เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > Main Category > ห้องรับแขก

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 06-01-2010
admin's Avatar
admin admin is offline
Zen
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: ประเทศไทย Tel:0817624372
ข้อความ: 436
Default ฝากไว้สำหรับพี่ๆน้องๆที่อยากจะมาเรียนเมืองนอก

ได้รับเมล์มาอีกแล้ว นำมาให้อ่านกันครับ
ประดับสมอง สำหรับคนเรียนแต่นอกเขตเทศบาลอย่างผม

โป๋

--------------------------

ก่อนอื่นต้องขออนุญาตออกตัวก่อนว่า ข้อความต่อไปนี้เป็นความคิดเห็นและประสบการณ์ของผมเพียงคนเดียว อาจจะมีกรณีที่เหมือนกันออกไป หากใครเห็นแตกต่างและไม่เห็นด้วย ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ

เรื่องของเรื่องก็คือ อยากจะขอให้ข้อคิดกับน้อง ๆ ที่อยากจะมาศึกษาต่อเมืองนอก โดยเฉพาะอเมริกา โดยมีความคิดที่ว่า จะมาเรียนภาษาที่นี่ พร้อมกับทำงานเก็บเงินไปพลาง ๆ แล้วค่อยสอบ Toefl GRE GMAT เอาที่หลัง ด้วยความเชื่อว่า สภาพแวดล้อมจะบังคับให้ต้องใช้ภาษา และสามารถพัฒนาจนสอบผ่าน และเข้ามหาวิทยาลัยตามที่หวัง รวมถึงนำเงินจากการทำงานมากจ่ายค่าเทอมโดยไม่ต้องรบกวนทางบ้าน

ยอมรับว่าเป็นแนวคิดที่ดี และรู้สึกชื่นชมที่คิดจะรับผิดชอบชีวิตตัวเอง แต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นนะครับ จากที่เคยเห็นมา ส่วนใหญ่ที่มาเรียนภาษาที่นี่แรก ๆ ก็ตั้งใจเรียนดี แต่พอทำงาน (ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำงานร้านอาหาร) หลายคนก็ตาโตที่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ บางวันได้เกือบสองร้อยเหรียญ

ทีนี้ก็เลยพยายามทำงานเก็บเงินมากขึ้น ไปเรียนภาษาตอนเช้าถึงสิบโมง เที่ยงไปทำงานร้านอาหาร เลิกเที่ยงคืนกลับถึงบ้านตีหนึ่ง อาทิตย์นึงทำห้าวันหกวัน ได้เงินพันกว่าเกือบสองพันเหรียญต่อเดือน แต่ผลที่ตามมาก็คือ ไม่มีเวลาอ่านหนังสือทบทวนสิ่งที่จะเอาไปสอบ สมัครไปกี่ที ๆ ก็เหมือนเอาเงินไปทิ้งน้ำเล่น ตรงนี้ลองถามคนที่สอบผ่านกันมาได้นะครับว่า เค้าต้องทุ่มเทเวลากับการเตรียมตัวสอบมากขนาดไหน บางคนอ่านหนังสือวันละแปดชั่วโมงเป็นเดือน หรือเป็นปี เพื่อเตรียมตัวสอบ แล้วจะเอาอะไรกับการไปเรียนวันละสองชั่วโมง แถมชั้นเรียนที่โรงเรียนภาษาส่วนใหญ่ก็ คนไทย จีน แขก ฟิลิปปินส์ ที่พูดไม่ค่อยได้เหมือนกัน

ที่ว่าไปทำร้านอาหารแล้วได้คุยกับฝรั่ง ได้ภาษา จริงครับ แต่ร้านอาหารแบบไหนล่ะที่ไปทำงาน ถ้าเป็นร้านไทย เจ้าของร้านก็ไทย คนครัวก็ไทย เพื่อนร่วมงานก็ไทย คุณก็ต้องใช้ภาษาไทยมากกว่าภาษาอังกฤษเป็นปกติ การฝึกของคุณก็ได้ผลสัมฤทธิ์น้อยลง

ในกรณีที่มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษเยอะหน่อย ก็อาจจะได้ภาษาพูดมาบ้าง แต่ภาษาที่ได้มาก็ประมาณ Chicken Green Curry, Beef Mussaman Curry, Pad Thai (ที่เด็กไทยทำงานร้านอาหารบางคนออกเสียงว่า "ผาดทหาย" เพราะกลัวฝรั่งไม่เข้าใจ) หรือประมาณ Do you want anythings for drink? Want more water? ซึ่งมันคนละเรื่องกับที่จะเอาไปเรียนจริง ๆ เลย ลองไปถามคนที่สอบ Toefl 600 up นะครับ ว่าเค้าเจอปัญหาเรื่องปัญหาในการสื่อสารในการเรียนไหม คำตอบส่วนใหญ่คือ เจอ เพราะว่าภาษาในการศึกษานั้น เป็นภาษาคนละระดับกับภาษาที่พูดในร้านอาหารครับ (ขอยืนยัน) ยิ่งถ้าเป็นสาขาที่ ศัพท์เฉพาะเยอะ ๆ นี่หายห่วง

ส่วนเรื่องทำงานเก็บเงินเพื่อเรียนมหาลัยเอง ก็เป็นไปได้นะครับ ถ้าจะเรียนพวก community college แต่คิดว่าคนที่มาส่วนใหญ่ไม่ได้จะข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อเรียน community college หรอก หวังอยากเรียน U top กันทั้งนั้น ซึ่งค่าเทอมก็จะแพงตามไปด้วย ลองคิดดูง่าย ๆ อย่างถูก ๆ ที่สุด สำหรับปริญญาโทในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ก็เทอม(สามเดือน) ละประมาณ หนึ่งหมื่นเหรียญ ปีนึงก็สองหมื่นเหรียญ สมมติทำงานได้เดือนละพันห้า ทำงานปีนึงได้หมื่นแปด ยังไม่พอจ่ายค่าเทอม เอ้า งั้นทำงานมากขึ้นเพื่อจะได้จ่ายค่าเทอม วงจรเดิม ๆ ก็วนกลับมาอีกว่า แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือ ทำการบ้าน ทำรายงานส่ง (จริง ๆ ส่วนใหญ่จะไม่รอดตั้งแต่สอบ Toefl แล้ว)

ผลสุดท้ายที่ออกมาก็คือ หลายคนทิ้งความฝันของตัวเอง ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเดียว ลงเรียนที่โรงเรียนภาษาเพียงเพื่อต่ออายุ visa แล้วก็ไปเรียนแบบแกน ๆ ไม่อ่านไม่ทบทวน แค่ไม่ให้เค้าส่งกลับ แล้วก็เก็บเงินๆๆ ได้สักสองสามหมื่นเหรียญก็กลับบ้าน

กรณีข้างบนยังดี กรณีถัดมาก็คือ ยังไม่ทิ้งความหวัง แต่ไม่ปรับปรุงตัว ทำงานหกวัน วันละสิบสองชั่วโมง แต่เรียนวันละสองชั่วโมง อาทิตย์ละสองวัน แล้วก็พากเพียรสมัครสอบ Toefl ด้วยคิดว่าเจอข้อสอบบ่อย ๆ เดี๋ยวจะทำได้เอง กลุ่มนี้ก็จะอยู่นานหน่อย บางคนเป็นอย่างนี้มาห้าหกปี จน Toefl เปลี่ยนระบบสอบไปสามรอบ ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมสอบไม่ได้คะแนนที่ต้องการเสียที

ที่ว่ามาไม่ใช่ว่าห้ามทำงานนะครับ แต่อยากให้คำนึงถึงว่า ถ้าจะทำงาน ก็เอาแค่พอค่ากินอยู่รายเดือน เดือนหนึ่งก็พอ อาทิตย์นึงสักสองสามวัน เวลาส่วนใหญ่ควรทุ่มเทกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่แท้จริงของเรา

แต่ถ้าจะให้ดี ถ้าสอบผ่านมาจากเมืองไทยก็จะดีกว่า เพราะประหยัดเรื่องเวลา และค่าใช้จ่ายในอีกแง่มุมหนึ่ง ถึงแม้ที่นี่คุณจะทำงานได้เงินมาก แต่ค่าใช้จ่ายก็มากตามนะครับ ยิ่งกว่านั้น ถ้าสามารถหาทุนจากเมืองไทยได้ก็ทำเถอะครับ

