เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 03-03-2020
เด็กน้อย เด็กน้อย is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: Aug 2009
ข้อความ: 263
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 3 มีนาคม 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน และจะมีผลกระทบในภาคอื่นๆ ในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

การคาดหมายลักษณะ ในช่วงวันที่ 3 - 5 มี.ค. 63 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 6 - 9 มี.ค. 63 ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน


ข้อควรระวัง

ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 3 - 5 มี.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย


*******************************************************************************************

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 3-5 มีนาคม 2563)"

ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 03 มีนาคม 2563
ในช่วงวันที่ 3 ? 5 มีนาคม 2563 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจจะมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่

สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย



จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้

ในวันที่ 3 มีนาคม 2563

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม

มุกดาหาร ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร

อำนาญเจริญ และอุบลราชธานี

ภาคเหนือ: จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และฉะเชิงเทรา

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา



ในช่วงวันที่ 4-5 มีนาคม 2563

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ

และอุบลราชธานี

ภาคเหนือ: จังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา

รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา และชลบุรี

ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจจะมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้



ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง



ประกาศ ณ วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 05.00 น.

กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไป ในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.00 น.
รูปขนาดเล็ก
คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name:	2020-03-03_TopChart_07.jpg
Views:	0
Size:	122.2 KB
ID:	21736  
รูป
   
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 03-03-2020
แมลงปอ แมลงปอ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 698
Default

ข่าวสด

MEA ห่วงใย เตือนภัยพายุฤดูร้อน แนะเตรียมพร้อมป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า




ตามที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศโดยระบุว่าประเทศไทยได้เริ่มต้นเข้าสู่ฤดูร้อน และตามประกาศที่ 3/2563 ลงวันที่ 2 มีนาคม 2563 แจ้งว่า ในช่วงวันที่ 3 ? 5 มีนาคม 2563 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น มีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงอาจจะมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยระบุว่ากรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบในวันที่ 5 มีนาคม 2563 นั้น

นางสาวผาสุก สัมปุณณะโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA กล่าวว่า MEA มีความห่วงใยประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างร้านที่ติดตั้งป้ายโฆษณา จะต้องต้องติดตั้งป้ายให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพที่มั่นคงปลอดภัย หากป้ายอยู่ในแนวสายไฟฟ้าแรงสูงต้องตรวจสอบความแข็งแรงและระยะที่ปลอดภัยของป้ายกับสายไฟฟ้ามากขึ้นเพราะอาจทำให้กระทบระบบไฟฟ้าทำให้ไฟฟ้าดับได้ และขอให้อยู่ห่างจากป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งก่อสร้างที่ ไม่แข็งแรงใกล้แนวสายไฟฟ้า เพราะกิ่งไม้อาจหักโค่นจากลมกระโชกแรงและพาดลงมาทำให้เสาไฟฟ้าล้ม หรือสายไฟฟ้าขาด เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งขอแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพปลอดภัยหากชำรุดเร่งซ่อมแซมแก้ไข และสำรวจต้นไม้ที่ปลูกในบริเวณบ้านของตนเอง ให้กิ่งไม้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยไม่ระสายไฟฟ้าเพราะอาจทำให้ไฟฟ้าดับ รวมไปถึงอาจจะทำให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วมาตามกิ่งไม้ที่เปียกน้ำจากฝนฟ้าคะนองได้ พร้อมทั้งควรติดตามข่าวสาร สถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ด้านระบบไฟฟ้านั้น MEA ดำเนินการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ก่อนเข้าสู่ฤดูร้อนของทุกปีเนื่องจากมักจะเกิดพายุฝนลมแรง จึงได้ระดมกำลังพนักงานทุก MEA เขต เร่งลงพื้นที่บำรุงรักษาระบบจำหน่าย ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้า การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์บนเสาไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ และการดำเนินงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีประสิทธิภาพ มั่นคง ปลอดภัย ลดความเสี่ยงของการลัดวงจรในระบบจำหน่าย ตลอดจนมีการติดตั้งระบบไฟฟ้าสำรองในสถานที่สำคัญ และ MEA จัดเจ้าหน้าที่ดูแลระบบไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุด อยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ MEA ได้ทุกเขต หรือที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 รวมถึงสามารถแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA Line@ : @meathailand Twitter : @mea_news หรือ แจ้งผ่าน MEA Smart Life ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนระบบ iOS และ Android ของ MEA ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดาวน์โหลดฟรี คลิก http://onelink.to/measmartlife

#พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร


ผู้จัดการออนไลน์


เรือเฟอร์รี่ล่มคร่า 18 ชีวิตใน "แอมะซอน" ยังสูญหายอีก 30




เอเอฟพี ? มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 คนเมื่อเรือล่องแม่น้ำลำหนึ่งล่มในพื้นที่ป่าฝนของแอมะซอน ทางการบราซิล ระบุเมื่อวันจันทร์ (2) ในขณะที่ผู้รอดชีวิตเล่าถึงนาทีการหนีตายออกจากเรือลำดังกล่าว

เรือลำดังกล่าวนำผู้โดยสารล่องไปตามแม่น้ำจารี แม่น้ำสายย่อยของแอมะซอน ก่อนที่มันจะเริ่มหงายท้องอย่างกะทันหันเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ (29)

เมื่อค่ำวันจันทร์ (2) ทางการ ระบุว่า นอกเหนือจากผู้เสียชีวิต 18 คน พวกเขาได้ช่วยผู้รอดชีวิต 46 คนและยังมีผู้สูญหายอีก 30 คน หมายความว่า น่าจะมีผู้อยู่บนเรือมากกว่าที่คิดไว้ตอนแรกมาก

ปฏิบัติการค้นหากำลังดำเนินอยู่ โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบิน และนักประดาน้ำกู้ภัย

กองทัพเรือบราซิล ระบุว่า พวกเขาได้เปิดการสืบสวนต่อเหตุการณ์นี้แล้ว ในขณะที่สาเหตุของมันยังไม่ได้ถูกเปิดเผย

ผู้รอดชีวิต แวนเดอร์เลีย มอนเตโร กล่าวว่า เรือ Anna Karoline III ดูเหมือนว่าจะประสบปัญหาเมื่อเรืออีกลำหนึ่งแล่นขนาบข้างและพยายามจะทอดสมอ พฤติกรรมปกติสำหรับเรือเฟอร์รีที่เดินทางในแอมะซอนและแม่น้ำสายย่อยต่างๆ



มีคนตะโกนว่า ?มันกำลังจม? และอีกไม่กี่วินาทีต่อมา เรือก็หงายท้อง เธอบอกสำนักข่าวบราซิล G1 หลังจากหลบหนีพร้อมกับสามีของเธอและลูกชายวัย 11 ขวบ

?เราหนีออกทางหน้าต่างและรู้สึกเหมือนกับว่าผนังของเรือกลับด้านในขณะที่มันกำลังหงายท้อง มันเหมือกับในหนังเลย? เธอกล่าว



?กระแสน้ำพัดเราไปเร็วมาก และเราก็ได้เห็นเรือของเราล่มอยู่ไกลๆ จากนั้นเรืออีกลำก็มาช่วยเรา?

Anna Karoline III เรือเฟอร์รี 2 ชั้น ออกเดินทางเมื่อเย็นวันศุกร์ (28) จากเมืองมากาปา เมืองเอกของรัฐอามาปาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล

มันกำลังมุ่งหน้าไปเมืองซังตาไรในรัฐปารา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 36 ชั่วโมง เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมงกว่าจะมาถึง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างไกลมาก

เหยื่อ 3 รายเป็นเด็กหญิงอายุระหว่าง 7 ถึง 11 ขวบ รัฐบาลรัฐอามาปา ระบุในถ้อยแถลง
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 03-03-2020
แมลงปอ แมลงปอ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 698
Default

ถนนเลียบคลองระพีพัฒน์คลองเก้า หนองเสือ ทรุดตัวหนัก




น้ำภายในคลองส่งน้ำระพีพัฒน์ย่านหนองเสือ แห้งขอด ส่งผลให้ดินชั้นล่างเกิดการสไลด์จนผิวทางเป็นรอยแยกและทรุดตัวลึก ยาวประมาณ 70 เมตร

วันนี้ 2 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชนว่า ถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ ช่วงคลองที่ 9 ทางหลวงหมายเลข ปท.5021 กม.ที่ 22 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของทางหลวงชนบท หมู่ที่ 6 ต.บึงกาสาม อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เกิดการทรุดตัวเป็นรอยแยกอย่างหนัก ทำให้ประชาชนที่จะใช้เส้นทางผ่านไปเป็นไปด้วยความยากลำบากและอาจก่อให้เกิดอันตรายจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ

จากการตรวจสอบพบว่า ถนนเกิดรอยแยกและเกิดการทรุดตัวลึกประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ 70 เมตร โดยกรมทางหลวงชนบทได้ปิดกั้นการจราจรชั่วคราวทำให้รถยนต์ที่จะผ่านในเส้นทางต้องเลี่ยงไปใช้ฝั่งของ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้เครื่องจักรกลหนักทำการปรับสภาพผิวทางที่ต่างระดับให้สามารถใช้การได้เป็นการชั่วคราว

สาเหตุคาดว่ามาจากน้ำภายในคลองส่งน้ำระพีพัฒน์ที่แห้งขอดส่งผลให้ดินชั้นล่างเกิดการสไลด์ตัวจนผิวทางเกิดรอยแยกและทรุดตัว

ทางด้านนางอารียา จันทา สมาชิก อบต.บึงกาสาม เปิดเผยว่า ถนนเกิดรอยร้าวมาประมาณ 1 เดือน เพราะน้ำในคลองแห้ง โดยทาง อบต.บึงกาสาม และทางหลวงชนบทได้ติดป้ายเตือนและตั้งแบริเออร์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ แต่ค่ำคืนที่ผ่านมาถนนเกิดการเคลื่อนตัวอย่างหนักทำให้รถไม่สามารถผ่านไปได้จึงรีบแจ้งผู้บังคับบัญชา และประสานกรมทางหลวงชนบทเข้ามาเร่งทำการซ่อมแซม



พายุฤดูร้อนถล่ม5อำเภออุดรฯเสียหายหนัก เสาไฟฟ้าโค่นบ้านเรือนเสียหายยับ



สภาพบ้านเรือนประชาชนใน 5 อำเภอของจ.อุดรธานี เสียหายหนักจากพายุฤดูร้อนพัดถล่ม

อุดรธานี-พายุฤดูร้อนพัดถล่ม 5 อำเภอของจ.อุดรธานี เสียหายหนัก พบเสาไฟฟ้าแรงสูงโค่นล้มพังเกือบ 100 ต้น บ้านเรือนประชาชนอ.โนนสะอาด เสียหาย 126 หลังคาเรือน ด้านกฟภ.ผนึกทีโอที เร่งกู้คืนระบบไฟฟ้าสื่อสารคือสู่ภาวะปกติภายในเย็นนี้

วันนี้ (3มี.ค.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่จังหวัดอุดรธานี ได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มในหลายอำเภอ สร้างความเสียหายกับสิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ และเสาไฟฟ้า เสียหายจำนวนมาก ล่าสุดผลสำรวจความเสียหายเบื้องต้น พบบ้านเรือนประชาชนเสียหายหนักใน 5 อำเภอ คือ อ.โนนสะอาด อ.กุมภวาปี อ.หนองหาน อ.ประจักษ์ศิลปาคม และอ.กู่แก้ว นอกจากนี้เสาไฟฟ้าแรงสูงบนถนนหลวงหมายเลข 2350 บริเวณบ้านเมืองพรึก อ.กุมภวาปี ถึงบ้านม่วงคอนสาย อ.กู่แก้ว เสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นเกือบ 100 ต้น

ขณะที่บริเวณโรงเรียนบ้านพังงู ต.พังงู อ.หนองหาน และโรงเรียนบ้านดอนกลางตาลเดียว พายุหมุนถล่มอาคารเรียนจนพัง เด็กที่มาเรียนวันนี้ต้องช่วยกันเก็บเศษกระเบื้องและเศษใบไม้ กิ่งไม้ จากแรงพายุ นอกจากนี้ยังมีรายงานความเสียหายอีกหลายหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่กำลังออกสำรวจ

ส่วนที่ อ.กู่แก้ว พบป้ายข้อความขนาดใหญ่ ?ยินดีต้อนรับสู่ อ.กู่แก้ว? พังลงมาเสียหายยับเยิน ส่วนบริเวณถนนสาย 2350 เส้นทางอ.หนองหาน กุมภวาปี ระหว่าง บ้านม่วงคอนสาย ไปบ้านเมืองพรึก ต.แชแล เสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นเกือบ 100 ต้น

ขณะพื้นที่บ้านม่วง ต.คอนสาย อ.กู่แก้ว แรงพายุเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชนเสียหายไปหลายหลังคาเรือน ด้าน กฟภ. ได้จัดตั้ง ศอส.ฉุกเฉิน ที่สำนักงาน กฟภ.อ.กุมภวาปี เพื่อเป็นหน่วยแก้ระบบที่ อ.โนนสะอาด และ ตั้งศอส.ที่ อ.หนองหาน เพื่อแก้ระบบที่ อ.กู่แก้ว

ด้านนายวรพันธ์ ชำนิยันต์ นายอำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี รายงานข้อมูลความเสียหายจากพายุฤดูร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 2 มีนาคม 2563 มีพื้นที่ได้รับความเสียหาย 2 ตำบล จากการสำรวจเบื้องต้น 126 หลังคาเรือน โดยตำบลโพธิ์ศรีสำราญ เสียหาย 5 หมู่บ้าน 15 หลังคาเรือน และตำบลโนนสะอาด เสียหาย 4 หมู่บ้าน รวม 111 หลังคาเรือน

ความเสียหายส่วนมากหลังคาปลิวตามแรงลม แยกเป็นเสียหายทั้งหลัง 6 หลัง และเสียหายบางส่วน 105 หลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชายอายุ 20 ปี จำนวน 1 ราย ขณะนี้ได้เร่งให้องค์กรปกครองส่วนท่องถิ่นสำรวจความเสียหายอย่างละเอียด เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยตามระเบียบของทางราชการต่อไป

ขณะที่รายงานความเสียหายจากการไฟฟ้าอำเภอกุมภวาปี มีเสาไฟฟ้าหักโค่น 5 จุด รวม 63 ต้น เสียหายหนักสุดคือบริเวณหน้าโรงเรียนโนนสะอาดพิทยาสรรค์ ระยะทาง 3 กิโลเมตร รวม 27 ต้น และริมถนนมิตรภาพจากสี่แยกไฟแดง รวมระยะทาง 1 กิโลเมตร จำนวน 19 ต้น ซึ่งการไฟฟ้าอำเภอกุมภวาปี ร่วมกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เร่งกู้คืนสภาพระบบจำหน่ายไฟฟ้าและระบบสื่อสาร โดยมีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 1 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จ.อุดรธานี และการไฟฟ้าฯ จากจังหวัดขอนแก่น ส่งทีมเข้าช่วยเหลือเพื่อให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติในช่วงเย็นวันนี้



นอกจากนี้ แขวงทางหลวงอุดรธานีที่ 1 อุดรธานี ได้ติดตั้งเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าชั่วคราวให้กับตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจรบริเวณสี่แยกอำเภอโนนสะอาด จนกว่าระบบไฟฟ้าหลักจะปกติ ส่วนร้านสะดวกซื้อ Tesco Lotus express ที่อยู่ติดกับสี่แยกไฟแดง เสียหายหนัก หลังคาเปิด ทำให้น้ำรั่วจากด้านบน สินค้าได้รับความเสียหายจำนวนมาก ต้องปิดร้านทำความสะอาด ซ่อมแซมฝ้าเพดานและหลังคาให้เรียบร้อย ก่อนเปิดอีกครั้ง




ชาวนาเมืองลุงหวั่นน้ำเค็มเข้านาข้าวเกินปริมาณ เร่งขนกระสอบทรายสร้างฝายกันน้ำ




พัทลุง - ชาวนาในพื้นที่ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง หวั่นปริมาณน้ำเค็มทะลักเข้านาข้าว เร่งช่วยกันขนกระสอบบรรจุทรายสร้างฝายกันน้ำเค็ม พร้อมขอชลประทานผันน้ำช่วยเหลือด่วน

วันนี้ (3 มี.ค.) สถานการณ์ฝนทิ้งช่วงมาหลายเดือนในพื้นที่ จ.พัทลุง และการขุดลอกลำคลองเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลา เพื่อป้องกันน้ำท่วมในลุ่มน้ำสายหลักหลายสายก่อนหน้านี้ ส่งผลให้น้ำจืดไหลลงสู่ทะเลสาบได้เร็วขึ้น ทำให้ลำคลองไม่สามารถกักเก็บน้ำจืดเอาไว้ได้ จนล่าสุด น้ำในทะเลสาบสงขลาที่เพิ่มความเค็มมากขึ้น ได้ขยายกลับมาตามลำคลองต่างๆ จนเกิดความเค็มของน้ำ ทำให้ได้รับผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน

โดยเฉพาะในพื้นที่นาข้าว ต.ปันแต ต.พะนางตุง ต.มะกอกเหนือ และ ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน ที่กำลังตั้งท้องออกรวงกว่า 7,500 ไร่ เริ่มได้รับผลกระทบ ซึ่งเกษตรกรชาวนาไม่ทราบในช่วงแรกว่าปริมาณความเค็มของน้ำเพิ่มขึ้นจาก 1.5 มิลลิกรัม ที่ต้นข้าวจะรับได้เป็น 2.2 มิลลิกรัม จนชาวนาในพื้นที่เริ่มหวั่นวิตก เพราะค่า 2.2 มิลลิกรัม จะมีผลต่อต้นข้าวที่ตั้งท้องอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ และต้องตกอยู่ในภาวะทำใจ

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน ยังคงสู้สุดชีวิตเพื่อรักษานาข้าว และยังหวังในผลผลิตที่จะได้รับเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และปลดหนี้ ได้รวมตัวกันสร้างฝายกันน้ำเค็ม โดยขอการสนับสนุนกระสอบ และทราย มาสร้างฝายกักน้ำเค็ม เพื่อไม่ให้ไหลทะลักเข้าในไปแปลงนา

ด้าน นายสมเกียรติ ทองพันธุ์ ประธานกลุ่มเกษตรกรตำบลมะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง กล่าวว่า หลายสิบปีที่น้ำเค็มไม่เคยไหลเข้ามายังพื้นที่การเกษตรด้านใน แต่ปีนี้จากภาวะฝนทิ้งช่วง ทำให้น้ำเค็มไหลเข้านาช่วงข้าวตั้งท้อง และส่งผลกระทบต่อนาข้าวในพื้นที่ของ อ.ควนขนุน อย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนของชาวนา ต.มะกอกเหนือ ต้องเร่งช่วยตัวเองเพื่อป้องกันน้ำเค็มเข้านาข้าว โดยการสร้างฝายกักน้ำ พร้อมทั้งได้ทำหนังสือขอน้ำจากชลประทานพัทลุง ตรงบริเวณฝายท่าแนะ ให้ผันน้ำเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อไล่น้ำเค็มออกจากนานข้าว ซึ่งสามารถช่วยให้ต้นข้าวฟื้นตัว และไม่ได้รับความเสียหายทั้งหมด


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 03-03-2020
แมลงปอ แมลงปอ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 698
Default

จีนทำ ?ฝนเทียม? 350 ล้านตัน ลดเสี่ยงไฟป่า-บรรเทาภัยแล้ง



จีนทำ ?ฝนเทียม? 350 ล้านตัน ลดเสี่ยงไฟป่า-บรรเทาภัยแล้ง (แฟ้มภาพซินหวา สื่อทางการจีน)

สำนักข่าวซินหัว สื่อทางการจีน รายงาน (29 ก.พ.) แหล่งข่าวจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งประเทศจีน (CMA) เปิดเผยว่าจีนดำเนินการทำฝนเทียม ปริมาณ 350 ล้านตัน เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดไฟป่าและบรรเทาภาวะแห้งแล้ง

สำนักงานฯ ระบุว่าหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาระดับท้องถิ่นออกปฏิบัติการทำฝนเทียมทางอากาศและจากภาคพื้นระหว่างวันพุธถึงวันศุกร์ (26-28 ก.พ.) ที่ผ่านมา โดยครอบคลุมพื้นที่ราว 292,000 ตารางกิโลเมตร

หลายภูมิภาคของจีนมีฝนตกน้อยลงตั้งแต่ย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์ สำนักงานฯ จึงสั่งการหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่นเพิ่มการทำฝนเทียม พร้อมยึดแนวทางป้องกันและควบคุมโรคระบาดจากไวรัสโควิด-19

ช่วงวันพุธ-วันศุกร์ที่ผ่านมา มีการจัดสรรเที่ยวบินทำฝนเทียม จำนวน 14 เที่ยว ในภูมิภาคระดับเทศบาลนครและมณฑล 4 แห่ง และการทำฝนเทียมจากภาคพื้นมากกว่า 450 ครั้ง ในภูมิภาคระดับเทศบาลนคร เขตปกครองตนเอง และมณฑล 15 แห่ง


สุดน่ารัก! พบ ?ฝูงโลมา? กระโดดกว่า 100 ตัวที่หมู่เกาะสิมิลัน



ภาพจาก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน - Mu Ko Similan National park

เพจอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โพสต์ภาพ ?ฝูงโลมา? ที่กำลังกระโดดเล่นน้ำโชว์ความน่ารักกว่า 100 ตัว ให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน



ภาพจาก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน - Mu Ko Similan National park

วันนี้ (2 มีนาคม 2563) เวลา 10.00 น. เพจอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันได้โพสต์ภาพฝูงโลมากระโดดจำนวนเกือบ 100 ตัว ขณะนำนักท่องเที่ยวเดินทางมุ่งหน้ามาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะประมาณ 2 ไมล์ทะเล


ภาพจาก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน - Mu Ko Similan National park

สิมิลันช่วงนี้พบสัตว์ทะเลต่างๆ มากมาย จึงอยากขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว โปรดเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้อาหารสัตว์ ไม่ทิ้งขยะลงทะเล ที่สำคัญงดนำถุงพลาสติกหูหิ้วเข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ

ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:36


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger