#1
|
||||
|
||||
การทำความสะอาดหลังน้ำลดด้วยตัวเอง
การทำความสะอาดหลังน้ำลด เราต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก เพราะเป็นงานที่ต้องการความละเอียด ในการทำความสะอาดสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การทำความสะอาดนั้นต้องคำนึงถึงการกำจัดการฆ่าเชื้อโรคเชื้อราที่เราอาจมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นสำคัญ การสัมผัส หรือหายใจเอาเชื้อเหล่านี้เข้าไปเท่ากับเราอยู่กับภัยร้ายโดยไม่รู้ตัว ในการทำความสะอาดสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง คือ การป้องกันตนเองของผู้ทำ เช่น การใส่ถุงมือยาง, รองเท้าบู๊ต ซึ่งสำคัญมากพอๆกับการใส่ผ้าปิดปากปิดจมูกในการทำงาน ใส่ถุงมือยางและรองเท้าบู๊ตช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคเชื้อรา, ป้องกันการสัมผัสสารเคมี รวมถึงป้องกันไฟดูด ส่วนผ้าปิดจมูกและปากช่วยป้องกันการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราและไอระเหยของสารเคมีเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ในระหว่างการทำความสะอาดควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศระบายได้มากที่สุด อาจเปิดพัดลมเพดานช่วยระบายอากาศ **ห้ามเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะเชื้อต่างๆจะถูกดูดเข้าไปอยู่ในระบบปรับอากาศ และจะกลายเป็นที่เพาะพันธุ์เชื้อราต่อไป เป็นภัยเงียบที่เรามองไม่เห็น **หากสิ่งของใดๆ ที่ได้เกิดเชื้อราขึ้นแล้ว ให้นำออกไปทำความสะอาดในที่ๆอากาศถ่ายเทและห่างออกไปจากตัวบ้าน เพื่อไม่ให้สปอร์ของเชื้อรากระจายเข้าไปอยู่ในบ้าน หากเกิดเชื้อราเกิดขึ้นแล้ว บนพื้นผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้น, ผนัง,เพดาน หรือเฟอร์นิเจอร์ ควรจะต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเพื่อไม่ให้เชื้อฟุ้งกระจาย ก่อนจะล้างทำความสะอาดล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ อย่าลืมที่จะใส่เครื่งป้องกันตนเอง โดยเฉพาะหน้ากากกรองอากาศ ผ้าปิดปากปิดจมูก ถุงมือยาง รองเท้าบู๊ตเพื่อป้องกันตนเอง เรื่องต่างๆที่ต้องจัดการหลังน้ำลด หลังจากตรวจดูโครงสร้างต่างๆภายในบ้านแล้ว ( **อ่านโน๊ต เรื่อง การเตรียมตัวเข้าบ้านหลังน้ำลด) 1.ระบบไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าของทั้งบ้านจะต้องถูกปิดทันทีที่น้ำท่วมบ้าน ระบบไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งแรกๆเลยที่จะต้องจัดการทันทีที่น้ำลด โดยการให้ช่างไฟฟ้ามืออาชีพ มาทำการตรวจสอบ และซ่อมแซมให้หมดก่อนที่จะสามารถกลับไปใช้ไฟฟ้าได้อีกอีกครั้งหนึ่ง จำเป็นอย่างมากที่จะต้องเดินสายไฟใหม่ทั้งหมด สายไฟจะต้องแห้งสนิท, สวิทช์ไฟ, เต้าเสียบปลั๊กไฟต่างๆ ที่จมอยู่ใต้น้ำ อาจจะมีโคลนตมและตะกอนที่มากับน้ำเข้าไปอยู่ การทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ จำเป็นที่จะต้องได้รับการตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆก่อน จะนำกลับไปใช้งาน มิฉะนั้นอาจเกิดไฟฟ้าช๊อตเอาได้ หรือ อาจก่อความเสียหายให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า การทำความสะอาด, การขจัดคราบสกปรก และการกำจัดกลิ่น เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น วิทยุ, โทรทัศน์, เครื่องซักผ้า, เครื่องล้างจาน, เครื่องดูดฝุ่น ฯลฯ เราอาจสามารถที่จะทำความสะอาดภายนอกตัวเครื่องได้เอง แต่เราจำเป็นต้องให้ช่างมาตรวจเช็คดูข้างใน โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการต่ออะแดปเตอร์ หรือสายดินเพื่อป้องกันไฟดูด ไฟช๊อต เมื่อถูกน้ำท่วมไปแล้ว อาจมีสิ่งสกปรก, โคลน เข้าไปอุดตันอาจทำให้สายดินไม่สามารถทำงานได้ ควรจะให้ช่างมาตรวจเช็คก่อนการใช้งาน มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายได้ 2.ระบบเครื่องปรับอากาศ หลังน้ำลดต้องเรียกช่างแอร์อาชีพให้มาตรวจเช็คระบบเครื่องปรับอากาศภายในบ้านทั้งหมด พร้อมทั้งทำความสะอาดท่อต่างๆ, แผ่นกรองอากาศ เปลี่ยนฉนวนกันความร้อนที่จมน้ำ เป็นต้น เมื่อช่างแก้ไขให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ซีลปิดไว้ก่อน จึงจะเริ่มการทำความสะอาด การเปิดแอร์คอนดิชั่นจะสามารถทำได้ในกรณีที่เราทำความสะอาดบ้านจนเสร็จเรียบร้อยพร้อมกลับเข้าไปอยู่แล้วเท่านั้น ขั้นตอนในการทำความสะอาดมีดังนี้ 1. เริ่มด้วยการขนย้ายสิ่งของต่างๆ ขั้นแรกให้ขนย้ายสิ่งของต่างๆ ภายในบ้านออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อสะดวกในการจัดการกับโคลนตมที่มากับน้ำ ให้ใช้พลั่วตักดิน โคลนออกจากพื้นบ้านให้ได้มากที่สุด จากนั้นจึงใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง(ถ้ามี) หรือสายยางฉีดน้ำเพื่อชะล้างโคลนออกจากพื้นผิว อุปกรณ์อย่างหนึ่งที่จะช่วยผ่อนแรงได้มาก คือ ไม้ปาดน้ำ หากไม่มีและพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก สามารถใช้ผ้าขนหนูทำเป็นผ้าลากน้ำได้ เมื่อกำจัดดินโคลนออกไปได้แล้วจึงค่อยเริ่มขั้นที่ 2 2. เรื่องของพื้น หากพื้นบ้านของท่านมีการใช้วัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไวนิล, เสื่อน้ำมัน, พรม, ปาร์เก้ ปูทับพื้นเดิมอยู่ มีความจำเป็นที่ จะต้องรื้อวัสดุปูพื้นเหล่านั้นออกเพื่อให้พื้นด้านล่างแห้ง ซึ่งกว่าจะแห้งสนิทอาจใช้ระยะเวลานานพอสมควร ทั้งนี้ขี้นอยู่กับว่าพื้น ด้านล่างของท่านทำจากวัสดุอะไร การเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท, เปิดพัดลม จะช่วยให้พื้นแห้งเร็วขึ้น การทำความสะอาดพื้นทุกชนิด ต้องพิจารณาดูตามความเหมาะสมของพื้น โดยทั่วไปๆ สามารถใช้น้ำผสมคลอรีนในอัตราส่วน 0.1% ( 1 cc.ต่อน้ำ 1000 cc.) ฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณก่อน แล้วจึงขัดถูพื้น ด้วยน้ำยาล้างจาน, ผงซักฟอก ขัดถูให้ทั่วบริเวณแล้วจึงราดด้วยน้ำร้อนเดือดๆ หรือ ใช้ ผลิตภัณฑ์น้ำยาเคมีทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อต่างๆได้ ซึ่งต้องอ่านฉลากวิธีใช้ให้ละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หาก เป็นไปได้ อยากแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่นที่เป็นสารชีวภาพเอนไซม์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อ กำจัดกลิ่น กำจัดคราบไขมันได้ ซึ่งมีข้อดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ คือ สารชีวภาพเอนไซม์นั้น จะยังคงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อที่จะเกิดขึ้น ใหม่จากความชื้นต่อไปได้อีกนานประมาณ 3 - 6 เดือน ตราบที่พื้นยังมีความชื้นอยู่ และที่สำคัญสารชีวภาพเอนไซม์นั้น ไม่่เป็น อันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม **พื้นที่ปูพรม ถ้าพื้นที่ปูพรมจมอยู่ใต้น้ำท่วมน้ำเสีย ควรจะตัดใจกำจัดทิ้งไปเสีย เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพของท่าน พรมเป็นแหล่งเพาะเชื้อราอย่างดี การทำความสะอาดพรมเองเป็นเรื่องยาก ต้องใช้มืออาชีพที่เชื่อถือได้ว่าเขาจะใช้น้ำยาชักพรมที่ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่น ด้วยสารชีวภาพเอนไซม์ และใช้เครื่องมือซักพรมชนิดพิเศษที่มีสามารถทำความสะอาดได้ล้ำลึก สามารถซักและดูดน้ำกลับได้เลย ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดพรมแบบนี้ค่อนข้างสูง ควรพิจารณาให้ดี ส่วนพรมชิ้นๆ บางผืนที่มีมูลค่าสูง อาจจะยังพอที่จะสามารถทำความสะอาดได้ สามารถนำไปตากแดดได้ แต่ก็จำเป็นต้องให้มืออาชีพที่คุณเชื่อใจได้ ว่าจะสามารถทำความสะอาดและกำจัดเชื้อราต่างๆให้คุณได้หมดจริงๆ ซึ่งขอบอกว่าค่าใช้จ่ายสูงมาก จากประสบการณ์ ด้วยการแข่งขันกันในเชิงธุรกิจหลายครั้งได้พบว่าบางคนลืมเรื่องคุณธรรม หรือจรรยาบรรณในการทำงานไป 3. สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆภายในบ้าน ขอเน้นเป็นพิเศษสำหรับเครื่องใช้ภายในครัว เราอาจแยกประเภทของสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ภายในบ้านออกเป็นพวกต่างๆ ดังนี้ พวกที่เป็นเครื่องแก้ว, เครื่องกระเบื้อง, พลาสติก,เมลามีน โดยเฉพาะ แก้วน้ำ จานชามใส่อาหาร ให้ผสม คลอรีน 2 ช้อนโต๊ะต่อ น้ำร้อน 1 แกลลอน ใส่ลงในภาชนะ แล้วนำสิ่งของเหล่านั้น แช่เอาไว้อย่างน้อยเป็นเวลา 10 นาทีเพื่อฆ่าเชื้อต่างๆ จากนั้นนำขึ้นจากน้ำไปพึ่งแดดให้แห้ง 1รอบ ก่อนนำกลับมาทำความสะอาด ด้วยน้ำยาล้างจานอีกครั้งหนึ่ง ( อย่าใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง ควรทิ้งให้แห้งเอง) พวกที่เป็นเครื่องเงิน, เครื่องโลหะต่างๆ เช่น ช้อน, ส้อม, มีด, หม้อ, กระทะ ไม่ควรใช้คลอรีน เนื่องจากอาจทำปฏิกิริยา กับโลหะหลายๆชนิดจะทำให้สีเปลี่ยนไป แนะนำให้นำไปต้มในน้ำเดือด อย่างน้อยเป็นเวลา 10 นาทีเพื่อฆ่าเชื้อ แล้วใช้น้ำยาทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อได้แช่ไว้ ที่สำคัญน้ำยาที่ใช้จะต้องไม่เป็นอันตรายต่อคนเรา ( เช่น ห้ามใช้โซดาไฟ ) กรณีที่เป็นเครื่องครัวขอแนะนำให้ใช้น้ำยาล้างจานที่มีส่วนผสมของสารชีวภาพเอนไซม์ ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคและไม่เป็นอันตราย ทำความสะอาดอีกครั้งหลังจากการต้มในน้ำร้อน 4. เครื่องเรือน และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เฟอร์นิเจอร์บิลด์อินต่างๆ, ตู้ โต๊ะ เคาน์เตอร์ ทั้งหลายภายในบ้านที่ยังสามารถใช้งานได้อยู่ จำเป็นมากๆที่จะต้องมีการทำความสะอาดขัดล้างด้วยสารละลายคลอรีน หรือ ผลิตภัณฑ์น้ำยาเคมีทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อต่างๆ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อคน หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่นที่เป็นสารชีวภาพเอนไซม์ก่อนที่จะนำมาใช้งานต่อไป การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์บิลด์อินต่างๆ ต้องทำไปพร้อมๆกับการทำความสะอาดพื้น ผนัง กำแพงภายในตัวบ้าน ซึงหลังจากเสร็จขั้นตอนในการทำความสะอาดฆ่าเชื้อแล้ว ให้เปิดหน้าต่างให้มีลมโกรก อากาศจะได้ระบายออกไป หากสามารถเปิดพัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ(ที่ทำความสะอาดแล้ว)จะช่วยให้เฟอร์นิเจอร์แห้งเร็วขึ้น หากมีพัดลมหอยโข่งที่ใช้ในอุตสาหกรรมจะช่วยให้พื้นผิวต่างๆแห้งสนิทเร็วขึ้น จำเป็นต้องให้พื้นผิวต่างๆแห้งสนิทจริงๆ จึงจะสามารถนำสิ่งของเข้าไปเก็บไปใส่ได้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวต่างๆ เช่น โต๊ะ,ตู้, เตียง, ที่นอนยางพารา ที่สามารถยกออกมาได้ ให้นำออกมาทำความสะอาดในที่โล่งแจ้ง อากาศระบายถ่ายเทได้ดี โดยใช้วิธีเดียวกันกับการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์บิลด์อิน แล้วจึงนำไปตากแดดผึ่งลมไว้จนแห้งสนิทที่สุดจึงค่อยนำกลับเข้าไปในตัวบ้านเพื่อใช้งานต่อไป เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้เนื้ออ่อน, ไม้วีเนียร์ ,ไม้อัด มักไม่คุ้มค่าในการลงทุนลงแรงทำความสะอาดและซ่อมแซม ต่างจากเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ส่วนเฟอร์นิเจอร์หุ้มด้วยหนัง, หุ้มด้วยผ้า ที่บุด้วยฟองน้ำข้างใน หากพิจารณาว่าสภาพโครงยังดีอยู่และคุ้มค่าที่จะนำไปหุ้มใหม่ โดยเปลี่ยนฟองน้ำข้างในใหม่หมด จึงสามารถจะนำกลับมาใช้ได้ วอลล์เปเปอร์ที่แช่อยู่ในน้ำควรจะลอกออกเพื่อเปลี่ยนใหม่ เนื่องจากเชื้อราอาจแฝงตัวอยู่ระหว่างผนังและวอลล์เปเปอร์ เบ็ดเตล็ด สิ่งของเครื่องใช้ที่ทำจากผ้า โดยเฉพาะเสื้อผ้าต้องรีบนำมาซักทำความสะอาดฆ่าเชื้อโดยเร็วก่อนขึ้นรา ให้ซักด้วยน้ำร้อน แล้วตากแดดให้แห้ง เอกสารที่สำคัญ, ภาพถ่าย, และหนังสือ ที่เปียกน้ำ ในขั้นแรกให้ล้างเอาสิ่งสกปรกออกก่อนอย่างระมัดระวัง แล้วเก็บใส่ไว้ในถุงพลาสติก จากนั้นให้นำไปแช่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นชนิดที่เป็นแบบไม่มีน้ำแข็งเกาะ เพื่อป้องกันการขึ้นรา เพื่อนำไปทำความสะอาดในภายหลัง เมื่อคุณมีเวลาที่จะค่อยๆทำความสะอาดให้นำออกมาละลายและค่อยปล่อยให้แห้งอย่างช้าๆ บางครั้งการทำความสะอาดของเหล่านี้อาจต้องใช้คนที่เป็นมืออาชีพ ***มีของหลายสิ่งที่เมื่อแช่อยู่ในน้ำแล้ว ไม่คุ้มค่าความเสี่ยงในการนำกลับมาใช้งาน ควรตัดใจกำจัดไป เช่น ที่นอนฟูก, หมอน, ของเล่นเด็กตุ๊กตา ฯลฯ (โปรดกรุณาอย่านำไปบริจาคให้ผู้ด้อยโอกาสด้วยนะคะ) โดย : กมลพรรณ (กอวัฒนา) นุชผ่องใส กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ฟาร์อีสต์เพียร์เลส (ไทยแลนด์) 1968 จำกัด http://www.facebook.com/notes/far-ea...11455078967240
__________________
Saaychol |
#2
|
|||
|
|||
ก่อนอื่นคงต้องไปหาคลอรีนมาไว้ในครอบครองซะแล้ว อิอิ ตอนแรกกะจะใช้เดทตอล มะรู้ว่าอย่างไหนจะดีกว่ากันนะคะ
__________________
คิดดี ทำดี ชีวีเป็นสุข |
#3
|
||||
|
||||
เราจะไปช่วยกันทำความสะอาดบ้านพี่ๆน้องๆที่ถูกน้ำท่วมกันนะคะ...พร้อมเมื่อไร แจ้งมาได้เลยจ้ะ เดี๋ยวพี่หาคลอรีนไว้ให้จ้ะน้องกุ้ง...ไม่ต้องห่วง...
__________________
Saaychol |
#4
|
||||
|
||||
จะคอยติดตามข่าวนะครับ ..
ผมคิดว่าน่าจะเป็นช่วงวันเสาร์อาทิตย์นะครับ น่าจะระดมพลกันได้สะดวกนิดนึงครับผม
__________________
If we see the hearts of others, peace will follow You may say I'm a dreamer .. but I'm not the only one: John Lennon |
#5
|
||||
|
||||
พี่กุ้ง พร้อมเมื่อไหร่บอกมานะ
|
#6
|
|||
|
|||
ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ มากน้ำใจทั้งหลายคะ...ซาบซึ้ง ๆ
__________________
คิดดี ทำดี ชีวีเป็นสุข |
#7
|
||||
|
||||
Udomlert
เดทตอล ดีกว่าครับ เก็บไว้ใช้ต่อได้ แจ้งดีเดย์มาด้วยนะครับ
__________________
We make a living by what we get, we make a life by what we give. (Winston Churchill) |
#8
|
||||
|
||||
การกำจัดเชื้อราในบ้าน หลังน้ำท่วม
หลังจากบ้านต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วม ก็ต้องเจอกับความชื้น กลิ่นเหม็นอับ และเชื้อราที่ผุดขึ้นในบ้านนั่นเอง ขอรวบรวมวิธีกำจัดเชื้อราในบ้านมาฝากกันค่ะ เพื่อให้ผู้ (เคย) ประสบอุทกภัยได้จัดการกับเชื้อราที่นำมาซึ่งอันตรายและเชื้อโรคกันได้อย่างหมดจด และถูกวิธีค่ะ 1. เมื่อเกิดเชื้อราขึ้นกับวัสดุที่เป็นพื้นแข็ง ให้ใช้น้ำสบู่ แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาขัดห้องน้ำล้าง และขัดให้ด้วยแปรงชนิดแข็งจนเชื้อราออกจนหมดจด จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหลายๆ รอบจนกว่าจะแน่ใจว่าสะอาด 2. วัสดุที่เป็นเนื้ออ่อน เช่น หนังสือ กระดาษมัน พลาสติก กล่อง ให้ใช้สำลีชุบฟอร์มาลีนเช็ด แล้วตามด้วยผ้าชุบน้ำสะอาด จากนั้นนำไปวางไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเท และมีแสงแดดส่องถึงเล็กน้อย แล้วปล่อยให้แห้ง 3. พรม ฝ้า หรือที่นอน หาก มีเชื้อราขึ้น ให้โยนทิ้งจะปลอดภัยที่สุด เพราะวัสดุที่มีรูอย่างพรม ฝ้า และที่นอนนี้ เป็นวัสดุที่ล้างเชื้อราออกได้ยากมาก และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถล้างออกได้หมดจด 100% 4. อย่าทาสีหรือแลคเกอร์ทับในบริเวณที่เกิดเชื้อรา ให้ล้างออกให้สะอาดหมดจดก่อน จากนั้นค่อยเริ่มทาสีหรือแลคเกอร์ 5. กรณีที่เชื้อราผุดให้เห็นในข้าวของเครื่องใช้ประเภทเครื่องหนัง ให้ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดหลาย ๆ ครั้ง จนแน่ใจว่าสะอาด จากนั้นเช็ดครั้งสุดท้ายด้วยน้ำสะอาด น้ำส้มสายชูจะช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดี 6. เฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้ที่เป็นไม้เนื้ออ่อน โดยปกติจะไม่เป็นอะไรมากนักหากนำมาล้างทำความสะอาดภายใน 24-48 ชั่วโมงที่พบเชื้อ แต่ในกรณีที่น้ำท่วมแล้วปล่อยบ้านไว้นานเป็นเดือน ๆ ขอแนะนำให้ทิ้งข้าวของเครื่องใช้ที่ทำด้วยไม้เนื้ออ่อนเหล่านั้นไปอย่างไม่ต้องเสียดาย เพราะอาจจะฟักตัวเป็นเชื้อราที่อันตรายมากขึ้นได้ 7. ย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องใช้ที่มีราขึ้น (และตอนนี้ได้ทำความสะอาดแล้ว) ไปอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือที่แสงแดดส่องถึงสักระยะหนึ่ง คือประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วหมั่นคอยตรวจสอบว่า หลังจากทำความสะอาดแล้วยังมีเชื้อราขึ้นอยู่อีกหรือไม่ 8. วอลเปเปอร์ ใช้กรดซาลิไซลิด ผสมกับแอลกอฮอล์ในอัตราส่วน 1:5 จากนั้นนำผ้ามาชุบไปเช็ดวอลเปเปอร์ซ้ำๆ ประมาณ 2 รอบ แต่ถ้าหากว่ามีเชื้อราอยู่มาก แนะนำให้รื้อทิ้งแล้วเปลี่ยนวอลเปเปอร์ใหม่จะดีกว่า 9. เสื้อผ้า ผ้าม่าน และผ้าห่ม หากพบเชื้อรา สามารถฆ่าเชื้อเบื้องต้นได้โดยใช้น้ำร้อน จากนั้นขยี้แล้วซักให้สะอาดหลาย ๆ ครั้ง และตากในที่ที่มีแสงแดดเท่านั้น เพื่อเป็นการฆ่าเชื้ออีกที 10. งดกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดความชื้นภายในบ้าน แต่ควรเปิดให้อากาศภายนอกได้ระบายเข้ามาบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันแดดจัด แม้ว่าจะทำให้ร้อนอบอ้าวไปบ้าง แต่แสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อราได้ดีเลยทีเดียว รับรองว่าถ้าหากทำได้อย่างนี้แล้ว พอพ้นช่วง 2-3 สัปดาห์หลังน้ำท่วมเมื่อไหร่ ก็จะได้บ้านอบอุ่นและปลอดภัยปลอดเชื้อโรคหลังเดิมคืนมาอย่างแน่นอนค่ะ ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก http://health.kapook.com/view33420.html
__________________
Saaychol |
|
|