ที่ว่ามาก็เป็นสิ่งที่ผมเห็น ผมประสบ และอยากฝากให้กับทุก ๆ คนที่มีความคิดแบบที่ผมว่าไว้ข้างต้น ไม่อยากให้ใครมาเสียเวลาเปล่า ๆ เป็นเดือนเป็นปี (ถ้าต้องการเฉพาะเก็บเงิน นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง) ปัจจุบัน ผมก็ต้องทำงานอยู่สองวัน แต่ทุ่มเวลาส่วนใหญ่ให้กับการเรียน และทำการบ้าน ซึ่งก็ได้ผลดีกว่า ตอนแรกที่ผมมามีแค่ค่าเทอมเทอมแรกเท่านั้น ที่เหลือมาจากการขยันเรียนของผมทำให้ได้ทุนจากโรงเรียน ซึ่งก็ได้มาช่วยเหลือพอสมควร ไม่ถึงกับมากมาย ค่ากินอยู่ก็หาพอชนเดือนจากการทำงาน สำหรับคนที่มาเมืองนอกโดยมีเป้าหมายหลักเพื่อการศึกษาขอให้มุ่งไปทางด้านการเรียนเป็นหลัก อย่าหลงไปกับรายได้ที่ได้จากการทำงานเพราะคุณอาจจะเสียโอกาสในการเรียน ส่วนคนที่มาเพื่อทำงานเก็บเงินก็ขอให้ตั้งใจทำงานเก้บเงินจริงๆไม่ใช่ได้เดือนละ 1,500 ซื้อกระเป๋าใบละ 500 อย่างนี้ทำเท่าไรก็เก็บไม่ได้

ปล.แก้ไขข้อความนิดหน่อยเพื่อความชัดเจนมากขึ้น

สุดท้าย ก็หวังว่าทุกคนคงจะได้ข้อคิดอะไรบ้างนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดีครับ

------------------------------------

ที่ออสเตรเลียก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ค่ะ เอเย่นต์นักเรียนไทยแท้ๆ หลอกเด็กไทยด้วยการโฒษณาว่าค่าเรียนถูก ได้วีซ่ายาว ผ่อนเงินได้เป็นต้น9ล9 พอเสียเงินเรียนไปแล้่วก็เหมือนกับโดนหลอก ให้ไปเรียนในสถาบันที่ห่วย จนวันหนึ่งสถาบันก็ถูกปิดไป เด็กโดนลอยแพ ต้องกลับไทยโดยปริยาย หากไม่กลับก็โดดวีึซ่าเป็นผีทำงานหาเืิงิน

อีกหลายๆสถาบันคือ รับลงทะเบียนเพื่อให้ได้วีซ่านักเรียนเท่านั้น ไม่ต้องมาเรียน ไม่ต้องมาลงชื่อ(อ.ทำให้) แล้วตัวก็ไปทำงานงกๆๆ เพื่อเอาเงินมาลงทะเบียนเรียนเพื่อให้ได้ใบเซอร์มา

ก่อนจะมาเรียนเมืองนอก ให้ไตร่ตรองให้รอบครอบ เพราะเอเย่นต์นี่แหละทั้งหลอก ทั้งลวง สารพัดเล่ห์กล..แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าเรียนที่ไทยจะเข้มข้น และเข้มงวดกว่า โดยเฉพาะก่อนระดับอุดมศึุกษา ขอให้โชคดี

อ้อ..ขอเพิ่มเติม ประเทศนี้แต่ก่อนในอดีตมา ไม่เคยสอนแกรมม่าค่ะ สอนเพียงหลักวิชาการและการสื่อสาร การใช้ชีวิตกันเท่านั้น เพิ่งจะมาเริ่มสอนเพียง1-2ปี นี้เอง(หากจำไม่ผิด)

เด็กๆ ที่เกิดหรือโตที่นี่พอเข้าอนุบาลปั๊บ ครูจะปลูกฝังเลยว่าหากพ่อแม่ตี ให้บอกครูหรือหมอหรือ 9ล9 ผู้ปกครองจะโดนตำรวจจับทันทีโดนไม่มีข้อแม้ แล้วรัฐฯจะเอาเด็กไปดูแลเอง

ฝรั่งเมกา อังกฤษมาอยู่ที่นี่ได้สื่อสารกับพวกออสซี่ ก็ยังงงๆๆ อยู่บ่อยๆไป หุ หุ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 06-01-2010
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



แห่ะๆ...โชคดีจัง ที่สายชลไม่เคยไปแบกจ๊อบที่เมืองนอก (เพราะได้ทุนของมหาวิทยาลัย เรียนฟรีตลอด)

ส่วนลูกๆทั้งสองคนก็ไม่มีใครอยากไปเรียนเมืองนอก ผิดมนุษย์จริงๆ...

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:01


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger