![]() |
#1
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงที่ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง สำหรับบริเวณยอดดอยของภาคเหนือมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ส่วนยอดภูของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณบริเวณทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากโดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 26-27 ธันวาคม 2566 ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันน้อย เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังแรง และมีการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ดี กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น ในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 25 ? 26 ธ.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงที่ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้ประเทศไทยมีอากาศเย็นถึงหนาวต่อเนื่อง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามัน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณหัวเกาะสุมาตราจะเคลื่อนลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2 - 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร สำหรับทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2 - 3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 27 - 31 ธ.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังกำลังค่อนข้างแรงที่ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า ส่วนภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็น สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น และระมัดระวังอันตรายจากอัคคีภัยเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและมีลมแรงตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 26 ? 27 ธ.ค. 66 ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม และประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกให้ระมัดระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันเวลาดังกล่าว ****************************************************************************************************** ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทย ฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 16 (322/2566) มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 26 ? 27 ธันวาคม 2566 สำหรับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงที่ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังค่อนข้างแรงทำให้ประเทศไทยยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง สำหรับบริเวณยอดดอยของภาคเหนือมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ส่วนยอดภูของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง ![]() ![]() ![]() ![]()
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก Nation TV
ครบรอบ 19 ปี คลื่นยักษ์ "สึนามิ" ถล่มไทย ส่องระบบเตือนภัย ใช้งานได้จริง? ครบรอบ 19 ปี ภัยพิบัติทางธรรมชาติ คลื่นยักษ์ "สึนามิ" ถล่มภาคใต้ของไทย ส่องระบบเตือนภัย ใช้งานได้จริงหรือไม่? ![]() 26 ธันวาคม 2566 ครบรอบ 19 ปี เหตุุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ (TSUNAMI) ถล่ม 14 ประเทศโดยรอบชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 280,000 คน นับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ สำหรับประเทศไทย ได้รับผลกระทบ 6 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,400 ราย บาดเจ็บกว่า 8,000 ราย และมีผู้สูญหายอีกจำนวนมาก ย้อนไปเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เวลา 07.58 น. (ตามเวลาในประเทศไทย) เกิดเหตุแผ่นดินไหวใต้ทะเล ขนาด 9.1-9.3 มีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณนอกฝั่งด้านตะวันตก ทางตอนเหนือของหัวเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ห่างจาก จ.ภูเก็ต ประมาณ 580 กิโลเมตร ประมาณ 2 ชั่วโมง หลังจากเกิดแผ่นดินไหว คลื่นสึนามิได้เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกผ่านทะเลอันดามัน เข้ากระทบชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไทย นักท่องเที่ยวจำนวนมากเสียชีวิตจากสึนามิ เพราะขณะนั้นประเทศไทยยังไม่มีระบบเตือนภัยคลื่นสึนามิ และขาดเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความรู้ความชำนาญ เกี่ยวกับเรื่องคลื่นสึนามิโดยตรง จากเหตุการณ์มหาวิปโยค ทำให้บ้านเรือนของประชาชน โรงแรม บังกะโล โฮมสเตย์ เกสต์เฮาส์ ร้านค้า ร้านอาหาร ทรัพย์สินส่วนตัวของนักท่องเที่ยว ยานพาหนะ ตลอดจนระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ถนน ได้รับความเสียหายจำนวนหลายพันล้านบาท หลังเกิดภัยพิบัติสึนามิเมื่อปี 2547 มีการติดตั้งทุ่นตรวจวัดคลื่นสึนามิ อยู่ในความดูแลของประเทศไทย จำนวน 2 ตัว ห่างจากเกาะภูเก็ต ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 965 กิโลเมตร และอีกจุดห่างจากเกาะภูเก็ตประมาณ 340 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า ระหว่างวันที่ 5-6 กรกฎาคม 2565 เกิดเหตุแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งหมู่เกาะนิโคบาร์ ห่างจาก จ.ภูเก็ต ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือกว่า 570 กิโลเมตร จำนวน 33 ครั้ง แต่ทุ่นเตือนสึนามิ ทั้ง 2 จุด ขึ้นสถานะไม่ทำงาน ซึ่ง ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ยืนยันว่า หากเกิดแผ่นดินไหวในทะเล ขนาด 7.8 ที่อาจจะทำให้เกิดสึนามิ จะมีการกดปุ่มเตือนภัย และมีเวลา 1.30 ชั่วโมง ที่ประชาชนสามารถอพยพได้ทัน ขณะเดียวกันยังมี "หอเตือนภัยสึนามิ" ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใน 6 จังหวัด ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล มีทั้งสิ้น 130 แห่ง หากเกิดสึนามิติดชายฝั่งอันดามัน หอเตือนภัยจะดังขึ้นหลังกดสัญญาณเตือนภัย 5 นาที มีทั้งหมด 5 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ เยอรมัน จีน และญี่ปุ่น แจ้งให้อพยพไปที่สูงได้ทันท่วงที ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาคารหลบภัย และหอเตือนภัยสึนามิหลายแห่งถูกปล่อยทิ้งร้าง มีหญ้าขึ้นปกคลุม จนชาวบ้านไม่มั่นว่ายังสามารถส่งสัญญาณเตือนภัยได้จริงหรือไม่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 03.45 น. หอเตือนภัยจำนวน 25 แห่ง ในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้ส่งสัญญาณเตือนภัยโดยไม่ทราบสาเหตุ และก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงเกิดสึนามิ แต่จากการตรวจสอบไม่พบความผิดปกติของอุปกรณ์ ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ชี้แจงทำความเข้าใจแก่ประชาชนในพื้นที่ในช่วงที่มีเสียงสัญญาณเตือนภัยเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถห้ามได้ แต่การเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์ ระบบเตือนภัยต่างๆ ความพร้อมด้านการอพยพ เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด https://www.nationtv.tv/news/social/378937944
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก Greennews
"หยุดโรดโชว์-ศึกษา SEA ก่อน? ประมงพื้นบ้านยื่นเศรษฐา ?แลนดบริดจ์ชุมพร-ระนอง" ![]() เครือข่ายประมงพื้นบ้าน-รักษ์พะโต๊ะยื่นผ่านผู้ว่าระนอง ถึงนายกฯเศรษฐา เรียกร้องกรณีเมกะโปรเจกต์แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง "หยุดโรดโชว์หานักลงทุน-ศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ SEA ให้เสร็จก่อน" เผย "หวั่นกระทบประมงหนัก-โครงการส่อขาดทุน" พร้อมขอพบเพื่อชี้แจงความกังวลจากเครือข่ายฯ ระหว่างนายกเยือนระนองเดือนหน้า รองผู้ว่าฯ ระนองรับเรื่อง บอกตัวแทนเครือข่าย "เชื่อรัฐบาลจะทำอย่างรอบคอบ" ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ผ่านผู้ว่า วันนี้ (25 ธ.ค. 2566) เวลาประมาณ 13:00 น. ตัวแทนสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย และเครือข่ายคนรักษ์พะโต๊ะ รวมตัวกันบริเวณหน้าภูเขาหญ้า อ.เมือง จ.ระนอง ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปยังหน้าศาลากลางจังหวัดระนอง เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ผ่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กิตติภพ รอดดอน "เพื่อขอให้นายกฯ สั่งให้มีการทบทวนและศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง ใหม่ให้รอบด้าน และยุติเดินสายนำเสนอโครงการในระหว่างที่การศึกษาผลกระทบยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากทางสมาพันธ์ฯ กังวลว่า โครงการดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับชาวประมงพื้นบ้าน รวมถึงชาวประมงทั่วไป เนื่องจากการก่อสร้างท่าเรือทั้ง 2 ฝั่งของโครงการ จะทำลายพื้นที่หากินของชาวประมง" ตัวแทนสมาคมฯ ประกาศ "จุดประสงค์ของการเคลื่อนขบวนในครั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงค์ว่า พวกเรามีความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับชาวประมงพื้นบ้าน และทะเลอ่าวไทย เนื่องจากรัฐบาลมีแผนที่จะใช้พื้นที่จังหวัดชุมพร และระนอง ทำโครงการแลนด์บริดจ์ โดยทั้งโครงการจะใช้พื้นที่ทางทะเลกว่า 12,000 ไร่ในการถมทะเลทำท่าเรือทั้ง 2 ฝั่ง รวมถึงจะมีการขุดลอกร่องน้ำลึกเพื่อให้เรือสินค้าเข้ามาได้ ทำให้เราเกิดความกังวลว่า การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้เกิดผลกระทบมหาศาลต่อพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่อ่าวอ่าง จ.ระนอง จากการพูดคุยกันของทางสมาพันธ์ฯ พวกเรามีความกังวลว่า โครงการดังกล่าวเสี่ยงต่อการขาดทุน เพราะว่าอาจจะไม่มีเรือมาใช้บริการ รวมถึงการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ยังไม่แล้วเสร็จ แต่นายกฯ กับเดินทางโรดโชว์ให้กับต่างประเทศ" ตัวแทนสมาคมฯ กล่าว หวั่นกระทบประมงหนัก-โครงการส่อขาดทุน เวลาประมาณ 13:30 น. ปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย ได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คำนึงถึงผลกระทบของชาวประมงพื้นบ้าน ที่จะเกิดจากโครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง ? ชุมพร เนื่องจากการดำเนินการโครงการดังกล่าวจะต้องใช้พื้นที่เป็นจำนวนมาก โดยจะกระทบกับทั้งชาวบ้านที่ทำการเกษตรทำให้เสียที่ดินทำกิน และกลุ่มชาวประมงในจังหวัดระนอง และชุมพร ที่จะได้รับผลกระทบจากการสร้างท่าเรือน้ำลึก ทำให้สูญเสียพื้นที่ทำการประมงไป "พวกเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ และมองเห็นพวกเรา "ชาวประมงพื้นบ้าน" ที่มีตัวตนอยู่จริงทั้งในจังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง ด้วยเพราะเป็นกลุ่มที่ไม่สามารถหลีกหนีผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้แน่นอน ทั้งนี้ มีข้อน่าสังเกตว่า ในขณะที่การศึกษาผลกระทบด้านต่าง ๆ ภายใต้โครงการนี้ที่ยังไม่แล้วเสร็จ แต่รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสินกลับไม่สนใจกระบวนการดังกล่าว ทั้งยังเดินหน้าขายโครงการให้นักลงทุนต่างชาติในหลายประเทศ ถือเป็นความไม่เหมาะสมของผู้นำประเทศที่ไม่เพียงไม่เคารพต่อกระบวนการทางวิชาการ และไม่เคารพต่อประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ท่าทีดังกล่าวทำให้ พวกเรามีข้อกังวลต่อการดำเนินโครงการนี้ ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน? แถลงการณ์ระบุ 4 ข้อเรียกร้อง "ศึกษา SEA -หยุดโรดโชว์ระหว่างนี้-ขอพบ ม.ค." "ด้วยความกังวลดังกล่าว พวกเราจึงมีข้อเรียกร้องไปถึงท่าน ดังนี้ 1. นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ต้องกำกับกระบวนการศึกษาผลกระทบจากโครงการที่กำลังดำเนินการ ทั้งในมิติด้านสิ่งแวดล้อม และมิติด้านสุขภาพตามที่กฏหมายไว้ให้เรียบร้อย และต้องทำให้เกิดกระบวนศึกษาเหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมา และเป็นไปตามหลักการทางวิชาการที่ต้องเคารพการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง ที่สำคัญรัฐบาลต้องไม่ชี้นำให้การศึกษาดังกล่าวดำเนินไปตามที่รัฐบาลต้องการ 2. รัฐบาลจะต้องยุติการประชาสัมพันธ์ หรือการเดินสายนำเสนอโครงการให้กับนักลงทุนประเทศต่าง ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีกำลังดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา จนกว่าผลการศึกษาโครงการทั้งหมดจะแล้วเสร็จ 3. เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่ และจะสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วิถีชีวิต ฐานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง รัฐบาลจึงควรจัดทำ SEA หรือการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงยุทธศาสตร์เฉพาะโครงการนี้ เพื่อทำให้เห็นถึงผลกระทบในภาพใหญ่ที่จะเกิดขึ้นจากทุกโครงการย่อยทั้งหมด 4. ในการเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่รัฐบาลจะมาประชุมที่จังหวัดระนอง ระหว่างวันที่ 21 ? 23 มกราคม 2566 นั้น พวกเราจะส่งตัวแทนมาขอพบนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และขอเรียกร้องให้ท่านเปิดพื้นที่ให้พวกเราได้เข้าไปอธิบายถึงข้อห่วงกังวล และข้อเท็จจริงบางประการจากพวกเราโดยตรง ในฐานะประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง ? ชุมพร เราหวังว่า รัฐบาลจะยอมรับข้อเสนอของพวกเราทุกมิติ เพื่อนไปสู่การแก้ไขปัญหาและเพื่อผนวกกับนโยบายของรัฐบาลต่อไป ที่จะต้องคำนึงถึงผลกระทบของพวกเรา "ชาวประมงพื้นบ้าน" ผู้อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทะเลชายฝั่งทั้ง 22 จังหวัดของประเทศไทย แต่มักไม่ถูกกล่าวถึงและไม่เคยให้ความสำคัญในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในหลายยุคที่ผ่านมา" นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย กล่าว รองผู้ว่าระนองรับเรื่อง "เชื่อรัฐบาลจะทำอย่างรอบคอบ" ว่าที่ร้อยตรี กิตติภพ รอดดอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนองเป็นตัวแทนรับหนังสือ เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดติดภารกิด โดยกล่าวว่า ในครั้งนี้ได้มารับฟังข้อห่วงกังวลของทั้งชาวชุมพร และระนอง รวมถึงชาวประมงพื้นที่บ้านที่มาในครั้งนี้ ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวยังไม่มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม แต่อยู่ในขั้นตอนการศึกษา และรับฟังความคิดเห็นของผู้ได้รับผลกระทบ "การประชุมรับฟังความคิดเห็นในแต่ละครั้ง เราพยายามให้ผู้ที่ทำการศึกษาได้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับพี่น้องที่อยู่ตามแนวถนน และนำข้อสรุปจากหลาย ๆ พื้นที่มาเป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป ผมมั่นใจว่าทางรัฐบาจะทำในสิ่งที่พ่อแม่พี่น้องได้ประโยชน์มากที่สุด ซึ่งคาดว่าทางรัฐบาลจะนำข้อเสนอแนะข้อคิดเห็นต่าง ๆ นำไปพิจารณา เนื่องจากโครงการนี้ถือเป็นโครงการใหญ่ จะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ" รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าว https://greennews.agency/?p=36565
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
เรียบเรียงคำตอบ | |
|
|