เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #61  
เก่า 03-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



มองออกไปด้านล่างซ้ายมือ มองเห็นบึงน้ำใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยสวนยางพารา ถ้าไปอ่านบทความหรือสารคดีเก่าๆ มักจะบอกว่า ด้านนี้ของภูทอกน้อย จะเป็นป่าหนาทึบ มีสิงสาราสัตว์อาศัยอยู่มากมาย..แต่ขณะนี้..มองๆไป ไม่เห็นภาพเช่นนั้นอีกแล้วค่ะ...






ที่ยังพอจะมองเห็นได้ เห็นจะเป็นภูทอกใหญ่ ซึ่งตั้งตะหง่านอยู่ไม่ไกลนัก หน้าผาที่ทอดยาวออกไป ทำให้เห็นภูทอกใหญ่ได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น..




หน้าผาด้านตะวันออกของภูทอกใหญ่ มีลักษณะคล้ายๆหน้าผาของภูทอกน้อย...แต่สูงชัน และใหญ่กว่ามาก ภูเขาที่เห็นเป็นฉากหลังอยู่ไกลๆ เห็นว่าเป็นภูเขาในเขตลาว...

เท็จจริงเป็นประการใด ไม่ยืนยันนะคะ..



__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 12:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #62  
เก่า 03-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



พ้นจากหน้าผาที่ยื่นยาวออกไป เป็นทางเดินที่ราบเรียบ พอเลี้ยวผ่านมุมหินไป ก็มองเห็นสะพานไม้ขนาดกว้างราว 2 เมตร ยื่นยาวออกมาจากริมผา ลัดเลาะยาวเหยียดออกไป จนสุดเหลี่ยมผา...

เบื้องล่าง..เป็นหุบเหวที่ลึกลงไปกว่าสามร้อยเมตร...อู้ววววว.....หวาดเสียว...






ด้วยน้ำหนักตัวขนาดน้องๆช้างของสองสายและน้องดื้อ เราก้าวเดินขึ้นสะพานห่างๆกัน ด้วยเกรงว่าสะพานจะถล่ม หากเราสามคนจะเดินไปพร้อมหน้าพร้อมตากัน...




เราเดินกันไปช้าๆ..เบาๆ...พยายามชิดหน้าผา..และไม่จับหรือพิงรั้วริมระเบียง ที่ดูแบบบาง

เมื่อมองย้อนกลับไปทางที่เดินผ่านมา ก็เห็นภาพภูทอกใหญ่ดูสวยงาม และดูเหมือนจะอยู่ใกล้ชิด ติดกับภูทอกน้อยมากกว่าที่ควรจะเป็น....





__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 04-05-2012 เมื่อ 05:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #63  
เก่า 04-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



เดินต่อไปอีกหน่อย และมองลงไปอีกนิด...เราได้เห็นภาพ "พุทธวิหาร" ซึ่งเป็นสถานที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ มีลักษณะที่แปลกและน่าอัศจรรย์ หินที่เทินซ้อนอยู่บนหน้าผา ดูคล้ายกับพระธาตุอินทร์แขวนที่ประเทศพม่า ความจริงหินก้อนนี้แยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่แล้ว แต่ไม่ตกลงมา เพราะตั้งอยู่ได้ฉากกับพื้นโลกพอดี

พุทธวิหารนี้ ตั้งอยู่บนชั้นที่ 5 ที่เราเดินไปไม่ถึง แต่การมองจากชั้น 6 ลงไป จะให้มุมมองที่สวยงามกว่า...





มีเรื่องเล่าว่า...ในอดีต ก่อนที่จะมีการสร้างสะพานไม้เชื่อมต่อ บุคคลธรรมดาไม่อาจข้ามมาที่พุทธวิหารได้ เพราะมีหุบเหวขวางกั้น แต่มีบุคคลอยู่ประเภทหนึ่ง ที่สามารถปรากฎตัวที่พุทธวิหารได้ คือพระอรหันต์และท่านผู้ทรงอภิญญา ท่านเหล่านี้จะมาพักผ่อนที่พุทธวิหารเอง โดยการเดินบนอากาศหรือเหาะข้ามมา เพราะต้องการปลีกวิเวกและไม่ให้ใครมารบกวนได้ ดังนั้น หินประหลาดก้อนนี้จึงถูกเรียกว่า พุทธวิหาร ซึ่งแปลว่า สถานที่พักผ่อนของท่านผู้บรรลุแล้ว


ในปัจจุบัน แม้ว่าจะมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหารแล้วก็ตาม แต่นักแสวงบุญทั่วไปก็ไม่อาจเข้าไปสัมผัสพุทธวิหารใกล้ชิดกว่านี้ได้ เพราะทางวัดปิดประตูไว้ เนื่องจากเทวดาที่รักษาพระบรมสารีริกธาตุทนเหม็นกลิ่นสาบมนุษย์ไม่ไหว ทางวัดจึงอนุญาตให้นักแสวงบุญมาได้แค่ปากประตูเท่านั้น...




ขอบคุณข้อมูลจาก...http://www.intaram.org/index.php?lay...2&Id=538979488[/COLOR]
__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 04-05-2012 เมื่อ 06:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #64  
เก่า 04-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default

เขาบอกว่า..ถ้ามาเดินบนสะพานนรก-สวรรค์ ไม่ควรจะมองลงไปข้างล่าง...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้กลัวความสูง เพราะจะทำให้ขาสั่น ใจสั่น เดินต่อไปไม่ได้

แหมมม...คนไม่กลัวความสูงอย่างเรา อดใจไม่ไหวหรอกค่ะ แม้จะหาป่าธรรมชาติไม่ได้แล้ว ความเขียวขจีของสวนยางพารา และบึงน้ำข้างล่าง ดึงดูดสายตาให้สายชลต้องก้มลงไปมอง ด้วยความสุขใจ...






บางช่วงของสะพาน...มีหลังคาสังกะสีกันแดดกันฝน และม้านั่งไม้ให้ผู้มาเยือนได้นั่งกินลมชมวิว หรือให้พระภิกษุสงฆ์ได้นั่งวิปัสนากรรมฐาน





ธรรมชาติที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ช่างสวยงามเหลือเกินค่ะ...

จากการค้นข้อมูลเพิ่มเติม ภาพภูเขาเทือกยาวที่เห็นในภาพ คือ "ภูลังกา" ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ และ อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ภูลังกามีสภาพเป็นภูเขาเรียงซ้อนกันสามลูก ตามแนวเหนือใต้ ขนานกับแม่น้ำโขง สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าดิบเขา ป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ และป่าแดงที่สมบูรณ์ มีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ โดยเฉพาะมีฝูงกามาอาศัยอยู่มาก จึงเรียกกันว่า "ภูรังกา" แล้วเพี้ยนมาเป็น "ภูลังกา" ในที่สุด






ลมโชยพัดผ่านมา...น่านั่งเล่นนอนเล่นจริงๆนะคะ..ขอบอก





__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 12:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #65  
เก่า 04-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default




เห็นข้อความ "แดนสวรรค์" ที่หน้าผาข้างหลังน้องดื้อไหมคะ ฝีมือใครนะ น่าตีมือจริงๆค่ะ..







เราพักชมวิวอยู่ที่นี่กันครู่ใหญ่ที่เดียวค่ะ..







ลมเย็นๆ....เงียบสงบ....อยากจะนั่งอยู่ที่นี่นานๆ..



__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 12:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #66  
เก่า 04-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



สะพานทางเดินด้านตะวันออกเฉียงใต้ของภูทอกน้อย ดูจะง่อนแง่นโงนเงน ไม่ค่อยน่าไว้วางใจเลยค่ะ..





เห็นแล้วต้องค่อยๆเดิน แล้วก็ไม่พยายามไปจับรั้วไม้ริมสะพาน...





มองลงไปข้างล่าง...เห็นเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ เล็กนิดเดียว...




โล่งใจค่ะ...สะพานหมดไป กลายเป็นทางเดินเลาะริมผาไปเรื่อยๆ..



__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 12:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #67  
เก่า 04-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



ถึงเวลาลงจากภูทอกแล้วค่ะ..





การจราจรติดขัดที่ทางลงหน้าปากถ้ำจากชั้น 5 ลงชั้น 4...



__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 12:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #68  
เก่า 04-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



ลงมาถึงชั้นที่หนึ่ง และเดินผ่านประตูออกมาแล้ว เราแวะไปกราบคารวะพระพุทธรูป ที่ตั้งเป็นสง่าอยู่บนลานหน้าประตูทางเข้าภูทอก



เมื่อจะออกจากบริเวณวัด..เราได้แวะชม เจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2529 ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กประดับด้วยหินอ่อนขนาดกว้าง 16 เมตร สูง 31 เมตร....สูงตระหง่าน และสวยงาม อยู่ท่ามกลางแมกไม้ที่ร่มรื่น




ใต้ฐานเจดีย์ ใช้เป็นที่แสดงประวัติ ที่บรรจุอัฐบริขารในสมัยบำเพ็ญสมณธรรม รวมทั้งอัฐิธาตุ และรูปปั้นขนาดเท่าองค์จริงของท่านผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้..






สำหรับประวัติของท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ มีโดยสังเขปดังนี้..

วัดเจติยาศีรีวิหาร (ภูทอก) สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2483 โดยการนำพาของ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ซึ่งได้มาบำเพ็ญเพียรสมณธรรมอยู่ที่ภูวัว อ.เซกา จ.หนองคาย คืนหนึ่งได้เกิดนิมิตขึ้นเห็นปราสาท 2 หลัง ลักษณะสวยงามมากอยู่ทางด้านภูทอกน้อย ดังนั้น พระอาจารย์จวน จึงได้เดินทางมาพิสูจน์ตามที่เกิดนิมิต และได้พบลักษณะภูมิประเทศที่สวยงานร่มรื่น เหมาะที่จะปฏิบัติธรรม จึงได้สำรวจและปักกรดอยู่ที่ถ้ำบนภูทอก กับ พระครูศริธรรมวัฒน์ ต่อมาศรัทธาญาติโยมชาวบ้านคำแคน เห็นว่าพระอาจารย์จวนธุดงค์มาอยู่ที่ภูทอก จึงพร้อมใจกันอาราธนาให้สร้างวัดขึ้นที่ภูทอกแห่งนี้

ในปีพุทธศักราช 2512 ชาวบ้านนาคำแคนได้มาช่วยกันสร้างบันไดขึ้นภูทอก จนถึงชั้นที่ 5-6 และได้ปลูกสร้างเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์อยู่ถึง 2 เดือน 10 วัน จึงแล้วเสร็จ ภายในสองปีถัดมา ท่านได้ชักชวนชาวบ้านสร้างทำนบกั้นน้ำขึ้น 2 แห่ง เพื่อใช้เก็บกักน้ำและจัดระบบน้ำประปาขึ้นภายในวัดภูทอก


การก่อสร้างทางเดินรอบภูทอก เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเป็นการเจาะหินทำนั่งร้านด้วยไม้เนื้อแข็ง 2 ท่อน ผูกติดกับเสาที่ปักไม้เท้าแขนลงไปแล้วจึงพาดไม้กระดานเป็นสะพานที่ละช่วงๆ ละประมาณ 1 เมตรเศษ ระหว่างคานจะมีคานรองรับอีกชั้นหนึ่ง จึงทำให้สะพานแข็งแรงมาก นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์แก่ผู้พบเห็นอย่างยิ่ง


และเมื่อวันที่ 27 เมษายน พุทธศักราช 2523 พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้รับนิมนต์ไปกรุงเทพฯ และได้ประสพอุบัติเหตุเครื่องบินตก ถึงแก่มรณภาพ สิริรวมอายุได้ 59 ปี 9 เดือน 18 วัน พรรษา 38





ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.dhammajak.net/forums/view...p?f=24&t=19892
__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 12:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #69  
เก่า 04-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



การท่องเที่ยวที่ภูทอกน้อย จบลงด้วยความสุขใจของพวกเราทั้งสามคน และเป็นการสิ้นสุดการท่องเที่ยวในหนองคายและบึงกาฬ ของสองสายในครั้งนี้ด้วย...


ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจในหนองคายและบึงกาฬ อีกมากมายหลายที่ สองสายจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้กลับมาเยือนดินแดนแถบถิ่นนี้อีกหลายๆครั้ง จนจุใจ



ขอขอบคุณน้องดื้อผู้น่ารัก ที่ยอมโดดงานมาพาสองสายเที่ยว และพาเราไปทานของอร่อยๆมากมายในครั้งนี้ และครั้งต่อๆไปในอนาคตนะคะ..


__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 12:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #70  
เก่า 04-05-2012
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default

เชิญอ่านเรื่องตะลุยเข้าเมืองลาวของสองสายต่อ ได้ที่.....

http://www.saveoursea.net/forums/sho...1073#post31073
__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:05


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger