" สร้างความเสียหายสาหัส โทษโลกร้อนได้ไหม? SHORT CUT - เฮอริเคน ไต้ฝุ่น และไซโคลน คือพายุที่ได้รับพลังงานจากน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูง ส่งผลให้ระดับความเร็วเพิ่มขึ้น - นักวิทยาศาสตร์พบว่า พายุเหล่านั้นเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ท่ามกลางวิกฤติโลกร้อน - แม้พายุจะอ่อนกำลังลง แต่ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นก็สร้างความเสียหายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด ![]() แม้จะสามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า แต่หลายประเทศในเอเชียก็ยังคงได้รับความเสียหายหนักจากผลกระทบของพายุ "ยางิ" เกินกว่าที่คาดคิด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่า "โลกร้อน" คือปัจจัยสำคัญของภัยพิบัติครั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "ซูเปอร์ไต้ฝุ่นยางิ" ได้ทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้ในฟิลิปปินส์ พัดถล่มทำลายล้างเกาะไหหลำของจีน ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าถล่มทางตอนเหนือของเวียดนาม ทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม น้ำท่วม คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 127 บาดเจ็บหลายร้อยคน ผู้คนนับล้านทั่วภูมิภาคไม่มีไฟฟ้าใช้ และหลายคนจำเป็นต้องอพยพหนีออกจากบ้าน ด้วยความเร็วลมสูงสุดอย่างน้อย 203 กม./ชม. ยางิจึงเป็นพายุไซโคลนเขตร้อนที่ทรงพลังเป็นอันดับสองของโลกจนถึงปีนี้ รองจากพายุเฮอริเคนเบริล และเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในเอเชียปีนี้เช่นกัน อะไรทำให้พายุลูกนี้สร้างความเสียหายรุนแรงเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด "ซูเปอร์ไต้ฝุ่น" เป็นพายุที่มีความรุนแรงเทียบเท่ากับพายุเฮอริเคนระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับที่รุนแรงที่สุด แม้ว่าจะมีชื่อแตกต่างกันไปตามพื้นที่ที่เกิดขึ้น แต่เฮอริเคน ไต้ฝุ่น และไซโคลน ล้วนมีกลไกการหมุนวนขนาดใหญ่ที่ใช้อากาศอุ่นและชื้นเป็นเชื้อเพลิง พวกมันจะเริ่มก่อตัวขึ้นในน่านน้ำเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร บริเวณที่ผิวทะเลมีอุณหภูมิอย่างน้อยราว 27 องศาเซลเซียส โดยปกติพายุหมุนเขตร้อนจะเริ่มอ่อนกำลังลงเมื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่แผ่นดิน เนื่องจากไม่ได้รับพลังงานจากน้ำทะเลอุ่นอีกต่อไป แต่กว่าจะถึงจุดที่พายุสลายตัว มันก็สร้างความเสียหายระดับหายนะในทุกพื้นที่ที่เคลื่อนตัวผ่านไป "โลกร้อน" ทำให้พายุทวีความรุนแรงขึ้น การก่อตัวของพายุสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์พบว่า "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" คือสาเหตุที่ทำให้พายุไต้ฝุ่น พายุเฮอริเคน และพายุไซโคลน มีความรุนแรงขึ้นกว่าปกติ เพราะน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น ยิ่งกลายเป็นพลังงานสำคัญที่ทำให้พายุเพิ่มความเร็วลมได้มากกว่าเดิม บรรยากาศที่อุ่นขึ้นยังกักเก็บความชื้นเอาไว้ ทำให้บริเวณที่เกิดพายุ มีฝนตกหนักมากขึ้น ส่งผลให้พายุยังสามารถเคลื่อนตัวปกคลุมแผ่นดินได้เป็นระยะเวลานาน ขณะที่ระดับน้ำทะเลซึ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็มีบทบาทในการสร้างความเสียหายต่อชุมชนชายฝั่งขณะเกิดพายุเช่นกัน นั่นหมายความว่า หากอุณหภูมิของโลกและน้ำทะเลยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็มีโอกาสที่เราจะได้เผชิญกับซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงมากกว่านี้ในอนาคต ที่มา: euronews https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852731
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#4
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
ไทยเผชิญน้ำท่วมภาคเหนือรุนแรง สะท้อน "ภาวะโลกรวน" SHORT CUT - ภาคเหนือของไทยกำลังเผชิญสถานการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงกว่าปกติ - UNDP ชี้ว่า น้ำท่วมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นผลกระทบจากภาวะโลกรวน - พร้อมย้ำว่าแผนรับมือภาวะโลกรวนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ปัญหา ![]() UNDP ชี้ ไทยเผชิญน้ำท่วมที่รุนแรงผิดปกติ เนื่องจากปัญหา "ภาวะโลกรวน" ซึ่งเป็นต้นเหตุของอากาศแปรปรวน ฝนตก-น้ำท่วม ในเอเชีย แม้สถานการณ์น้ำท่วมจะเป็นสิ่งที่ชาวไทยต้องเผชิญกันมาเนิ่นนาน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายพื้นที่ทั่วประเทศต้องเผชิญกับน้ำท่วมที่รุนแรงผิดปกติ ไม่ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอีกหลายประเทศทั่วเอเชีย โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP ระบุว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดเชียงรายและภาคเหนือของไทย กำลังสะท้อนให้เห็น "ภาวะโลกรวน" ที่ทำให้หลายพื้นที่ต้องเผชิญกับฝนตกหนัก สภาพอากาศแปรปรวน ซึ่งสอดคล้องกับรายงานองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกที่ชี้ว่าโลกรวนทำให้ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเจอกับสภาพอากาศสุดขั้วรุนแรงที่สุดในปี 2023 เช่น ฝนตกหนัก และระดับน้ำของแม่น้ำโขงลดลง ขณะที่รายงานแห่งชาติฉบับที่ 4 ปี 2565 ที่จัดทำโดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ UNDP ชี้ว่า ภาคอีสานและภาคเหนือคือพื้นที่เสี่ยงเผชิญภัยพิบัติหนัก ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ทำให้มีสัตว์สูญพันธุ์ ไปจนถึงการปนเปื้อนในแหล่งน้ำที่นำไปสู่โรคระบาด ข้อมูลยังระบุว่า ไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากภาวะโลกรวน และหนึ่งในอาชีพที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือเกษตรกรไทยกว่า 12 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 6 ของประชากรไทย สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจได้สูงสุดมากกว่า 80,000 ล้านบาทต่อปี ความเสี่ยงเผชิญภัยพิบัติของไทยตอกย้ำว่า แผนการรับมือกับภาวะโลกรวนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ปัญหาผ่านหลายแนวทาง เช่น งบประมาณที่ต้องบูรณาการ นโยบายของทุกภาคส่วน ตั้งแต่มิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องมองโลกรวนเป็นปัจจัยสำคัญในการวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมถึงการปรับแนวทางภาคเกษตรให้ยืดหยุ่นเพื่อเตรียมรับมือความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ที่มา: UNDP https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852749
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
| คำสั่งเพิ่มเติม | |
| เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|